หนึ่งในผู้ต้องหา “แก๊งหมูสกปรก” ที่พยายามหลบหนีขณะเบิกขึ้นศาลตลิ่งชันเมื่อหลายวันก่อน เครียดจัดถูกลงโทษแยกขังเดี่ยว ผูกคอตายคาห้องขัง พร้อมเขียนจดหมายลาตายทิ้งไว้ ด้าน รมว.ยุติธรรมรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ
วันนี้ (27 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.ท.ไมตรี สามาอาภัตร์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ประชาชื่น ได้รับแจ้งเหตุมีนักโทษชายผูกคอตายภายในห้องขังแดน 8 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายโสภณ นิติธรรมพฤกษ์ รรท.ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นห้องขังเดี่ยวภายในแดน 8 ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่พบศพนายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร อายุ 29 ปี หนึ่งในแก๊งหมูสกปรก ที่ก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ภายในบ้านเรือนประชาชนมานับไม่ถ้วนได้ทรัพย์สินนับร้อยล้านบาท และยังเป็น 1 ใน 2 ผู้ต้องหาที่พยายามหลบหนีจากศาลตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบภายในห้องขังพบจดหมายลาตาย เขียนด้วยลายมือ 1 ฉบับ ท้ายกระดาษเขียนเบอร์โทรศัพท์ของแม่ผู้ตายไว้ ซึ่งอยู่ที่ จ.ระยอง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเก็บรายละเอียดที่พบทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า นายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร อายุ 29 ปี ผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ หนึ่งในผู้ต้องหาแก๊งดังกล่าวได้เสียชีวิต โดย การฆ่าตัวตายในห้องขังเดี่ยว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ผู้คุมเดินตรวจสอบตามจุดคุมขังต่างๆ ก็พบว่านายสุภัทร์ใช้เสื้อผูกคอตนเองกับลูกกรงห้องขังเสียชีวิตคาที่ในสภาพนั่งคุกเข่าลงกับพื้น จากการสอบสวนพบว่า นายสุภัทรถูกลงโทษตามกฎระเบียบเรือนจำ หลังจากไปก่อเหตุพยายามหลบหนี ขณะนำตัวขึ้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน แต่ก็ไปไม่รอดถูกควบคุมตัว และถูกส่งขังเดี่ยวเพื่อลงโทษ แต่ก่อนเกิดเหตุนายสุภัทรก็มีอาการเครียดเนื่องจากไม่สามารถเจรจากับเพื่อนหรือพูดคุยกับใครได้ จนกระทั่งมาพบว่าฆ่าตัวตาย ซึ่งขณะนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีราชทัณฑ์ นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผบ.เรือนจําพิเศษกรุงเทพ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุ และเตรียมแถลงรายละเอียดทั้งหมดที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ต่อมาเวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุมชั้น 2 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานว่ามีผู้ต้องขังผูกคอเสียชีวิต จึงเดินทางมาตรวจสอบพร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งจากการพูดคุยกับ นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม ผู้ต้องขังอีกคน ที่ถูกขังเดี่ยวแยกห้องกัน เจ้าหน้าที่หัวหน้าแดน และผู้ต้องขังที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้คุม เบื้องต้นยังไม่ปรากฎว่ามีสิ่งผิดปกติ หรือเป็นเหตุไม่ชอบมาพากล แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรม จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมตรวจสอบด้วย
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ในการตรวจสอบนี้หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนร่วมก็จะไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในเบื้องต้นยังไม่พบอะไรน่าสงสัย ส่วนสภาพศพของ นายสุภัทร นั้น ได้ใช้ซับในกางเกงกีฬาฉีกเป็นเส้นมัดติดกัน แล้วปีนขึ้นไปบนอ่างล้างหน้าก่อนจะผูกกับลูกกรงด้านบน นอกจากนี้ยังพบจดหมายลาตายพร้อมเบอร์โทรศัพท์ของแม่ น้องสาว และแฟนสาว ลงในสมุดสวดมนต์ โดยใจความระบุว่า รบกวนพี่ใหญ่ (ซึ่งหมายถึงผู้คุม) ช่วยประกาศปล่อยตัวผมด้วย พ่อแม่ หนูไปสบายแล้วฝากดูแลลูกสาวด้วย พร้อมทั้งพรรณาถึงแฟนสาวในเชิงตัดพ้อน้อยใจ ถูกวางอยู่ปากประตูห้องขังด้านใน
“ศพถูกพบเมื่อเวลาประมาณ 06.30 น.ที่ผ่านมา มีเพื่อนักโทษที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้คุมเดินไปพบศพผู้ตายผูกคออยู่จึงไปแจ้งผู้คุมมาตรวจสอบ และจากการสอบถามเพื่อนในห้องขังข้างๆ กันก็ได้ความว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00-05.00 น.ผู้ตายยังตะโกนถามเพื่อนถึงอาการป่วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วน นายณัฐ ให้การว่า นายสุภัทร มีอาการเครียดมาก และก็ไม่เคยถูกจับกุมเลย นอกจากนี้ผู้ตายยังมีคดีติดตัวมาก และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร และระหว่างที่อยู่ในคุกก็บ่นเป็นระยะว่าเป็นห่วงพ่อแม่ และตัวเองไม่ไหวแล้ว ก่อนตัดสินใจผูกคอตายดังกล่าว ซึ่งสาเหตุก็คาดว่าน่าจะเกิดจากความเครียด” นายพีระพันธุ์ กล่าว
ด้าน นายโสภณ กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน หลังจากนี้จะได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลให้เข้มงวดมากกว่านี้ แต่ตามปกติทางเรือนจำก็มีมาตราการป้องกันเป็นอย่างดี อย่างเช่นเชือกที่ผู้ต้องขังผูกโซ่ตรวนก็ให้ถอด และเชือกหูกางเกงก็ให้ถอดออกหมดแล้ว ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ก็จะให้เปลี่ยนชุดนักโทษใหม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้น สำหรับผู้ต้องขังที่เหลือในแก๊งนั้น ต้องสั่งกำชับให้เพื่อนผู้ต้องขังและผู้คุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก