ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การขังเดี่ยว “วีระ สมความคิด” แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ผู้ลั่นวาจาจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ไม่เพียงแต่ถูกมองว่าเป็นการสมคบคิดระหว่างรัฐบาลสองชาติที่ต้องการสยบม็อบ ทำลายความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวทวงคืนแผ่นดินไทยเท่านั้น แต่ยังมีข้อสังเกตว่า มีการต่อรองแลกเปลี่ยนกรณีมรดกโลกพระวิหารที่เขมรยังไม่บรรลุเป้าประสงค์ด้วยหรือไม่ ?
ถึงวันนี้ (18 ม.ค.) ศาลกัมพูชา ได้พิจารณาตัดสินให้ประกันตัว 6 คนไทยแล้ว หลังให้การว่าไม่ได้มีเจตนารุกล้ำเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา เหลือแต่เพียง วีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะข้อหาจารกรรมข้อมูล และไม่ยอมรับว่ารุกล้ำดินแดนกัมพูชา แต่ท่าทีและคำพูดจากปาก วีระ ที่ว่า “พวกเขายัดข้อหาผม” รวมถึงการประกาศพร้อมจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด สะท้อนให้เห็นว่า วีระ ตกเป็นเหยื่อที่ถูกปล่อยให้ตายเดี่ยวโดยตัวเขาเองพร้อมสู้ตายถวายชีวิตในต่างแดน
ทันทีที่ 4 คนไทยได้รับการประกันตัวเพิ่มเติมในวันนี้ รวมกับที่ได้รับประกันตัวก่อนหน้า 2 คน รวมเป็น 6 คน แต่ทั้งหมดยังห้ามออกนอกราชอาณาจักรกัมพูชา มีการประเมินการเคลื่อนไหวม็อบเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ 2 แนวทาง หนึ่ง การเคลื่อนไหวจะถูกยกระดับ เพราะแกนนำคนสำคัญยังถูกคุมขังอยู่ในคุกเขมร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจในการช่วยเหลือเพื่อให้ วีระ สมความคิด รอดคุกของฝ่ายรัฐบาลไทย แม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศ จะบอกว่า จะเดินหน้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ก็ตาม
ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่าย ออกมาประกาศทันควันหลังศาลเขมรตัดสินว่า เมื่อคนไทยทั้ง 7 ยังไม่ได้เดินทางกลับประเทศตามเงื่อนไขจะมีการยกระดับการชุมนุม พร้อมกับเกิดเหตุการณ์ประจวบเหมาะเมื่อ ไชยวัฒน์ และ สมบูรณ์ ทองบุราน อดีต ส.ว.ถูกตำรวจดักจับระหว่างการเดินทางไปมอบตัวในคดีร่วมกันชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ตามหมายจับเมื่อเดือนตุลาคม 2553 โดยเขาทั้งสองจะไม่ยื่นประกันตัว ซึ่งเป็นเหตุการณ์เข้าทำนอง “เรียกม็อบ” หรืออาจมองได้อีกเช่นกันว่า นี่เป็นการเด็ดปีกแกนนำ
อีกทางหนึ่งนั้น มีการประเมินกันว่า เมื่อ วีระ ถูกปล่อยให้ตายเดี่ยวในคุกเขมร และการปลุกม็อบของ ไชยวัฒน์ ที่ฝั่งไทยไม่ได้ขึ้นดังหวัง สังเกตจากผู้ร่วมชุมนุมมีไม่ถึงหลักพัน ขณะเดียวกัน ฟากรัฐบาลและนายทหารใหญ่ก็ออกมาทำลายความชอบธรรม กล่าวหาว่า เป็นเรื่องของบางคนบางกลุ่มที่ยึดเอาอัตตาเป็นที่ตั้ง ซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้งถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน (พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์) บวกกับอาการขี้รำคาญม็อบของคนกรุงเทพฯ ก็อาจทำให้พลังของม็อบค่อยๆ ถดถอยลง
หากม็อบเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ออกอาการถดถอย ถูกลดทอนความชอบธรรม ก็อาจจะส่งผลต่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 25 มกราคมนี้ ซึ่งนัดรวมพลเคลื่อนไหวในประเด็นยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เป็นประเด็นหลัก รวมๆ กับประเด็นการคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็เข้าทางฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ต้องการสยบม็อบพันธมิตรฯ
การจับ วีระ สมความคิด จึงมีผลสะเทือนในหลายระดับ ที่สำคัญ เขาอาจจะถูกรัฐบาล ฮุน เซน ใช้เป็นตัวประกันในการต่อรองกับรัฐบาลไทยแลกกับการเลิกคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน ปีนี้ ที่บาห์เรน จะมีการพิจารณาแผนบริหารจัดการตามข้อตกลงปีที่แล้วที่ให้เลื่อนการพิจารณาแผนมาเป็นปีนี้แทน
การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เป็นปัญหาที่ ฮุน เซน ออกอาการฉุนเฉียวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เพราะฝ่ายไทยคัดค้าน ทำให้เรื่องยังคาราคาซังจนถึงบัดนี้สถานการณ์ก็ยังไม่พร้อมสำหรับการท่องเที่ยวเสียที
ที่ผ่านมา ฮุน เซน มีความพยายามหลายครั้งที่จะสร้างบรรยากาศแห่งความสงบเรียบร้อยเพื่อให้ปราสาทพระวิหารเข้าเงื่อนไขการเป็นมรดกโลก เช่น การพร้อมถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท ฯลฯ แต่ท่าทีจอมปลอมของ ฮุน เซน ก็ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ จับได้ไล่ทัน
ขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลไทย ก็ถูกกดดันจากกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเครือข่ายคนไทยฯ ไม่ให้สมยอมกับฝ่ายกัมพูชา ทำให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือ กษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และ สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่ออยากเปลี่ยนท่าทีโดยหันมาปรองดองกับกัมพูชา หนำซ้ำยังถูกข้อกล่าวหาจากกลุ่มพันธมิตรฯ และเครือข่ายคนไทยฯ ว่า ขายชาติ ทำให้เสียแผ่นดิน ดันทุรังไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 ที่ทำให้ไทยเสียประโยชน์อีกด้วย
การขังเดี่ยว วีระ สมความคิด เพื่อกำจัดตัวป่วนในสายตาของ ฮุน เซน จะลากยาวไปจนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเสร็จสิ้นลง โดยฝ่ายไทยมีท่าทีเลิกคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และเลิกคัดค้านแผนการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบ หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
