xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าใหญ่ในสะเดาเพาะ “เห็ดนางฟ้า” ขายยาวนานกว่า 20 ปี สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สองสามีภรรยาเพาะ “เห็ดนางฟ้า” ขายมายาวนานกว่า 20 ปี ลองผิดลองถูกจนมาเป็นเจ้าใหญ่สุดใน อ.สะเดา จ.สงขลา ชูเด่นเน้นความสดใหม่ ลูกค้ามีทั้งในพื้นที่ใกล้ไกล รวมถึงในประเทศมาเลเซีย สร้างรายได้ดีเฉลี่ยเดือนละกว่า 1 แสนบาท

“เห็ดนางฟ้า” จัดเป็นเห็ดเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่นิยมรับประทานกันมาก และทั่วไป ไม่แพ้เห็ดนางรม และเห็ดฟาง เนื่องจากเห็ดชนิดนี้สามารถเพาะได้ง่าย มีระยะเวลาในการเพาะสั้น ดอกเห็ดออกจำนวนมาก ดอกเห็ดให้เนื้อนุ่ม รสหวาน สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น แกงเลียง ต้มยำ ผัด เป็นต้น จึงทำให้มีผู้ที่สนใจเพาะเห็ดนางฟ้า เพื่อเป็นอาชีพสร้างรายได้กันอย่างแพร่หลาย
 

 
นายกิ้มถ่อง แซ่คู อายุ 60 ปี และนางมาลา แซ่คู อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ซอย 12 บ้านทับโกบ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มเห็ดนางฟ้ารายใหญ่สุดใน อ.สะเดา ถึงขั้นได้เปิดเป็นจุดเรียนรู้เรื่องการเพาะเห็ดนางฟ้า ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ให้แก่ผู้ที่สนใจ และหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจมาศึกษาดูงานกันเป็นจำนวนมาก

นายกิ้มถ่อง เปิดเผยว่า ตนเองได้เพาะเห็ดนางฟ้าขายมานานกว่า 20 ปี ซึ่งลองผิดลองถูกมาเยอะ แต่ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ โดยทดลองเพาะเห็ดนางรม เห็ดฟาง เห็ดเป๋าฮื้อ แต่สุดท้ายก็มายึดเอาเห็นนางฟ้าเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญมีความต้องการของตลาดที่แน่นอน โดยขั้นตอนการเพาะเห็ดเริ่มจากการนำขี้เลื่อยจากไม้ยางพารามาผสมกับส่วนผสมอื่นๆ ในอัตราขี้เลื่อย 150 กิโลกรัม ปูนขาว 2.5 กิโลกรัม แป้งมัน 2 กิโลกรัม ฟูลไมท์ 400 กรัม ดีเกลือ 200 กรัม มาผสมให้เข้ากัน โดยใช้เครื่องในการผสมซึ่งคอยพรมน้ำสะอาดให้ชุ่มจนได้ที่ แล้วจึงนำส่วนผสมที่ได้มาใส่ถุงพลาสติกขนาด 1 กิโลกรัม แล้วอัดให้แน่น ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวจะได้ 280 ก้อน หรือถุง ซึ่งจะเป็นอาหารของเชื้อเห็ด จากนั้นก็ใส่จุกพลาสติก และเศษขุยผ้าเพื่อเป็นที่สำหรับหยอดเชื้อ
 

 
ขั้นตอนต่อไป นำถุงก้อนเชื้อไปอบด้วยตบอบไอน้ำที่ความร้อน 100 องศาเซลเซียส เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์เป็นเวลา 3 ชั่วโมง แล้ววางทิ้งไว้ 1 คืน ถึงจะหยอดเชื้อเห็ดได้ ซึ่งการหยอดเชื้อมักจะหยอดในช่วงเช้าที่อากาศเย็น และไม่มีลมพัด ซึ่งขั้นตอนนี้จะเน้นความสะอาด ต้องสวมถุงมือ หรือต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนทุกครั้ง ส่วนพันธุ์เห็ดนางฟ้าจะเป็นพันธุ์ฮังการี และพันธุ์ภูฏาน ซึ่งมีความทนทาน และเหมาะต่อภูมิอากาศในบ้านเรา

หลังจากนั้น ประมาณ 10-25 วัน เชื้อเห็ดจะเริ่มเดินเต็มก้อน สังเกตได้ซึ่งก้อนเชื้อจะมีคล้ายๆ เส้นใยสีขาวไปทั่ว พร้อมนำไปวางที่โรงเรือน โดยหลังหยอดเชื้อ 30 วัน เห็ดก็เริ่มออกดอกสามารถเก็บผลผลิตขายได้ สำหรับการเก็บเห็ดจะเก็บในเวลากลางคืน 1 รอบ และตอนเที่ยง 1 รอบ ซึ่งก้อนเชื้อเห็ดที่เก็บแล้วอีก 1 อาทิตย์ ก็จะเก็บได้อีก โดยเชื้อเห็ด 1 ก้อนสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึง 5-6 เดือน แล้วแต่สภาพอากาศ และการดูแล อย่างเช่นการให้น้ำ การรักษาความสะอาดของโรงเรือน เป็นต้น
 

 
“เราจะนำเห็ดที่เก็บมาตัดส่วนโคนที่แข็งๆ ออก แล้วบรรจุใส่ในถุงพลาสติก ถุงละ 1 กิโลกรัม ราคาขายส่งถุงละ 60-65 บาท ซึ่งในตลาดจะขายที่ประมาณ 80-120 บาท ซึ่งลูกค้ามีทั้งพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย และรายใหญ่ที่ซื้อไปขายต่อ ส่วนหนึ่งก็ส่งให้แก่พ่อค้าแม่ค้าที่รับไปขายต่อที่ประเทศมาเลเซียอีกด้วย สำหรับที่ฟาร์มจะเน้นคุณภาพของเห็ดเป็นสำคัญ ซึ่งเห็ดที่ไม่สวยหรือเก็บไว้ค้างคืนจะไม่ส่งขายให้แก่ลูกค้าเด็ดขาด ทำให้เป็นที่ถูกใจ และไว้วางใจของผู้ซื้อมายาวนาน”

นอกจากจะขายดอกเห็ดแล้ว ที่ฟาร์มแห่งนี้ยังขายก้อนเชื้อเห็ด สำหรับผู้ที่สนใจเพื่อนำไปดูแลเองที่บ้าน ซึ่งมีหลายราคาขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่จะออกดอก อย่างเช่น เพิ่งหยอดเชื้อขายก้อนละ 8 บาท อีก 2-3 วันจะออกดอกขายก้อนละ 9-10 บาท ซึ่งทำให้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 1 แสนบาท สามารถดูแลคนงานที่อยู่กันแบบครอบครัวถึง 5 ครอบครัวได้อย่างสบายๆ
 








กำลังโหลดความคิดเห็น