ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นำ 200 ทหารม้า เอาอวยพรปีใหม่ “ป๋าเปรม” เผย ประธานองคมนตรีไม่ได้ฝากอะไร แนะกองทัพเป็นหนึ่งเดียว - โยน “มาร์ค” ช่วยทีม “พนิช” พ้นคุกเขมร เชื่อไม่มีปฏิบัติการทางทหารเพิ่ม ยันต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมเขมร บอกอย่าเพิ่งโวยถูกตั้งข้อหาจารกรรม ยันยังไม่โดน ชี้ ดูเขตแดนต้องใช้เวลา
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดโอกาสให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นำนายทหารเหล่าม้า จำนวนกว่า 200 นาย เข้าอวยพรและรับพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ โดยไม่ได้ให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพและทำข่าวแต่อย่างใด จากนั้น พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวภายหลังเข้าอวยพร ว่า เป็นปกติของทุกปีของนายทหารม้าที่เคารพและศรัทธาในตัว พล.อ.เปรม เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ในประเทศไทยที่เราเคารพนับถือจึงมาขอรับพรปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งท่านไม่ได้กล่าวอะไรถึงกองทัพ เพราะทราบว่า กองทัพทำงานอะไรอยู่ มีเพียงให้เรามีความรักความสามัคคี ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความมั่นคงเป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธา เป็นที่ยอมรับแก่ทุกฝ่าย และจากประชาชน ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงอะไร นอกจากความผูกพันความเป็นทหารม้า ความสามัคคี และการสืบทอดประเพณีทหารม้า และท่านก็ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องอะไร
พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ส่วนการจัดตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 นั้น พล.อ.เปรม ก็ไม่ได้สอบถามถึงความคืบหน้า ซึ่งในเรื่องของกองทัพในการจัดโครงสร้าง หรือการเตรียมกำลัง เราต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เราไม่ได้หมายถึงจะต้องเป็นกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) หรือกองพลทหารราบ หน่วยบิน หรือกองเรืออะไรต่างๆ แต่เรามองในภาพรวม ดูถึงความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ และภัยคุกคาม ในโอกาสต่างๆ ทุกอย่างไม่สามารถหยุดนิ่งได้ จะต้องมีการเคลื่อนไหว และปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายทหารเหล่าม้าได้เข้าอวยพร พล.อ.เปรม เสร็จสิ้น ทาง พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้นำนายทหารเหล่าม้า เข้าอวยพร พล.อ.ทรงกิตติ ต่อที่สโมสรกองทัพบก โดย พล.อ.พิรุณ กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ ผบ.สส.เป็นทหารม้า เราสามารถนำไปเป็นแบบอย่างที่ดีในการรับราชการทหาร โดย ผบ.สส.มีความเสียสละ ขยันหมั่นเพียร ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำให้ชื่อเสียงของเหล่าทหารม้าเป็นที่น่าเชื่อถือ เป็นที่เคารพในหลายวงการ ซึ่งหวังว่า แนวทางของท่านจะทำให้เหล่าทหารม้ารุ่นน้องนำไปปฏิบัติดำเนินรอยตามต่อไป
จากนั้น พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากเห็น และอยากทำ คือ ทำให้กองทัพมีความเป็นหนึ่งเดียว ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และประเทศชาติ หากเราทำเพื่อส่วนรวมจะส่งผลดีต่อกองทัพ ประเทศชาติ และประชาชน รวมถึงจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองในอนาคต น้องๆ เหล่าทหารม้ามีความสามารถควรนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่าทำงานด้วยความเคยชิน ขอให้หนักแน่น อนาคตอยู่ที่พวกเราทุกคนที่จะสืบทอดการทำงานของเหล่าม้า
หลังจากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทย 7 คนที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวข้อหารุกล้ำเขตแดน ว่า ทางรัฐบาลและส่วนราชการต่างๆ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ส่วนสถานการณ์ชายแดน ในภาพรวมเรามีการเตรียมการป้องกันประเทศ และเชื่อมั่นว่า เราได้มีการปรับเปลี่ยนและเตรียมการ แต่ไม่ได้คิดว่า จะมีการปฏิบัติใดๆ ทั้งสิ้น คิดว่า สถานการณ์ไม่มีอะไร เมื่อเรื่องนี้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราต้องเคารพในกระบวนการนั้น เหมือนประเทศไทยที่ใครผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐบาลมีกระทรวงต่างๆ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทุกองค์กรที่ทำงานร่วมกันอยู่ ให้โอกาสกับคนที่มีหน้าที่ทำงาน สิ่งใดที่อาจมีความเข้าใจที่แตกต่างบ้าง ก็รับฟังตรวจสอบดูว่า น่าจะเป็นไปอย่างนั้นหรือไม่ ส่วนกรณีที่กัมพูชาตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหารกับ 7 คนไทยนั้น พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ไปถึงจุดนั้นอย่าเพิ่งคิดไปก่อน
พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ขณะนี้กรมแผนที่ทหารได้ตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศได้ชี้แจงไปแล้ว ส่วนทางกรมกิจการชายแดนทหารก็ได้มีการดำเนินการในกรอบของการประชุมคณะ กรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่กองทัพดำเนินการและหารืออยู่ ในกรอบการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ก็มีการประสานงานอยู่ แต่บางเรื่องต้องให้เวลา บางเรื่องพูดจาแล้วความเห็นไม่ต้องกันก็ต้องปรับกันใหม่