ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ กรีนพีซ เข้าร่วมขบวนเรือประมงพื้นบ้านในอ่าวเทพา-ปัตตานี (ตือโละปาตานี) ประกาศเจตนารมย์หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน ชาวบ้านชู “นายสะหม้อ” กับ “นายเท่ง” เป็นตัวแทนอัตลักษณ์สังคมคาบสมุทรภาคใต้ ร่วมแรงร่วมใจสร้างงานศิลปะขนาด 30x 30 เมตร
วันนี้ (21 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยบริเวณเกาะขาม อ่าวเทพา อ.เทพา จ.สงขลา เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ซึ่งเป็นเรือสัญลักษณ์ของกรีนพีซ เดินทางมาถึงตือโละปาตานี (อ่าวเทพา-ปัตตานี) เพื่อเข้าร่วมกับเรือประมงพื้นบ้านประมาณ 100 ลำ จากชุมชนสะกอม เทพา และสวนกง ในจังหวัดสงขลา
โดยเรือประมงพื้นบ้านได้จัดวางภาพวาดบนผืนผ้าขนาด 30 x 30 เมตรในทะเลบริเวณใกล้เกาะขาม โดยเป็นภาพตัวละครในหนังตะลุง “นายสะหม้อ” “นายเท่ง” พร้อมข้อความ “ควน ป่า นา เล ควรหวงแหน” (หมายถึง “ปกป้องภูเขา ป่าไม้ ทุ่งนาและทะเล”) เพื่อแสดงเจตนารมย์คัดค้านถ่านหิน(no coal) และเทใจให้ทะเล(Heart for Sea)
ด้านนายรุ่งเรือง ระหมันยะ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นได้อ่านคำประกาศเจตนารมย์ “อะโบ๊ยหมะ เทใจให้ทะเล” บนเรือเรนโบว์ ท่ามกลางการพัฒนาที่ล้างผลาญ ทะเลคือส่วนหนึ่งของการถูกกระทำให้เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว การมาถึงของเรือเรนโบว์วอริเออร์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างแข็งขัน จึงนับเป็นโอกาสอันดียิ่งของคนในพื้นที่สงขลา-ปัตตานีในวันนี้
“วันนี้ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่แห่งนี้ มีสำนึกในการปกป้องทะเลอย่างเต็มเปี่ยม พวกเราร่วมกันทำปะการังเทียมเพื่อเพิ่มพื้นที่ฟูมฟักสัตว์น้ำวัยอ่อน ใช้อวนตาใหญ่ขึ้น เพื่อจับแต่สัตว์น้ำที่โตเต็มวัย พยายามส่งเสียงให้จำกัดหรือหยุดการทำประมงด้วยเครื่องมือทำลายล้าง รวมทั้งยังพยายามเก็บขยะจากทะเลที่มาเกยริมชายหาด เพื่อไม่ให้ลงไปในทะเลอีก พวกเราพยายามทำการตลาดและขนส่งปลาปูกุ้งหอยหมึกกั้งสดๆจากทะเลไปสู่ผู้บริโภคโดยไม่ต้องใส่สารเคมีใดๆ”
นายรุ่งเรือง กล่าวและว่า ความพยายามเหล่านี้กำลังเติบโต ทะเลกำลังฟื้นตัว ทะเลคือธนาคารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ต้องมีใครเลี้ยง ไม่ต้องให้อาหาร ต้อนรับทุกคนที่มีแรงมาลงเรือทำการประมงโดยไม่ต้องมีวุฒิ ขอเพียงแต่ให้มีสำนึกของการอนุรักษ์ ปลาปูกุ้งหอยหมึกกั้งลัตว์ทะเลอื่นๆกำลังค่อยๆเพิ่มจำนวน ทะเลจึงกลายเป็นความหวังไม่เฉพาะของชุมชนชาวประมง แต่รวมถึงของคนทั้งโลก และนี่คือทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืน
แต่ในท่ามกลางสถานการณ์การฟื้นตัวของทะเล โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ไปจนถึงปลายแหลมตาชี อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี กลับมีความเสี่ยงที่ทะเลแถบนี้จะถูกคุกคามอย่างรุนแรง นั่นคือการคุกคามจากโครงการขนาดใหญ่ที่จะทำร้ายไม่เฉพาะทะเล แต่จะทำลายชุมชน ทำลายผืนดินสายน้ำ และอากาศด้วย
ด้านนางสาวสุกัญญา หัดขะเจ ผู้ประสานงานเครือข่ายเทใจให้เทพาหยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินกล่าวว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา และโครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 ที่บ้านสวนกง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา คือสองโครงการหายนะที่รัฐบาลพยายามผลักดัน หากสำเร็จลง ประกอบกับโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย และโรงไฟฟ้าจะนะที่เดินเครื่องไปก่อนแล้ว การตามมาของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก็ย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย หายนะจะคืบคลานมาสู่พื้นแผ่นดิน สายน้ำ และทะเลอย่างยากที่กู้กลับคืนมา
การรวมตัวของพี่น้องประมงพื้นบ้านในพื้นที่จะนะ เทพา และปัตตานีในวันนี้ รวมทั้งเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ ศิลปิน สื่อมวลชน นักพัฒนาเอกชน นักศึกษา เยาวชน และผู้ที่หวังเห็นการพัฒนาที่ยั่งยืนในวันนี้ เป็นการยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องการสานพลังความเป็นเครือข่ายที่เหนียวแน่น และร่วมกันปกป้องฐานทรัพยากร ฐานชีวิตของผู้คนให้พ้นจากหายนะจากการพัฒนาที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่สุขสงบและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
“เราทั้งหลายขอประกาศว่าเราจะร่วมกันปกป้องทะเลอันอุดม อากาศที่บริสุทธิ์ แผ่นดินที่สมบูรณ์ และวิถีวัฒนธรรมของผู้คนที่สุขสงบแห่งนี้ ให้ปลอดภัยจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 และโครงการขนาดใหญ่ใดๆที่ชุมชนไม่ต้องการเราจะสร้างสังคมใหม่ร่วมกัน สังคมที่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง สังคมที่ประชาชนมีสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง มีสิทธิในการกำหนดทิศทางการพัฒนาด้วยตนเอง เพื่ออนาคตของเราเอง ของลูกหลาน ของพืชและสัตว์นานาชนิด รวมถึงของโลกที่ต้องการความยั่งยืนด้วย”
นายดอเลาะ อาแว ตัวแทนชุมชนตันหยงเปาว์ เครือข่ายตือโละปาตานีกล่าวว่าพวกเราผูกพันกับทะเลและผืนดินที่นี่ ถ้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเดินหน้าต่อไป เราอาจสูญเสียทุกอย่าง ทั้งบ้าน วิถีชีวิต และวัฒนธรรม การถูกบังคับให้ย้ายออกจากแผ่นดินเกิดที่ได้มาจากบรรพบุรุษ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ย้ายถิ่นฐานเท่านั้น แต่เป็นการทำลายเอกลักษณ์ของชุมชน”
น.ส.จริยา เสนพงศ์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงาน กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา จ.สงขลาช้ากว่ากำหนดเดิมไปสามปี โดยสถานการณ์ความขัดแย้งทางสังคมขยายตัว เพิ่มมากขึ้น ในเดือนกรกฎาคม 2558 ชุมชนที่คัดค้านโครงการถูกกันไม่ให้เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อทบทวนร่างรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพโดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันกว่า 1,500 นาย
ไม่กี่วันหลังจากนั้น มีการประกาศว่าขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนได้เสร็จสมบูรณ์และริเริ่มกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ต่อจากนั้น บริษัทที่ปรึกษาของโครงการซึ่งว่าจ้างโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะรวบรวมรายงาน EHIA และส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อพิจารณา
ในเดือนสิงหาคม 2560 เครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินนั่งประท้วงหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกรุงเทพมหานคร หลังจากที่รายงานประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินได้รับการอนุมัติ
สามเดือนหลังจากนั้น เครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินทำการเดิน “เทใจให้เทพา” เป็นระยะทาง 75 กิโลเมตร เพื่อยื่นจดหมายต่อนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาให้ยกเลิกโครงการ ท้ายที่สุด ผู้ร่วมเดิน “เทใจให้เทพา” ถูกจับกุม 16 คน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ในวันนี้นอกจากกลุ่มชาวบ้านแล้วยังมีตัวแทนศิลปินและกวี ร่วมอ่านบทกวีบนเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ขณะที่ตัวแทนชาวบ้านได้แลกเปลี่ยนธงสัญลักษณ์กับกัปตันเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ด้วย พร้อมคำมั่นสัญญาจะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันจนถึงที่สุด
บทกวี สายรุ้งเดียวกัน
เราอาจแตกต่าง แต่เราเหมือนกัน
เราต่างสูดดมลมหายใจในอากาศเดียวกัน
เราอาจมากันคนละแห่งหน
แต่เราต่างเดินทางด้วยความรู้สึกร่วมกัน
เราอาจอยู่คนละฝั่งทะเล
แต่มหาสมุทรไม่ได้เลือกเผ่าพันธุ์ใดมิใช่หรือ
เราอาจแตกต่างแต่เราเหมือนกัน
แม้จะมีดวงตาคนละสี
ทว่าก้อนเมฆนั้นไม่ได้เลือกดวงตาที่จ้องมอง
ฟ้าก็ยังหลากสีฟ้า ดุจเดียวกัน
สายฝนไม่เคยเกี่ยงที่จะตกลงสู่ที่ใด
เช่นเดียวกับสายรุ้งที่ไม่เคยเลือกโค้งฟ้า
เราอาจแตกต่างแต่เราเหมือนกัน
เราอาจมีพระเจ้าคนละองค์
แต่มีพระเจ้าธรรมชาติองค์เดียวเท่านั้น
ทะเลและแม่น้ำหลากไหลเป็นเลือดเนื้อชีวิต
ไม่ต่างกัน
ป่าใหญ่ไม่เคยขับไล่ไสส่งผู้คน
เช่นเดียวกับแผ่นดินและผืนทราย
ไม่เคยลบรอยเท้าใด
เราอาจแตกต่างแต่เราเหมือนกัน
เราต่างสูดดมลมหายใจของกันและกัน
เรามาที่นี่เพื่อหายใจในจังหวะเดียวกัน
ให้ก้องดัง ดัง ดัง ดัง ดัง และ ดังขึ้นอีก
ดังขึ้นอีก
แล้วโลกจะหยุดฟัง
เสียงหัวใจที่ปกป้องดินน้ำป่ามหาสมุทร
เดียวกัน
จิตติมา ผลเสวก / 18 พฤษภาคม 2561