xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ล็อก “ปู” ตัวประกัน “ทักษิณ” ดิ้นสู้ “บิ๊กตู่” อยู่ยาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังนิ่งเงียบมานานก็เริ่มเปิดเกมเคลื่อนไหวขยับใกล้เข้ามาอีกนิดสำหรับพี่ชายสุดเลิฟของน้องปู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่รับคำเชิญเกาหลีใต้ มาร่วมประชุมผู้นำเอเชีย ในช่วงโมงยามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว นัดแรก ท่ามกลางกองเชียร์ล้นหลาม พร้อมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยกว่าครึ่งพัน

เป็นความเคลื่อนไหวที่เหมือนส่งแรงใจมาช่วย “น้องปู” ตัวประกันทางการเมืองของตระกูลชินวัตร ซึ่งนอกจากจะเจอคดีโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ยังมีอีกคดีที่เข้าคิวรอจ่อคอหอยกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวก ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งข้อกล่าวหากรณีจ่ายเงินเยียวยา 2,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมการเมืองโดยไม่มีกฎหมายรองรับอีกด้วย

ขณะเดียวกัน “นายใหญ่” ก็ถือโอกาสส่งสาส์นบอกกล่าวเครือข่ายให้ใจเย็นอดทนรอ เพราะเชื่ออีกไม่นาน “ประชาธิปไตย” จะเบ่งบานอีกครั้ง แถมเย้ยหยันผลงาน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในทำนอง “งั้นๆ” ทว่า “บิ๊กตู่” ก็หาได้สะดุ้งสะเทือนไม่ เปรียบดังหมาเยี่ยวรดภูเขาทองที่ไม่ได้สร้างความหวั่นไหวอันใดให้เกิดขึ้นได้ อยากพูดก็พูดไป

พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้รับเชิญไปกล่าวปาฐกถาในการประชุมผู้นำแห่งเอเชียครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงโซล บอกผ่านผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ โดยเรียกร้องให้คนไทยหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง เมื่อถูกถามว่ามีแผนปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงให้ลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ “ไม่หรอก เราอยากเห็นรัฐบาล (พล.อ.ประยุทธ์) ประสบความสำเร็จ แต่มันก็ยากอยู่ คุณคงนึกภาพออก”

นอกจากนั้น ยังวิจารณ์การทำงานในภาพรวมของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วง 1 ปี ด้วยว่า “มันยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่” “พวกเขาต้องทำงานหนักยิ่งกว่านี้ ต้องเข้าใจสถานการณ์โลก และจิตใจของประชาชนที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยมานานหลายสิบปี” “ผมเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว ระบอบประชาธิปไตยจะกลับคืนมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง แต่เราต้องรู้จักอดทนและต่อสู้อย่างสันติ... ต้องไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ”

การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังประจวบเหมาะกับการออกมาเดินสายถี่ยิบของอดีตขงเบ้งแห่งกองทัพไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ทั้งการไปเยี่ยมเยียนผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย อดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) ที่โรงแรมลี การ์เด้นส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์บึ้มเซ็นทรัลที่เกาะสมุย ในเวลาต่อมาจนมีการตั้งข้อสังเกตเชื่อมโยงเหตุการณ์เข้าด้วยกันก่อนจบแบบไม่มีอะไรในกอไผ่

รวมทั้งการนำคณะไปพบชาวนา อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้กำลังใจหลังขายข้าวไม่ได้ราคา หรือการต่อสายคุยกับมวลชนในเครือข่าย และล่าสุดเปิดบ้านรับแขกวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 83 ปี เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยประเด็นเด็ดอยู่ตรงที่บิ๊กจิ๋วไม่ปฏิเสธ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง

เป็นอีเว้นท์ที่หวังสร้างผลสะเทือนในเชิงจิตวิทยามวลชน สร้างขวัญกำลังใจในวันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องเดินขึ้นเขียงเชือดในคดีโครงการรับจำนำข้าวนัดแรก เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2558 ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ลั่นวาจาจะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมและมั่นใจในความบริสุทธิ์เต็มเปี่ยม

สำหรับคดีโครงการรับจำนำข้าว เป็นคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

นายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อสอบคำให้การจำเลย โดยศาลได้อ่านสรุปคำฟ้องให้จำเลยฟังโดยสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือนส.ค. 2554 - พ.ค. 2557 จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน และเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จำเลยเป็นนายกรัฐมนตรี ดำเนินการนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกรวม 5 โครงการประกอบด้วย 1. โครงการรับจำนำข้าวนาปี ระหว่างปี 2554-2555 2. โครงการรับจำนำข้าวนาปลัง ปี 2555 3. โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ระหว่างปี 2555-2556 (ครั้งที่ 1) 4.โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2556 (ครั้งที่ 2) 5. โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2556-2557

ในระหว่างการดำเนินการ ตามนโยบายโครงการรับจำนำข้าว ได้มีข้อทักท้วงจากหลายหน่วยงาน เช่น ป.ป.ช. สตง. กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และพรรคฝ่ายค้าน ว่า โครงการรับจำนำข้าวมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งด้านคุณภาพข้าว การบิดเบือนราคาตลาด และอื่นๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งจำเลยและคณะรัฐมนตรี จะต้องมีความระมัดระวังรอบคอบ ทุ่มเท เอาใจใส่ในการดำเนินการ กำหนดหลักเกณฑ์ให้สมเหตุสมผล และมีมาตรการป้องกันความเสียหาย ด้านเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ แต่จำเลยกลับร่วมลงมติกับคณะรัฐมนตรี โดยงดเว้นมาตรการป้องกันไม่ระงับยับยั้งความเสียหายให้หมดสิ้นไป หรือปรับแก้ไขหลักเกณฑ์ในโครงการรับจำนำข้าว ก่อให้เกิดความเสียหายที่ประเมินเป็นตัวเลขได้และประเมินเป็นตัวเลขไม่ได้

คดีนี้ โจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งมีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2,000 - 20,000 บาท และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000 - 200,000 บาท

จากนั้น นายวีระพล ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ได้สอบถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีว่า จะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันให้การปฏิเสธตามคำให้การที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรมา และจะยื่นคำให้การฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติมในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ซึ่งศาลอนุญาต พร้อมมีคำสั่งให้นัดตรวจพยานหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่ายในวันที่ 21 ก.ค. และ 28 ก.ค. 2558

หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งศาลอนุญาต โดยตีราคาวงเงินประกัน 30 ล้านบาท โดยพิจารณาจากมูลค่าความเสียหายในคดีที่สูงถึง 5 แสนล้านบาท บวกกับอัตราโทษของคดี และมีเงื่อนไขห้าม น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากศาล

ชัดเจนแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกล็อกตัวไว้จากคดีดังกล่าวนี้แล้ว การเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ของพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายคนเสื้อแดง รวมทั้งพลพรรคเพื่อไทย จะบุ่มบ่ามไม่ได้เด็ดขาด และเป็นที่มาของการขอร้องอย่าเคลื่อนไหว ให้อดทน และต่อสู้อย่างสันติ ถึงแม้จะมองเห็นว่าจะมีเกมยื้อลากตั้งออกไปจากโรดแมปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยสัญญาว่าต้นปีหน้า 2559 จะเห็นการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นแน่นอนมาก่อนนี้ก็ตาม เพราะทั้งการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฯ การทำประชามติ ล้วนต้องใช้เวลา

นอกจากนั้น ยังมีกองเชียร์ให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ไปอีกนานๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ

แต่จะอย่างไรก็ตาม ถึงท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ต้องลุกจากเก้าอี้ ส่วนจะวางกติกา ทำคลอดรัฐธรรมนูญฯ ให้การเมืองพัฒนาไปข้างหน้า เปลี่ยนสายพันธุ์นักการเมืองใหม่ หรือจะอยู่ในวังวนเดิมๆ ก็คงมองเห็นกันล่วงหน้าตั้งแต่นาทีนี้แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น