xs
xsm
sm
md
lg

จับตา“กรณ์”ปล่อย "โอ๊ค -เอม" - บิ๊กสรรพากร ลอยนวล คดีแอมเพิลริชเลี่ยงภาษี3.2หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พานทองแท้ - พิณทองทา ชินวัตร
ASTVผู้จัดการออนไลน์ – คำพิพากษายกฟ้องบิ๊กข้าราชการกรมสรรพากรอุ้มคุณหญิงอ้อ-บรรณพจน์เลี่ยงภาษีชินคอร์ป จะส่งผลสะเทือนเป็นลูกโซ่ต่อคดีเอื้อประโยชน์ครอบครัวชินวัตรคดีเลี่ยงภาษีอื่นๆ หรือไม่ โดยเฉพาะคดี “โอ๊ค-เอม” เลี่ยงภาษีแอมเพิลริช 3.2 หมื่นล้าน จับตา “กรณ์ จาติกวนิช” จะปล่อยลูกนช.ทักษิณ และบิ๊กข้าราชการกรมสรรพากรที่ช่วยนักการเมืองโกงภาษี โกงแผ่นดิน ลอยนวลหรือไม่ ?

คำพิพากษาศาลอาญา ยกฟ้องข้าราชการกรมสรรพากรเอื้อประโยชน์ให้คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ไม่ต้องเสียภาษีในการโอนหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นฯ มูลค่า 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ให้นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน เมื่อปี 2540 ด้วยไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยมีเจตนาช่วยเหลือคุณหญิ งพจมาน และนายบรรณพจน์ หลีกเลี่ยงภาษี แต่เป็นการใช้อำนาจพิจารณาข้อกฎหมายตามที่มีการเสนอขึ้นมาตามลำดับ เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 52 นั้น

แม้คำพิพากษาของศาลข้างต้น จะไม่มีผลผูกพันต่อกรณีการเลี่ยงภาษีของครอบครัวชินวัตรในคดีอื่นๆ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแนวทางในการพิจารณาคดีเช่นนี้ จะไม่ถูกพลิกแพลง ตีความ เพื่อรับใช้และเอื้อประโยชน์นักการเมืองผู้มีอำนาจโกงภาษี โกงแผ่นดิน

กล่าวจำเพาะคดีที่เกี่ยวพันกับครอบครัวชินวัตรเลี่ยงภาษีที่ถูกแช่แข็งโดยกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ในเวลานี้ มีมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ขยับทำอะไรเลยแม้แต่น้อย !

และดูเหมือนว่า กรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังคงวุ่นอยู่กับการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ จนไม่มีเวลามาติดตามไล่บี้คดีใน “บัญชีหนังหมา ” ซึ่งบรรดาขุนพลเศรษฐกิจแห่งพรรคประชาธิปัตย์ สมัยเป็นพรรคฝ่ายค้าน เคยแสดงท่าทีเอาจริงเอาจริงจังในการเข้ามาตรวจสอบความไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการเลี่ยงภาษีของครอบครัวอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งคดีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซี แอสเซทฯ

ครอบครัวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้นำประเทศ มีคดีหลบเลี่ยงภาษีหลายกรณีที่จะต้องติดตามเพื่อเรียกคืนภาษีและเอาคนผิดมาลงโทษ ดังนี้

1) การซื้อขายหุ้นและโอนหุ้นบริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์ฯ (ชิน คอร์ปอเรชั่นฯ ) กรณีนี้แยกเป็น

1.1 คดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 ได้ยื่นฟ้องข้าราชการกรมสรรพากร คือ นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร นายวิชัย จึงรักเกียรติ อดีต ผอ.สำนักงานกฎหมาย กรมสรรพากร น.ส.สุจินดา แสงชมพู อดีตนิติกร 9 ชช. น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตนิติกร 8 ว. และ น.ส.กุลฤดี แสงสายัณห์ อดีตนิติกร 7 ว. โดยผลของคดีปรากฏว่า ศาลอาญา มีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 52 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าของคดีขณะนี้ กำลังรอว่าอัยการจะยื่นอุทธรณ์คดีหรือไม่ ซึ่งคดีนี้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา มีความเห็นแย้งองค์คณะผู้พิ พากษา โดยมีความเห็นว่า การกระทำของข้าราชการกรมสรรพากรทั้ง 5 คน มีความผิดตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา

1.2 อัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พร้อมพวก คดีดังกล่าว ศาลอาญา อ่านพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 51 ให้จำคุกคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ เป็นเวลา 3 ปี และจำคุกนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน เป็นเวลา 2 ปี ในคดีจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ จำนวน 546 ล้านบาท จากหุ้นจำนวน 4.5 ล้านหุ้นซึ่งมีหุ้นมูลค่า 738 ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 91

ภายหลังศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีคุณหญิงพจมาน-บรรณพจน์ นายประสิทธิ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.กระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมสรรพากรขณะนั้น ได้สั่งการให้นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร ขณะนั้น แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดีแพ่งกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในคดีหลีกเลี่ยงภาษีการโอนหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ฯ จำนวนกว่า 546 ล้านบาท และหากผลการสอบของคณะกรรมการชุดดังกล่าวออกมา ก็จะดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ออกไปแล้วด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลอาญาพิพากษาคดีที่มีที่มาเดียวกันแต่ตัดสินไปคนละทาง กล่าวคือ เอาผิดกับคุณหญิงพจมาน-บรรณพจน์ แต่ยกฟ้องข้าราชการกรมสรรพากร ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่า กระทรวงการคลัง จะไปไล่เบี้ยเอาผิดกับข้าราชการกรมสรรพากรที่ช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับคุณหญิงพจมาน-บรรณพจน์ ได้หรือ ? และภาษีกว่า 546 ล้านบาท ที่จะต้องมีผู้รับผิดทางแพ่งชดใช้ค่าเสียหายจาการเลี่ยงเก็บภาษีดังกล่าว ใครจะต้องเป็นผู้รับผิด ?

คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำของข้าราชการกรมสรรพากรทั้ง 5 คน ที่กรมสรรพากรตั้งขึ้นในสมัยนายศานิต ร่างน้อย เป็นอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อจะดูว่าจะมีใครรับผิดชอบบ้าง และรับผิดชอบอย่างไรในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเลี่ยงภาษีของคุณหญิงพจมาน-บรรณพจน์ คงมีคำตอบอยู่ในใจแล้วหลังศาลอาญามีคำพิพากษา ยกฟ้อง !!

และไม่เพียงแต่ข้าราชการกรมสรรพากรกลุ่มนายศิโรตน์และพวกเท่านั้น ที่มีโอกาสลอยนวล กลุ่มข้าราชการกรมสรรพากร ที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายพานทองแท้ – พิณทองทา ชินวัตร ในคดีแอมเพิลริช ก็มีโอกาสรอดตัวเช่นกัน

2. คดีกล่าวหาข้าราชการกรมสรรพากร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเรียกเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ในราคาถูกกว่าราคาตลาด ระหว่างบริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ จำกัด กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี

คดีดังกล่าว นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. อดีตประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวข้างต้น ระบุว่า คดีนี้มีขั้นตอนเช่นเดียวกับคดี นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม คุณหญิงพจมาน ชินวัตร หลีกเลี่ยงภาษี โดย คตส.ได้มติให้ยื่นฟ้องบุคคลทีเกี่ยวข้องในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154, 157 ประกอบมาตรา 83, 84 และ 86 ประกอบด้วย ข้าราชการกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกับการทำหนังสือตอบหารือเรื่องการไม่เสียภาษีในการซื้อขายหุ้นจำนวนดังกล่าว คือ 1) นางเบญจา หลุยเจริญ 2) น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง 3) น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ 4) นายกริช วิปุลานุสาสน์

และอีกรายหนึ่ง คือ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดคุณหญิงพจมาน ซึ่งเป็นผู้ทำหนังสือสอบถามในฐานะเป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น โดย คตส. ส่งสำนวนผลการไต่สวนคดีที่มีมติสั่งฟ้องบุคคลข้างต้นให้อัยการสูงสุด ส่งฟ้องต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 51

การตรวจสอบการซื้อขายและโอนหุ้นชินฯ ของนายพานทองแท้ ชินวัตร และน.ส.พินทองทา ชินวัตร กรรมการของบริษัทแอมเพิลริชฯ ข้างต้น คตส. แจ้งให้กรมสรรพากร จัดเก็บภาษีรวมประมาณ 32,731 ล้านบาท รวมทั้งกรณีภาษีของบริษัทชินแซทเทลไลท์ฯ กรณีที่ได้รับเงินสินไหมทดแทนจากการประกันภัยดาวเทียมไทยคม 3 อีกประมาณ 1,082 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 33,731 ล้านบาท

แต่การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของกรมสรรพากร จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมา หลังจากที่มีกระแสข่าวกรมสรรพากรขอให้แบงก์ไทยพาณิชย์ ถอนอายัดเงิน 12,000 หมื่นล้าน เพื่อให้ “โอ๊ค-เอม” เอามาชำระภาษี โดยวางแผนซ้อนอีกชั้นคือให้คณะกรรมการอุทธรณ์ภาษี มีความเห็นว่าไม่ต้องจัดเก็บภาษีแล้วโอนเงินคืนเจ้าของไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยเสียก่อน จึงทำไม่สำเร็จ

ดังนั้น ภายหลังคำพิพากษายกฟ้องบิ๊กข้าราชการกรมสรรพากรที่อุ้มคุณหญิงอ้อ-บรรณพจน์ เลี่ยงภาษี จึงเป็นที่น่าจับตาว่าคดีแอมเพิลริช ซึ่งข้าราชการกรมสรรพากร กลุ่มนางเบญจา หลุยเจริญ และพวก เอื้อประโยชน์ให้โดยตอบข้อหารือคนใกล้ชิดคุณหญิงพจมานว่า กรณีดังกล่าวไม่ต้องเสียภาษี จะมีบทสรุปลงเอยเช่นใด

ส่วนการเรียกเก็บภาษี 30,000 กว่าล้านบาท ตามผลตรวจสอบของคตส. กรมสรรพากร จะได้เวลาใส่เกียร์เดินหน้าแล้วหรือยัง ?
 
หรือว่า แท้จริงแล้ว รัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็ถนัดในการซุกเรื่องไว้ใต้โต๊ะ ปล่อยให้เงียบหายไปตามกาลเวลา ยึดคาถาแบบนักการเมืองรุ่นเก่าทีใครทีมัน ไม่แตะต้องกัน อย่างนั้นใช่หรือไม่ ??
กำลังโหลดความคิดเห็น