ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลเขมรไต่สวน 7 คนไทยเสร็จแล้วแต่ยังไม่ตัดสิน ทนายฝ่ายไทยรอยื่นประกันวันจันทร์ที่ 10 ม.ค. เหตุติดวันชาติเขมร-เสาร์อาทิตย์หยุดยาว แฉ!ศาลส่อได้หลักฐานตั้งข้อหาเพิ่ม “วีระ” จารกรรมความลับทางทหาร เจ้าตัวโวย "พวกเขาพยายามยัดข้อกล่าวหาให้เรา" ขณะที่ “มาร์ค” เริ่มเครียด งดจ้อสื่อ รับสภาพ เรียก “สุเทพ-กษิต-พีรพันธุ์” ถกรับมือขออภัยโทษ
เช้าวานนี้ (6 ม.ค.) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาชาวไทย 7 คน ในคดีข้ามแดนผิดกฎหมาย และเข้าไปในเขตทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต เริ่มขึ้นเวลา 8.00 น.เป็นการพิจารณาแบบปิด อนุญาตให้เฉพาะทนายความ 2 คน และผู้ถูกกล่าวหาชาวไทยอีก 7 คน เข้าห้องพิจารณาคดีเท่านั้น ห้ามตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงพนมเปญ และบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังการไต่สวน โดยเป็นการไต่สวนที่ละคน ช่วงเช้า 4 คน ช่วงบ่ายอีก 3 คน
ก่อนหน้านั้นมีความเป็นไปได้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาในวันที่ 6 ม.ค.นี้เลย เหมือนคดีของคนไทยที่ผ่านมา หากพิพากษาว่ามีความผิดต้องรับโทษจำคุก มีรายงานว่ารัฐบาลไทยก็จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี
มีรายงานว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ที่ถูกไต่สวนเป็นคนแรก ซึ่งใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงทั้งนี้เป็นการไต่สวนเพิ่มเติม ไม่ใช่การพิพากษาคดี ทั้งนี้จนถึงเวลาประมาณ 16.00 น.ได้ไต่สวนไปแล้ว 3 คน
**เขมรอ้างมีหลักฐานตั้งข้อหาเพิ่ม “วีระ”
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า อาจมีการตั้งข้อหาเพิ่มแก่ นายวีระ สมความคิด ผู้ประสานงานเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ในข้อหาจารกรรมความลับทางทหารเพิ่ม โดยอ้างว่ามีหลักฐานชิ้นเด็ดที่จะตั้งข้อหานี้แก่ นายวีระ ทั้งนี้คาดว่าหลักฐานดังกล่าวเป็นเทปวิดีโอที่กลุ่มของ นายวีระ บันทึกภาพไว้ และมีภาพค่ายทหารกัมพูชาอยู่ในเทปวิดีโอดังกล่าว
ขณะที่อัยการของกัมพูชาให้สัมภาษณ์ว่า ทั้ง7 คนจะถูกตั้ง 2 ข้อหาคือ ข้ามแดนผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกราว 5 เดือน ถึง 1 ปี ปรับราว 7,500 - 15,000 บาท และเข้าไปในเขตทหารกัมพูชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุกราว 5 เดือน ถึง 1 ปี เช่นกัน และอาจจะตั้งข้อหา นายวีระ เพียงคนเดียว เพิ่มอีก 1 ข้อหา คือโจรกรรมข้อมูลทางทหารของกัมพูชา
รายงานระบุว่า ใน เวลา 17.00 น.มีการไต่ส่วนวันนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว 4 คน ซึ่งหมดเวลาทำการของศาลกัมพูชา ขณะเดียกวันไม่มีรายงานการ ว่าได้รับอนุญาตให้ประกันตัวและการตัดสิน รวมถึงมีแนวโน้มที่จะต่อเวลาการไต่สวนในช่วงเย็นวันเดียวกัน
ทั้งนี้หากศาสกัมพูชายุติการไต่สวนและไม่มีคำสั่งใดๆ ทั้ง 7 คนก้จะยังถูกควบคุมตัวไปอย่างน้อยอีก 3 วัน เนื่องจากวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.นี้ เป็นวันประกาศชัยชนะต่อระบบพล พต เขมรแดง ซึ่งเป็นวันหยุดราชการของกัมพูชา รวมทั้งเป็นวันหยุดต่อเนื่องเสาร์-อาทิตย์ด้วย
**ลุ้น 14 ม.ค.ให้ประกันตัวได้หรือไม่
เวลา 17.30 น..นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ รายงานว่า การไตร่สวนยังคงดำเนินการอยู่ ขณะนี้ได้ไต่สวนแล้ว 4 คน ได้แก่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นางนฤมล จิตรวะรัตนา และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สำหรับนายวีระ สมความคิด อยู่ในระหว่างไต่สวน
ส่วนอีก 3 คน ได้แก่เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ เลขาฯกองทัพธรรม นายกิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี ผู้ช่วยนายพนิช และนายตายแน่ มุ่งมาจน ผู้ประกาศข่าว อยู่ระหว่างรอการไต่สวน อย่างไรก็ตาม ทางการกัมพูชาได้แจ้งมาว่า จะให้การไต่สวนแล้วเสร็จภายในวันนี้ เนื่องจากวันที่7ม.ค.เป็นวันหยุดราชการของกัมพูชา
+
นายธานีกล่าวอีกว่า ส่วนการยื่นขอประกันตัวจะสามารถยื่นในวันจันทร์ที่ 10 ม.ค. ศาลกัมพูชาคงไม่สามารถพิจารณาได้ในวันนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นเพียงการไต่สวนเท่านั้น โดยการพิจารณายื่นประกันตัวใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน ทั้งนี้ คาดว่า ภายในวันที่ 14 ม.ค.นี้ คงจะทราบผลว่า จะให้ประกันตัวได้หรือไม่
รายงานระบุว่า เวลา 19.12น. ศาลกัมพูชาได้ไต่สวนเป็นรายบุคคล ซึ่งใช้เวลานานถึง 11 ชั่วโมง เพราะตามปกติศาลกัมพูชา จะเปิดทำการถึงเพียงแค่ 17.00น. เท่านั้น แต่การไต่สวนคนไทยทั้ง 7 คน ถือเป็นกรณีพิเศษ ที่จะต้องไต่สวนให้เสร็จสิ้นภายในคืนวันที่ 6 ม.ค.นี้
ขณะที่วีระ สมความคิด กล่าวสั้นๆหลังเสร็จการไต่ส่วน และเดินทางกลับไปยังเรือนจำเพรซอร์ว่า "พวกเขาพยายามยัดข้อกล่าวหาให้เรา"
**ทนายกลัวกระทบต่อคดีความ
นายธานี กล่าวว่า กระแสข่าวที่ว่า อัยการกัมพูชาตั้งข้อหาเพิ่มกับ 7 คนไทย โจรกรรมข้อมูลความลับทางการทหารนั้น เป็นเพียงกระแสข่าว ทางกระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งข้อหาที่เป็นทางการ ยัง 2 ข้อหาเดิม ข้อหาแรกคือ เข้าเมืองผิดกฎหมาย มีโทษจำคุก 3-6 เดือน และให้เนรเทศออกนอกประเทศ ส่วนข้อหาที่สอง คือการรุกร้ำพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 6 - 12 เดือน หรือปรับเงิน 7,500 - 15,000 บาท
“ในระหว่างนี้เป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวมาก ทางทนายความไม่ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งสถานทูตไทย ให้ข่าวมาก เนื่องจากเกรงว่าจะส่งกระทบต่อคดีความ และอาจจะมีผลต่อการให้ปากคำของจำเลยที่ยังรอการไตร่สวนอยู่ ส่วนแนวทางการสู้คดี ทีมทนายกัมพูชาได้หารือกับ 7 คนไทยอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้” นายธานีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำคดีความของ 7 คนไทย ที่มีความเกี่ยวข้องกับการชี้จุดแบ่งเขตแดนกัมพูชามามีผลต่อการเจรจาของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชาหรือไม่ นายธานี กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับทางการกัมพูชามาตั้งแต่ต้นแล้วว่า เป็นคนละส่วนกันจะไม่นำมาเกี่ยวโยงกัน โดยการเจรจาเจบีซี ครั้งที่ 4 ยังจะมีขึ้นที่กรุงพนมเปญต่อไป
**เรียก "สุเทพ-กษิต" หารือ งดจ้อสื่อ
เวลา 16.00 น.นายอภิสิทธิ์ เรียก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายพีรพันธุ์ สารีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามความคืบหน้าโดยทั้งสองคนปฏิเสธการให้สัมภาษณ์
นายชวนนท์ กล่าวว่า ในวันนี้ไม่สามารถตัดสินอะไรได้ รวมทั้งยังไม่สามารถยื่นขอประกันตัวด้วย เพราะกระบวนการไต่สวนและประกันตัวของกัมพูชาจะเป็นคนละวันกัน เนื่องจากหลังการไต่สวนแล้ว ก่อนขอประกันตัวต้องเตรียมเอกสารให้ตรงกับข้อกล่าวหาจึงจะยื่นขอประกันตัวได้ และในวันที่ 10 ม.ค.น่าจะมีความชัดเจนเรื่องการยื่นขอประกันตัว
“วันนี้ไม่มีการพิจารณาคดีอยู่แล้ว ฉะนั้นอย่างไรก็ไม่สามารถตัดสินคดีวันนี้ได้ ล่าสุดทราบรายงานว่าไต่สวนเสร็จห้าคนแล้ว เหลือสองคนและคงจะไม่นาน ต้องรอดู ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหานายพนิชและสตรีไทยหนึ่งคนนั้นได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาเดิม ส่วนอีกห้าคนนั้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาเข้ามา ส่วนนายวีระน่าจะถูกไต่สวนคนสุดท้ายและต้องรอดูว่านายวีระจะโดนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่”นายชวนนท์กล่าว
เมื่อถามว่า ระหว่างที่ยื่นขอประกันตัวและหากมีการตัดสินคดีนี้ในทำนองเป็นโทษกับคนไทยจะมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษไปเลยหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า หากมีการยื่นประกันตัวแล้ว กัมพูชาใช้เวลาห้าวันในการพิจารณาคำขอยื่นประกันตัวและรอดูว่าเราจะยื่นประกันตัวทันทีเลยหรือไม่
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดทั้งวันที่ปฏิบัติภารกิจ และไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่อเหมือนทุกวัน
นายชวนนท์ เปิดเผยว่า ระหว่างการหารือ นายกฯไม่ได้มีสีหน้ากังวลแต่อย่างใด แต่ก็ติดตามความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น
**เครือข่ายคนไทยฯ ปักหลักยืดเยื้อ
ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ปฐมพงศ์ เกสรศุกร์ ประธานองค์กรอุณาโลม และประธานที่ปรึกษาสมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยทหารผ่านศึกประมาณ 100 คน เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ พร้อมทั้งได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบกรณีการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คนเป็นไปอย่างล่าช้า รวมถึงขอให้กองทัพแสดงบทบาทมากขึ้นด้วย
ขณะที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เดินทางมาสมทบกับกลุ่มของพล.อ.ปฐมพงศ์ และพล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ทำให้จำนวนผู้ชุมนุมมีจำนวนมากขึ้น
นายไชยวัฒน์ ประกาศว่ากลุ่มของตนจะปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลจนกว่า 7 คนไทยจะได้รับการปล่อยตัวให้กลับมาด้วยความสวัสดิภาพ
**“เทือก” รับเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายแสดงความเคารพในระบบศาลของกัมพูชา ส่วนตัวนั้นได้แต่คาดหวังว่าศาลจะได้พิจารณาตามข้อเท็จจริง และพิจารณาด้วยความเมตตาต่อคนไทยของเราว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อกัมพูชา ถ้าศาลกัมพูชาตระหนักในความจริงก็จะได้พิจารณาด้วยความเมตตา
เมื่อถามว่าถึงแนวทางการขอพระราชทานอภัยโทษ นายสุเทพ กล่าวว่า นั่นเป็นช่องทางหนึ่งกรณีที่ศาลกัมพูชาได้มีคำพิพากษาลงโทษ เราคงต้องดำเนินการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษตามขั้นตอน เมื่อถามว่าสถานทูตไทยไม่ได้รับการตอบรับอะไรจากทางการกัมพูชา ยื่นขออะไรไปก็เงียบ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ก็ได้เข้าไปพบ คนไทยทั้ง 7 คนแล้ว และให้การช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ซึ่งก็ทำได้ตามสิทธิ เขาไม่ได้กีดกันอะไร
เวลา 08.00น. นายสุเทพ ได้เรียกนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์มาหารือคาดว่าน่าจะมีการหารือกันถึงการเตรียมการรองรับกรณีหากศาลกัมพูชามีคำพิพากษาว่านายพนิช กับพวกมีความผิดจริง ซึ่งจะต้องโทษจำคุกและอาจจะมีปัญหาข้อกฎหมายว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานภาพการเป็นส.ส.ของนายพนิชหรือไม่ ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวบุคคลที่จะต้องเตรียมส่งรับสมัครเลือกตั้งซ่อมแทนเอาไว้ด้วย
**"กษิต" ปัดชงตัดความสัมพันธ์เขมร
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวปฎิเสธข่าวที่ว่ากระทรวงการต่างประเทศ ตั้งใจจะช่วยเฉพาะนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เพราะกระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่มีกดารเลือกปฏิบัติ
ต่อข้อถามว่ามีการวิจารณ์ว่าผลการตัดสินคดีนี้ ขึ้นอยู่กับสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา นายกษิต กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เช่นเดียวกับกรณีของวิคเตอร์ บูท เราต้องดูว่าศาลตัดสินอย่างไร ส่วนขั้นสุดท้ายว่าศาลจะตัดสินใจส่งตัวอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องฝ่ายบริหาร แต่ถ้าได้รับการประกันตัวต้องอยู่กัมพูชาต่อไป โดยให้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ให้การรับรอง หรือทางศาลอาจตัดสินใจให้ปล่อยตัวก็ได้ เพราะมันมีหลายขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งขึ้นกับว่าเขาตั้งเงื่อนไขอย่างไร อย่างไรก็ตามตนไม่ทราบรายละเอียดในการจัดลำดับไต่สวนคนไทยทั้ง 7 คนอย่างไร
ส่วนตนจะเดินทางไปกัมพูชาด้วยหรือไม่นั้นก็ต้องดูสถานการณ์ ซึ่งตนได้รับมอบให้ไปกัมพูชาอีกครั้งเพื่อพบกับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งก็ต้องดูความพร้อมของสมเด็จฮุนเซนและดูคดีต่างๆ เพราะมีข่าวที่ตนพูดในที่ประชุมครม. ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ตรง มีการบิดเบือนทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ได้ชี้แจงต่อสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยให้ทราบเพื่อชี้แจงกัมพูชาว่ามีบางสื่อบิดเบือนว่าตนจะทุบโต๊ะ (ตัดมาตรการความช่วยเหลือต่าง ๆ)
“ไม่ใช่นิสัยของผมที่จะมีปักธง ไม่อยากให้มีการโยงเรื่องหนึ่งกับอีกเรื่องหนึ่ง ด้วยสติ จึงอยากวิงวอนให้ทุกหมู่เหล่าอย่าไปทำอะไรที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยในวันที่ 11 ม.ค.นี้ นายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(เจบีซี)ไทย-กัมพูชา จะเดินทางไปยังกัมพูชา เพื่อหารือกับฝ่ายกัมพูชาถึงรายละเอียดต่างๆเรื่องบันทึกการประชุมทั้ง 3 ฉบับยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร”
**“เทพไท” แจงข้อข้องใจทนายแม้ว
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฏหมายส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งข้อกล่าวหารัฐบาลว่า ละเลยการช่วยเหลือ 7 คนไทยว่า ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ และนายกฯอภิสิทธิ์ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวกับสมเด็จฮุนเซน จึงใช้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ
“ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะคนไทยไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของนักโทษหลบหนีคดีโกงบ้านเมือง หากพ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ช่วยรัฐบาลและคนไทยก็ขอให้วางตัวอยู่เฉยๆ อย่ามีพฤติกรรมยุแยงตะแคงรั่วให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรับความเสียหาย”
**โฆษก ปชป.ย้ำ “พนิช” ไม่เจตนารุก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ข้อมูลเบื้องต้นในส่วนของนายพนิช เป็นการทราบข้อกล่าวหาว่าเป็นคดีการรุกล้ำพื้นที่ทหารตามมาตรา 473 และการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามมาตรา 29 ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่าไม่เกี่ยวกับการตั้งข้อหาการจารกรรม ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เชื่อว่าจะสามารถพิสูจน์ เจตนาในการเดินทางดังกล่าวได้ว่าไม่ได้เจตนาในการสร้างปัญหาความขัดแย้ง และไม่มีความตั้งใจที่จะรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎออกมา
ส่วนการดำเนินการของนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกกลุ่มนปช. ที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์สร้างเรื่องเพื่อส่งให้นายพนิชไปถูกจับกุมนั้น ตนอยากจะประนามการให้ข่าวดังกล่าว แม้จะมีการพยายามอ้างว่าเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าทางกลุ่มนปช.ยังคงใช้แนวทางเดิมคือ บิดเบือนข้อเท็จจริงและใส่ร้ายคนไทยด้วยกันเอง เพื่อหวังผลทางการเมือง
** สุดงง! “เขมรตู่” เปลี่ยนแนว
ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยคลิปที่นายพนิช พร้อมคณะลงพื้นที่ ก่อนถูกทหารกัมพูชา คุมตัว ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยอ้างว่า คลิปดังกล่าวเป็นฉบับเต็ม ที่มีความยาวกว่า 20 นาที ซึ่ง นายจตุพร ระบุว่า เป็นคลิปเดียวกับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา มอบให้ นายกษิต ภิรมย์ ซึ่งในคลิปมีการยืนยันจุดที่ถูกจับเป็นการรุกล้ำไปในเขตจังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชาแล้ว ทั้งนี้ รัฐบาล ควรหยุดเคลื่อนไหวและรอจนกว่ากระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด ก่อนดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
**กมธ.ชายแดนห่วงวอนเขมรปล่อย
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร นายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกมธ. เปิดเผยว่า ได้มีการหารือถึงญัตติด่วน โดยมีข้อเสนอว่า จะเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหาทางออกร่วมกัน ทั้งเรื่องการปักปันเขตแดน เพื่อให้รู้หลักเขตแดนว่าอยู่ที่ใด เพราะที่ผ่านมาทหารพรานไทยได้จับกุมประชาชนกัมพูชาอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงทหารกัมพูชาก็ได้จับกุมคนไทยด้วยเช่นกัน
“ในข้อตกลง MOU43 มีเนื้อหาบางข้อระบุว่าในกรณีที่ยังไม่มีการตกลงเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกัมพูชาของกมธ.ร่วม จะให้สิทธิฝั่งไทยและกัมพูชาที่ครอบครองพื้นที่ทับซ้อนโดยชอบ ซึ่งหากยังไม่มีข้อตกลงการปักปันชายแดนที่ชัดเจนออกมาก็จะไม่มีคนใครสามารถเข้าไปชี้จุดได้ว่าพื้นที่ตรงไหนเป็นของไทยหรือกัมพูชาบ้าง และผมเชื่อว่า Mou 43 จะเป็นข้อตกลงที่จะช่วยแก้ไขปัญหได้ ดังนั้นตนจึงขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้มีการเจรจาเรื่องการปักปันเขตแดนโดยด่วน ”นายอิทธิเดช กล่าว
**ผบ.สส.ปล่อยเขมรใช้ กม.จัดการ
ที่สโมสรกองทัพบกเทเวศร์ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า เป็นหน้าที่ทางรัฐบาลและส่วนราชการต่างๆ โซึ่งนายกรัฐมนตรีดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ส่วนสถานการณ์ชายแดน ในภาพรวมเรามีการเตรียมการป้องกันประเทศไว้แล้ว ส่วนกรณีที่กัมพูชาตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหารกับ 7 คนไทยนั้น พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ไปถึงจุดนั้นอย่าเพิ่งคิดไปก่อน
ที่กองพันทหารราบที่1 กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์(ร.1พัน1รอ.) พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น่าจะเรียบร้อย แม้ขณะนี้มีกำลังทหารของกัมพูชามาตรึงบริเวณแนวชายแดน เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไร
** “จำลอง” ปัดไม่รู้ ร.ต.แซมดินไปเขมร
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง ร.ต.แซมดิน ซึ่งมีความใกล้ชิดว่า ขอยืนยันว่าตนไม่ทราบเรื่องการลงพื้นที่ของคณะดังกล่าว ไม่มีผู้ใดแจ้งให้ตนทราบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาบอกตนหรือให้ตนร่วมประชุม วางแผนด้วย คนเหล่านั้นสามารถทำด้วยตนเองอย่างถูกต้อง เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันว่าในฐานะที่เป็นประชาชนธรรมดาสามารถที่จะช่วย กันปกป้องดินแดนได้
“มีความพยายามโยงว่าผมมีส่วนในการวางแผนเรื่องนี้ เพื่อสร้างประเด็นให้คนออกมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริงแม้แต่น้อย ไม่มีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องด้วยเลย ผมคงไม่ใจร้ายถึงขนาดวางแผนให้คนไทยถูกจับไปตกระกำลำบากเพื่อหวังผลใดๆ” พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า การจับกุม 7 คนไทยของทหารกัมพูชานั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะมีการจับกุมในดินแดนไทย เพราะพื้นที่ในบริเวณนั้นมีเอกสารสิทธิ์ชัดเจน หรือหากเป็นดินแดนกัมพูชาจริง ก็ไม่สามารถจับกุมได้ เพราะกลุ่มคนดังกล่าวไม่ได้ติดอาวุธหรือมีเจตนาไม่ดี เหมือนกับคนกัมพูชาที่อยู่ในแผ่นดินไทยตอนนี้ที่ไม่มีเอกสารถูกต้อง เหตุใดรัฐบาลไทยไม่จัดการให้เด็ดขาดบ้าง เรื่องนี้รัฐบาลต้องประท้วงให้หนักแน่นว่าที่จับกุมคนไทยไปนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง การที่คนในรัฐบาลออกมายอมรับเองว่าคณะดังกล่าวรุกล้ำดินแดน ถือเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง หากยังไม่รู้แน่ชัด ต้องพูดอย่างเป็นกลาง แต่กลับออกมาปรักปรำคนไทยด้วยกันเอง จึงถือว่าเป็นความผิดพลาดร้ายแรง
ในส่วนมาตรการการช่วยเหลือ 7 คนไทยนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า รัฐบาลดำเนินการช้ามาก ทันทีเมื่อถูกจับในพื้นที่ที่ไม่ห่างจากตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ต้องนำกำลังเข้าไปช่วยเหลือทันที เพราะเป็นหน้าที่ของทั้ง ตชด.และทหารที่มีอำนาจในการปกป้องพื้นที่บริเวณนั้น แต่นี่กลับให้เขาขู่ จนเราไม่กล้าทำอะไร ทั้งที่กำลังเรามากกว่า อาวุธดีกว่า ต้องไปข่มขู่เขาบ้าง เราเหมือนกับผู้ใหญ่ที่ถูกเด็กรังแก แล้วได้แต่หนี อ่อนแอมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 25 ม.ค.นี้จะมีการนำประเด็นของ 7 คนไทยมาเคลื่อนไหวด้วยหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในความเป็นจริงไม่ต้องนำมารวมด้วย เพราะหากรัฐบาลทำทั้ง 3 ข้อเสนอของพันธมิตรฯก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาในทุกๆเรื่อง ส่วนข่าวที่ว่ารัฐบาลพยายามประสานไม่ให้มีการชุมนุมนั้น ตนยืนยันว่าจะมีการชุมนุมอย่างแน่นอน เพื่อให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อเสนอ เพราะหากนายกฯและรัฐบาลทำตาม ไม่เพียงแต่จะสามารถนำดินแดนที่เสียไปแล้วกลับคืนมา ยังเป็นการป้องกันอย่างยั่งยืนไม่ให้ประเทศต้องการสูญเสียแผ่นดินในอนาคต.
เช้าวานนี้ (6 ม.ค.) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาชาวไทย 7 คน ในคดีข้ามแดนผิดกฎหมาย และเข้าไปในเขตทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต เริ่มขึ้นเวลา 8.00 น.เป็นการพิจารณาแบบปิด อนุญาตให้เฉพาะทนายความ 2 คน และผู้ถูกกล่าวหาชาวไทยอีก 7 คน เข้าห้องพิจารณาคดีเท่านั้น ห้ามตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงพนมเปญ และบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังการไต่สวน โดยเป็นการไต่สวนที่ละคน ช่วงเช้า 4 คน ช่วงบ่ายอีก 3 คน
ก่อนหน้านั้นมีความเป็นไปได้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาในวันที่ 6 ม.ค.นี้เลย เหมือนคดีของคนไทยที่ผ่านมา หากพิพากษาว่ามีความผิดต้องรับโทษจำคุก มีรายงานว่ารัฐบาลไทยก็จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี
มีรายงานว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ที่ถูกไต่สวนเป็นคนแรก ซึ่งใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงทั้งนี้เป็นการไต่สวนเพิ่มเติม ไม่ใช่การพิพากษาคดี ทั้งนี้จนถึงเวลาประมาณ 16.00 น.ได้ไต่สวนไปแล้ว 3 คน
**เขมรอ้างมีหลักฐานตั้งข้อหาเพิ่ม “วีระ”
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า อาจมีการตั้งข้อหาเพิ่มแก่ นายวีระ สมความคิด ผู้ประสานงานเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ในข้อหาจารกรรมความลับทางทหารเพิ่ม โดยอ้างว่ามีหลักฐานชิ้นเด็ดที่จะตั้งข้อหานี้แก่ นายวีระ ทั้งนี้คาดว่าหลักฐานดังกล่าวเป็นเทปวิดีโอที่กลุ่มของ นายวีระ บันทึกภาพไว้ และมีภาพค่ายทหารกัมพูชาอยู่ในเทปวิดีโอดังกล่าว
ขณะที่อัยการของกัมพูชาให้สัมภาษณ์ว่า ทั้ง7 คนจะถูกตั้ง 2 ข้อหาคือ ข้ามแดนผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกราว 5 เดือน ถึง 1 ปี ปรับราว 7,500 - 15,000 บาท และเข้าไปในเขตทหารกัมพูชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุกราว 5 เดือน ถึง 1 ปี เช่นกัน และอาจจะตั้งข้อหา นายวีระ เพียงคนเดียว เพิ่มอีก 1 ข้อหา คือโจรกรรมข้อมูลทางทหารของกัมพูชา
รายงานระบุว่า ใน เวลา 17.00 น.มีการไต่ส่วนวันนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว 4 คน ซึ่งหมดเวลาทำการของศาลกัมพูชา ขณะเดียกวันไม่มีรายงานการ ว่าได้รับอนุญาตให้ประกันตัวและการตัดสิน รวมถึงมีแนวโน้มที่จะต่อเวลาการไต่สวนในช่วงเย็นวันเดียวกัน
ทั้งนี้หากศาสกัมพูชายุติการไต่สวนและไม่มีคำสั่งใดๆ ทั้ง 7 คนก้จะยังถูกควบคุมตัวไปอย่างน้อยอีก 3 วัน เนื่องจากวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.นี้ เป็นวันประกาศชัยชนะต่อระบบพล พต เขมรแดง ซึ่งเป็นวันหยุดราชการของกัมพูชา รวมทั้งเป็นวันหยุดต่อเนื่องเสาร์-อาทิตย์ด้วย
**ลุ้น 14 ม.ค.ให้ประกันตัวได้หรือไม่
เวลา 17.30 น..นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ รายงานว่า การไตร่สวนยังคงดำเนินการอยู่ ขณะนี้ได้ไต่สวนแล้ว 4 คน ได้แก่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นางนฤมล จิตรวะรัตนา และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สำหรับนายวีระ สมความคิด อยู่ในระหว่างไต่สวน
ส่วนอีก 3 คน ได้แก่เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ เลขาฯกองทัพธรรม นายกิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี ผู้ช่วยนายพนิช และนายตายแน่ มุ่งมาจน ผู้ประกาศข่าว อยู่ระหว่างรอการไต่สวน อย่างไรก็ตาม ทางการกัมพูชาได้แจ้งมาว่า จะให้การไต่สวนแล้วเสร็จภายในวันนี้ เนื่องจากวันที่7ม.ค.เป็นวันหยุดราชการของกัมพูชา
+
นายธานีกล่าวอีกว่า ส่วนการยื่นขอประกันตัวจะสามารถยื่นในวันจันทร์ที่ 10 ม.ค. ศาลกัมพูชาคงไม่สามารถพิจารณาได้ในวันนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นเพียงการไต่สวนเท่านั้น โดยการพิจารณายื่นประกันตัวใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน ทั้งนี้ คาดว่า ภายในวันที่ 14 ม.ค.นี้ คงจะทราบผลว่า จะให้ประกันตัวได้หรือไม่
รายงานระบุว่า เวลา 19.12น. ศาลกัมพูชาได้ไต่สวนเป็นรายบุคคล ซึ่งใช้เวลานานถึง 11 ชั่วโมง เพราะตามปกติศาลกัมพูชา จะเปิดทำการถึงเพียงแค่ 17.00น. เท่านั้น แต่การไต่สวนคนไทยทั้ง 7 คน ถือเป็นกรณีพิเศษ ที่จะต้องไต่สวนให้เสร็จสิ้นภายในคืนวันที่ 6 ม.ค.นี้
ขณะที่วีระ สมความคิด กล่าวสั้นๆหลังเสร็จการไต่ส่วน และเดินทางกลับไปยังเรือนจำเพรซอร์ว่า "พวกเขาพยายามยัดข้อกล่าวหาให้เรา"
**ทนายกลัวกระทบต่อคดีความ
นายธานี กล่าวว่า กระแสข่าวที่ว่า อัยการกัมพูชาตั้งข้อหาเพิ่มกับ 7 คนไทย โจรกรรมข้อมูลความลับทางการทหารนั้น เป็นเพียงกระแสข่าว ทางกระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งข้อหาที่เป็นทางการ ยัง 2 ข้อหาเดิม ข้อหาแรกคือ เข้าเมืองผิดกฎหมาย มีโทษจำคุก 3-6 เดือน และให้เนรเทศออกนอกประเทศ ส่วนข้อหาที่สอง คือการรุกร้ำพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 6 - 12 เดือน หรือปรับเงิน 7,500 - 15,000 บาท
“ในระหว่างนี้เป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวมาก ทางทนายความไม่ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งสถานทูตไทย ให้ข่าวมาก เนื่องจากเกรงว่าจะส่งกระทบต่อคดีความ และอาจจะมีผลต่อการให้ปากคำของจำเลยที่ยังรอการไตร่สวนอยู่ ส่วนแนวทางการสู้คดี ทีมทนายกัมพูชาได้หารือกับ 7 คนไทยอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้” นายธานีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำคดีความของ 7 คนไทย ที่มีความเกี่ยวข้องกับการชี้จุดแบ่งเขตแดนกัมพูชามามีผลต่อการเจรจาของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชาหรือไม่ นายธานี กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับทางการกัมพูชามาตั้งแต่ต้นแล้วว่า เป็นคนละส่วนกันจะไม่นำมาเกี่ยวโยงกัน โดยการเจรจาเจบีซี ครั้งที่ 4 ยังจะมีขึ้นที่กรุงพนมเปญต่อไป
**เรียก "สุเทพ-กษิต" หารือ งดจ้อสื่อ
เวลา 16.00 น.นายอภิสิทธิ์ เรียก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายพีรพันธุ์ สารีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามความคืบหน้าโดยทั้งสองคนปฏิเสธการให้สัมภาษณ์
นายชวนนท์ กล่าวว่า ในวันนี้ไม่สามารถตัดสินอะไรได้ รวมทั้งยังไม่สามารถยื่นขอประกันตัวด้วย เพราะกระบวนการไต่สวนและประกันตัวของกัมพูชาจะเป็นคนละวันกัน เนื่องจากหลังการไต่สวนแล้ว ก่อนขอประกันตัวต้องเตรียมเอกสารให้ตรงกับข้อกล่าวหาจึงจะยื่นขอประกันตัวได้ และในวันที่ 10 ม.ค.น่าจะมีความชัดเจนเรื่องการยื่นขอประกันตัว
“วันนี้ไม่มีการพิจารณาคดีอยู่แล้ว ฉะนั้นอย่างไรก็ไม่สามารถตัดสินคดีวันนี้ได้ ล่าสุดทราบรายงานว่าไต่สวนเสร็จห้าคนแล้ว เหลือสองคนและคงจะไม่นาน ต้องรอดู ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหานายพนิชและสตรีไทยหนึ่งคนนั้นได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาเดิม ส่วนอีกห้าคนนั้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาเข้ามา ส่วนนายวีระน่าจะถูกไต่สวนคนสุดท้ายและต้องรอดูว่านายวีระจะโดนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่”นายชวนนท์กล่าว
เมื่อถามว่า ระหว่างที่ยื่นขอประกันตัวและหากมีการตัดสินคดีนี้ในทำนองเป็นโทษกับคนไทยจะมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษไปเลยหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า หากมีการยื่นประกันตัวแล้ว กัมพูชาใช้เวลาห้าวันในการพิจารณาคำขอยื่นประกันตัวและรอดูว่าเราจะยื่นประกันตัวทันทีเลยหรือไม่
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดทั้งวันที่ปฏิบัติภารกิจ และไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่อเหมือนทุกวัน
นายชวนนท์ เปิดเผยว่า ระหว่างการหารือ นายกฯไม่ได้มีสีหน้ากังวลแต่อย่างใด แต่ก็ติดตามความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น
**เครือข่ายคนไทยฯ ปักหลักยืดเยื้อ
ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ปฐมพงศ์ เกสรศุกร์ ประธานองค์กรอุณาโลม และประธานที่ปรึกษาสมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยทหารผ่านศึกประมาณ 100 คน เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ พร้อมทั้งได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบกรณีการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คนเป็นไปอย่างล่าช้า รวมถึงขอให้กองทัพแสดงบทบาทมากขึ้นด้วย
ขณะที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เดินทางมาสมทบกับกลุ่มของพล.อ.ปฐมพงศ์ และพล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ทำให้จำนวนผู้ชุมนุมมีจำนวนมากขึ้น
นายไชยวัฒน์ ประกาศว่ากลุ่มของตนจะปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลจนกว่า 7 คนไทยจะได้รับการปล่อยตัวให้กลับมาด้วยความสวัสดิภาพ
**“เทือก” รับเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายแสดงความเคารพในระบบศาลของกัมพูชา ส่วนตัวนั้นได้แต่คาดหวังว่าศาลจะได้พิจารณาตามข้อเท็จจริง และพิจารณาด้วยความเมตตาต่อคนไทยของเราว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อกัมพูชา ถ้าศาลกัมพูชาตระหนักในความจริงก็จะได้พิจารณาด้วยความเมตตา
เมื่อถามว่าถึงแนวทางการขอพระราชทานอภัยโทษ นายสุเทพ กล่าวว่า นั่นเป็นช่องทางหนึ่งกรณีที่ศาลกัมพูชาได้มีคำพิพากษาลงโทษ เราคงต้องดำเนินการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษตามขั้นตอน เมื่อถามว่าสถานทูตไทยไม่ได้รับการตอบรับอะไรจากทางการกัมพูชา ยื่นขออะไรไปก็เงียบ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ก็ได้เข้าไปพบ คนไทยทั้ง 7 คนแล้ว และให้การช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ซึ่งก็ทำได้ตามสิทธิ เขาไม่ได้กีดกันอะไร
เวลา 08.00น. นายสุเทพ ได้เรียกนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์มาหารือคาดว่าน่าจะมีการหารือกันถึงการเตรียมการรองรับกรณีหากศาลกัมพูชามีคำพิพากษาว่านายพนิช กับพวกมีความผิดจริง ซึ่งจะต้องโทษจำคุกและอาจจะมีปัญหาข้อกฎหมายว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานภาพการเป็นส.ส.ของนายพนิชหรือไม่ ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวบุคคลที่จะต้องเตรียมส่งรับสมัครเลือกตั้งซ่อมแทนเอาไว้ด้วย
**"กษิต" ปัดชงตัดความสัมพันธ์เขมร
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวปฎิเสธข่าวที่ว่ากระทรวงการต่างประเทศ ตั้งใจจะช่วยเฉพาะนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เพราะกระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่มีกดารเลือกปฏิบัติ
ต่อข้อถามว่ามีการวิจารณ์ว่าผลการตัดสินคดีนี้ ขึ้นอยู่กับสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา นายกษิต กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เช่นเดียวกับกรณีของวิคเตอร์ บูท เราต้องดูว่าศาลตัดสินอย่างไร ส่วนขั้นสุดท้ายว่าศาลจะตัดสินใจส่งตัวอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องฝ่ายบริหาร แต่ถ้าได้รับการประกันตัวต้องอยู่กัมพูชาต่อไป โดยให้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ให้การรับรอง หรือทางศาลอาจตัดสินใจให้ปล่อยตัวก็ได้ เพราะมันมีหลายขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งขึ้นกับว่าเขาตั้งเงื่อนไขอย่างไร อย่างไรก็ตามตนไม่ทราบรายละเอียดในการจัดลำดับไต่สวนคนไทยทั้ง 7 คนอย่างไร
ส่วนตนจะเดินทางไปกัมพูชาด้วยหรือไม่นั้นก็ต้องดูสถานการณ์ ซึ่งตนได้รับมอบให้ไปกัมพูชาอีกครั้งเพื่อพบกับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งก็ต้องดูความพร้อมของสมเด็จฮุนเซนและดูคดีต่างๆ เพราะมีข่าวที่ตนพูดในที่ประชุมครม. ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ตรง มีการบิดเบือนทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ได้ชี้แจงต่อสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยให้ทราบเพื่อชี้แจงกัมพูชาว่ามีบางสื่อบิดเบือนว่าตนจะทุบโต๊ะ (ตัดมาตรการความช่วยเหลือต่าง ๆ)
“ไม่ใช่นิสัยของผมที่จะมีปักธง ไม่อยากให้มีการโยงเรื่องหนึ่งกับอีกเรื่องหนึ่ง ด้วยสติ จึงอยากวิงวอนให้ทุกหมู่เหล่าอย่าไปทำอะไรที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยในวันที่ 11 ม.ค.นี้ นายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(เจบีซี)ไทย-กัมพูชา จะเดินทางไปยังกัมพูชา เพื่อหารือกับฝ่ายกัมพูชาถึงรายละเอียดต่างๆเรื่องบันทึกการประชุมทั้ง 3 ฉบับยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร”
**“เทพไท” แจงข้อข้องใจทนายแม้ว
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฏหมายส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งข้อกล่าวหารัฐบาลว่า ละเลยการช่วยเหลือ 7 คนไทยว่า ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ และนายกฯอภิสิทธิ์ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวกับสมเด็จฮุนเซน จึงใช้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ
“ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะคนไทยไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของนักโทษหลบหนีคดีโกงบ้านเมือง หากพ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ช่วยรัฐบาลและคนไทยก็ขอให้วางตัวอยู่เฉยๆ อย่ามีพฤติกรรมยุแยงตะแคงรั่วให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรับความเสียหาย”
**โฆษก ปชป.ย้ำ “พนิช” ไม่เจตนารุก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ข้อมูลเบื้องต้นในส่วนของนายพนิช เป็นการทราบข้อกล่าวหาว่าเป็นคดีการรุกล้ำพื้นที่ทหารตามมาตรา 473 และการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามมาตรา 29 ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่าไม่เกี่ยวกับการตั้งข้อหาการจารกรรม ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เชื่อว่าจะสามารถพิสูจน์ เจตนาในการเดินทางดังกล่าวได้ว่าไม่ได้เจตนาในการสร้างปัญหาความขัดแย้ง และไม่มีความตั้งใจที่จะรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎออกมา
ส่วนการดำเนินการของนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกกลุ่มนปช. ที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์สร้างเรื่องเพื่อส่งให้นายพนิชไปถูกจับกุมนั้น ตนอยากจะประนามการให้ข่าวดังกล่าว แม้จะมีการพยายามอ้างว่าเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าทางกลุ่มนปช.ยังคงใช้แนวทางเดิมคือ บิดเบือนข้อเท็จจริงและใส่ร้ายคนไทยด้วยกันเอง เพื่อหวังผลทางการเมือง
** สุดงง! “เขมรตู่” เปลี่ยนแนว
ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยคลิปที่นายพนิช พร้อมคณะลงพื้นที่ ก่อนถูกทหารกัมพูชา คุมตัว ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยอ้างว่า คลิปดังกล่าวเป็นฉบับเต็ม ที่มีความยาวกว่า 20 นาที ซึ่ง นายจตุพร ระบุว่า เป็นคลิปเดียวกับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา มอบให้ นายกษิต ภิรมย์ ซึ่งในคลิปมีการยืนยันจุดที่ถูกจับเป็นการรุกล้ำไปในเขตจังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชาแล้ว ทั้งนี้ รัฐบาล ควรหยุดเคลื่อนไหวและรอจนกว่ากระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด ก่อนดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
**กมธ.ชายแดนห่วงวอนเขมรปล่อย
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร นายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกมธ. เปิดเผยว่า ได้มีการหารือถึงญัตติด่วน โดยมีข้อเสนอว่า จะเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหาทางออกร่วมกัน ทั้งเรื่องการปักปันเขตแดน เพื่อให้รู้หลักเขตแดนว่าอยู่ที่ใด เพราะที่ผ่านมาทหารพรานไทยได้จับกุมประชาชนกัมพูชาอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงทหารกัมพูชาก็ได้จับกุมคนไทยด้วยเช่นกัน
“ในข้อตกลง MOU43 มีเนื้อหาบางข้อระบุว่าในกรณีที่ยังไม่มีการตกลงเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกัมพูชาของกมธ.ร่วม จะให้สิทธิฝั่งไทยและกัมพูชาที่ครอบครองพื้นที่ทับซ้อนโดยชอบ ซึ่งหากยังไม่มีข้อตกลงการปักปันชายแดนที่ชัดเจนออกมาก็จะไม่มีคนใครสามารถเข้าไปชี้จุดได้ว่าพื้นที่ตรงไหนเป็นของไทยหรือกัมพูชาบ้าง และผมเชื่อว่า Mou 43 จะเป็นข้อตกลงที่จะช่วยแก้ไขปัญหได้ ดังนั้นตนจึงขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้มีการเจรจาเรื่องการปักปันเขตแดนโดยด่วน ”นายอิทธิเดช กล่าว
**ผบ.สส.ปล่อยเขมรใช้ กม.จัดการ
ที่สโมสรกองทัพบกเทเวศร์ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า เป็นหน้าที่ทางรัฐบาลและส่วนราชการต่างๆ โซึ่งนายกรัฐมนตรีดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ส่วนสถานการณ์ชายแดน ในภาพรวมเรามีการเตรียมการป้องกันประเทศไว้แล้ว ส่วนกรณีที่กัมพูชาตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหารกับ 7 คนไทยนั้น พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ไปถึงจุดนั้นอย่าเพิ่งคิดไปก่อน
ที่กองพันทหารราบที่1 กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์(ร.1พัน1รอ.) พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น่าจะเรียบร้อย แม้ขณะนี้มีกำลังทหารของกัมพูชามาตรึงบริเวณแนวชายแดน เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไร
** “จำลอง” ปัดไม่รู้ ร.ต.แซมดินไปเขมร
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง ร.ต.แซมดิน ซึ่งมีความใกล้ชิดว่า ขอยืนยันว่าตนไม่ทราบเรื่องการลงพื้นที่ของคณะดังกล่าว ไม่มีผู้ใดแจ้งให้ตนทราบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาบอกตนหรือให้ตนร่วมประชุม วางแผนด้วย คนเหล่านั้นสามารถทำด้วยตนเองอย่างถูกต้อง เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันว่าในฐานะที่เป็นประชาชนธรรมดาสามารถที่จะช่วย กันปกป้องดินแดนได้
“มีความพยายามโยงว่าผมมีส่วนในการวางแผนเรื่องนี้ เพื่อสร้างประเด็นให้คนออกมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริงแม้แต่น้อย ไม่มีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องด้วยเลย ผมคงไม่ใจร้ายถึงขนาดวางแผนให้คนไทยถูกจับไปตกระกำลำบากเพื่อหวังผลใดๆ” พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า การจับกุม 7 คนไทยของทหารกัมพูชานั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะมีการจับกุมในดินแดนไทย เพราะพื้นที่ในบริเวณนั้นมีเอกสารสิทธิ์ชัดเจน หรือหากเป็นดินแดนกัมพูชาจริง ก็ไม่สามารถจับกุมได้ เพราะกลุ่มคนดังกล่าวไม่ได้ติดอาวุธหรือมีเจตนาไม่ดี เหมือนกับคนกัมพูชาที่อยู่ในแผ่นดินไทยตอนนี้ที่ไม่มีเอกสารถูกต้อง เหตุใดรัฐบาลไทยไม่จัดการให้เด็ดขาดบ้าง เรื่องนี้รัฐบาลต้องประท้วงให้หนักแน่นว่าที่จับกุมคนไทยไปนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง การที่คนในรัฐบาลออกมายอมรับเองว่าคณะดังกล่าวรุกล้ำดินแดน ถือเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง หากยังไม่รู้แน่ชัด ต้องพูดอย่างเป็นกลาง แต่กลับออกมาปรักปรำคนไทยด้วยกันเอง จึงถือว่าเป็นความผิดพลาดร้ายแรง
ในส่วนมาตรการการช่วยเหลือ 7 คนไทยนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า รัฐบาลดำเนินการช้ามาก ทันทีเมื่อถูกจับในพื้นที่ที่ไม่ห่างจากตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ต้องนำกำลังเข้าไปช่วยเหลือทันที เพราะเป็นหน้าที่ของทั้ง ตชด.และทหารที่มีอำนาจในการปกป้องพื้นที่บริเวณนั้น แต่นี่กลับให้เขาขู่ จนเราไม่กล้าทำอะไร ทั้งที่กำลังเรามากกว่า อาวุธดีกว่า ต้องไปข่มขู่เขาบ้าง เราเหมือนกับผู้ใหญ่ที่ถูกเด็กรังแก แล้วได้แต่หนี อ่อนแอมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 25 ม.ค.นี้จะมีการนำประเด็นของ 7 คนไทยมาเคลื่อนไหวด้วยหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในความเป็นจริงไม่ต้องนำมารวมด้วย เพราะหากรัฐบาลทำทั้ง 3 ข้อเสนอของพันธมิตรฯก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาในทุกๆเรื่อง ส่วนข่าวที่ว่ารัฐบาลพยายามประสานไม่ให้มีการชุมนุมนั้น ตนยืนยันว่าจะมีการชุมนุมอย่างแน่นอน เพื่อให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อเสนอ เพราะหากนายกฯและรัฐบาลทำตาม ไม่เพียงแต่จะสามารถนำดินแดนที่เสียไปแล้วกลับคืนมา ยังเป็นการป้องกันอย่างยั่งยืนไม่ให้ประเทศต้องการสูญเสียแผ่นดินในอนาคต.