xs
xsm
sm
md
lg

รองข้าหลวงใหญ่ยูเอ็นห่วงครอบครัวนีละไพจิตรหลัง“แก๊งแม้ว” คุมดีเอสไอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการออนไลน์ - วาระครบรอบ ๔ ปี ของการหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร ได้ถูกหยิบยกขึ้นในเวทีสภาสิทธิมนุษยชนที่กรุงเจนีวา “อังคนา” เรียกร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษหาญกล้าเรียก “ทักษิณ” ให้ปากคำสาวถึงตัวผู้บงการ ถามความจริงจาก “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รู้เห็นการอุ้มหายทนายสมชายดังปากคำที่พยานให้การหรือไม่ ด้านรองข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนยูเอ็นห่วงความปลอดภัยครอบครัวนีละไพจิตร หลังดีเอสไอกลายสภาพเป็น “รัฐตำรวจ”

ในเวทียูเอ็นที่กรุงเจนีวา นางอังคณา นีละไพจิตร ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกรมสอบสวนคดีพิเศษ แสดงความจริงใจในการคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยขอให้เรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลมาให้ความกระจ่างถึงการรับรู้ หรือความเกี่ยวข้องของตนเองกับการหายตัวไปของทนายสมชาย อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานที่แน่นหนาก่อนที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาล

นางอังคณา ได้รับกำลังใจในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเป็นอย่างมากจากเวทีนานาชาติ ในการนำเสนอข้อเรียกร้องของเธอในครั้งนี้

นางอังคณา นีละไพจิตร ได้กล่าวในที่ประชุมสภาสิทธิมนุษยชนฯ ระหว่างที่มีการเปิดอภิปรายสาธารณะในประเด็นการบังคับให้บุคคลสูญหาย ที่รับผิดชอบโดย คณะฑูตฝรั่งเศสประจำกรุงเจนีวา และสหพันธ์ต่อต้านคนหายสากล (International Coalition Against Disappearances) โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังหลายท่านที่เป็นผู้แทนของคณะฑูตประเทศต่างๆ ประจำกรุงเจนีวา

นางอังคณาได้เรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความกล้าหาญในการที่จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นพยานให้ปากคำในกรณีที่ได้เคยให้สัมภาษณ์เรื่องการหายตัวไปของทนายสมชาย

นางอังคณา กล่าวว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนทุกแขนงเมื่อวันที่ 13มกราคม 2549 หนึ่งวันหลังจากมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยกล่าวว่า เขารู้ว่าทนายสมชายเสียชีวิตแล้ว เพราะพบร่องรอยหลักฐาน ซึ่งการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้ข่าวในฐานะนายกรัฐมนตรีจึงมีความน่าเชื่อถือ และจะต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกล่าวเช่นนั้น

นอกจากนั้น นางอังคณา ยังได้เรียกร้องให้รักษาการณ์อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคนใหม่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สร้างความกระจ่างต่อประเด็นเดียวกันด้วยว่า เขามีส่วนรับรู้ในการหายตัวไปของทนายสมชายหรือไม่ เพราะคำให้การของพยานโจทก์ปากหนึ่งกล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่ได้ยินคำสนทนาของตำรวจกลุ่มหนึ่งที่ว่าจะไปลักพาตัวทนายสมชาย และนายตำรวจผู้นี้ได้รายงานสิ่งได้รับฟังให้กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รับทราบ ข้อเท็จจริงดังกล่าว ที่ว่าขณะนี้ผู้ที่ดูเหมือนจะมีส่วนรับรู้ในการหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร ได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สร้างความกังวลใจให้แก่ชุมชนระหว่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง

รองข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนและผู้แทนพิเศษแห่งเลขาธิการทั่วไป ต่อเรื่องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้หารือกับนางอังคณา เป็นการส่วนตัว และได้แสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของนางอังคณา รวมทั้งเป็นกำลังใจให้กับนางอังคณาและครอบครัว และกล่าวชื่นชมต่อความกล้าหาญของเธอที่ไม่เกรงกลัวในการที่จะค้นหาความจริงต่อการหายตัวไปของสามี

ด้านฑูตไทยประจำกรุงเจนีวา ได้แถลงต่อข้อเรียกร้องของนางอังคณาว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับคดีนี้เป็นอย่างมาก และยังได้กล่าวชื่นชมการเข้าร่วมเวทีสภาสิทธิมนุษยชนฯ ในครั้งนี้ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีการจัดการทางกฎหมายมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันว่า ผู้กระทำความผิดจะต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม

ท้ายที่สุด ฑูตไทยประจำกรุงเจนีวา ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลไทยไม่ต้องการให้ปัญหาการบังคับบุคคลให้สูญหายดำรงอยู่ต่อไป และจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้รัฐบาลไทยรับรองกติกาสากลระหว่างประเทศว่าด้วยการต่อต้านการบังคับบุคคลให้สูญหาย

คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (The International Commission of Jurists – ICJ) มีความกังวลเป็นอย่างมากต่อความไม่คืบหน้าของคดีทนายสมชาย และความปลอดภัยของนางอังคณา และได้นำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่สภาสิทธิมนุษยชน ฯ ICJ ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เรายินดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษยังคงทำคดีนี้ต่อไป แต่เรายังต้องการเห็นความสำเร็จในการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้ และคดีการบังคับให้หายตัวไปอื่นๆ ในประเทศไทย”

ในวันนี้ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๑) นางอังคณา ยังได้พบกับสมาชิกของคณะทำงานด้านการบังคับบุคคลให้สูญหายแห่งสหประชาชาติ เพื่อนำเสนอสถานการณ์ความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรคของกรณีการหายตัวไปของสามี และกรณีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ในวาระครบรอบสี่ปีแห่งการหายตัวไปของสามีเธอในวันนี้ นางอังคณาได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ละความพยายามในการค้นหาความยุติธรรมให้กับสามีและเหยื่อของการบังคับบุคคลให้สูญหายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเธอยังแสดงความขอบคุณสำหรับการสนับสนุนให้กำลังใจอย่างอบอุ่นจากชุมชนนานาชาติ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เธอคงความเข้มแข็งในการต่อสู่เพื่อความยุติธรรมต่อไป

อนึ่ง คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ก่อตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน ๒๕๔๙ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน สนับสนุนการเข้าถึงความยุติธรรม และเพื่อยุติการลอยนวลความผิดของผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น