สุราษฎร์ธานี - นายอำเภอท่าชนะ นำคณะลงตรวจสอบนายทุนบุกรุกปลูกยางพาราในพื้นที่ป่าช้าตำบลสมอทอง ขอให้มีการประนีประนอมกันระหว่างผู้บุกรุกกับผู้ร้อง พร้อมอ้างไม่อยากใช้กฎหมายกับผู้บุกรุก เกรงผู้ร้องจะนอนไม่หลับ
จากกรณี นายปรารภ เหล็กดำ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 197 หมู่ที่ 6 ตำบลสมอทอง อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อดีตผู้ช่วยกำนันตำบลสมอทอง ปี 2540-2543 ได้นำเอกสารพร้อมภาพถ่ายและสำเนาการร้องเรียนเรียกร้องให้ตรวจสอบการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ (ที่ดินป่าช้าเก่า) ที่พื้นที่มีอยู่กว่า 10 ไร่ แต่ อบต.สมอทอง ยื่นขอออกหนังสือสำคัญ (นสล.) เพียง 5 ไร่เศษ
ปล่อยให้พื้นที่ประมาณ 4 ไร่ เศษ ถูกนายทุนบุกรุกครอบครองปลูกยางพาราอายุกว่า 2 ปี กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ได้ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบพื้นที่ที่มีการบุกรุก และเรียกร้องให้เปิดเส้นทางเข้าออกพื้นที่สาธารณประโยชน์ ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.56 แต่เวลาผ่านไปเกือบ 4 ปี เรื่องกลับเงียบไม่มีอะไรคืบหน้า จึงหันมาร้องสื่อ และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อขอความเป็นธรรมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด ในวันนี้ (24 ก.ย.) นายเจริญ เปลี่ยวจิต นายอำเภอท่าชนะ ได้นำเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงตรวจสอบพื้นที่ป่าช้า ตามคำสั่ง นายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมีการประสานงานกับกลุ่มผู้ร้องเข้าชี้จุด และให้รายละเอียดความเป็นมาของพื้นที่ป่าช้า
ผลการการเจรจาในเบื้องต้น นายอำเภอท่าชนะ ได้ขอให้ทางกลุ่มผู้ร้องได้มีการพูดคุยกับผู้บุกรุก โดยระบุว่า ไม่อยากใช้กฎหมายต่อผู้บุกรุก โดยหวั่นเกรงว่าทางกลุ่มผู้ร้องจะนอนไม่หลับ พร้อมกับดึงตัวแทนกลุ่มผู้ร้องเข้าเป็นคณะกรรมการร่วมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ทางกลุ่มผู้ร้องได้ปฎิเสธ ขอเพียงเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ และติดตามการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เดินในทางที่ถูกต้องเพื่อนำพื้นที่กลับมาเป็นของชุมชน และเปิดเส้นทางเข้าออกที่ป่าช้า โดยขอให้นายอำเภอแต่งตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าเป็นคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายเจริญ เปลี่ยวจิต นายอำเภอท่าชนะ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ ว่า ในเบื้องต้นได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงตามที่มีการร้องขอของกลุ่มผู้ร้อง และเอาเรื่องเก่าที่มีการดำเนินการมาดูรายละเอียด แต่ยังไม่กำหนดเวลาว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ แต่ก็จะพยายามทำให้เร็ว หากพบว่ามีการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ (ป่าช้า) จริง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้บุกรุก ซึ่งเรื่องนี้จะรายงายให้ นายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทราบต่อไป
จากกรณี นายปรารภ เหล็กดำ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 197 หมู่ที่ 6 ตำบลสมอทอง อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อดีตผู้ช่วยกำนันตำบลสมอทอง ปี 2540-2543 ได้นำเอกสารพร้อมภาพถ่ายและสำเนาการร้องเรียนเรียกร้องให้ตรวจสอบการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ (ที่ดินป่าช้าเก่า) ที่พื้นที่มีอยู่กว่า 10 ไร่ แต่ อบต.สมอทอง ยื่นขอออกหนังสือสำคัญ (นสล.) เพียง 5 ไร่เศษ
ปล่อยให้พื้นที่ประมาณ 4 ไร่ เศษ ถูกนายทุนบุกรุกครอบครองปลูกยางพาราอายุกว่า 2 ปี กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ได้ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบพื้นที่ที่มีการบุกรุก และเรียกร้องให้เปิดเส้นทางเข้าออกพื้นที่สาธารณประโยชน์ ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.56 แต่เวลาผ่านไปเกือบ 4 ปี เรื่องกลับเงียบไม่มีอะไรคืบหน้า จึงหันมาร้องสื่อ และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อขอความเป็นธรรมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด ในวันนี้ (24 ก.ย.) นายเจริญ เปลี่ยวจิต นายอำเภอท่าชนะ ได้นำเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงตรวจสอบพื้นที่ป่าช้า ตามคำสั่ง นายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมีการประสานงานกับกลุ่มผู้ร้องเข้าชี้จุด และให้รายละเอียดความเป็นมาของพื้นที่ป่าช้า
ผลการการเจรจาในเบื้องต้น นายอำเภอท่าชนะ ได้ขอให้ทางกลุ่มผู้ร้องได้มีการพูดคุยกับผู้บุกรุก โดยระบุว่า ไม่อยากใช้กฎหมายต่อผู้บุกรุก โดยหวั่นเกรงว่าทางกลุ่มผู้ร้องจะนอนไม่หลับ พร้อมกับดึงตัวแทนกลุ่มผู้ร้องเข้าเป็นคณะกรรมการร่วมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ทางกลุ่มผู้ร้องได้ปฎิเสธ ขอเพียงเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ และติดตามการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เดินในทางที่ถูกต้องเพื่อนำพื้นที่กลับมาเป็นของชุมชน และเปิดเส้นทางเข้าออกที่ป่าช้า โดยขอให้นายอำเภอแต่งตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าเป็นคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายเจริญ เปลี่ยวจิต นายอำเภอท่าชนะ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ ว่า ในเบื้องต้นได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงตามที่มีการร้องขอของกลุ่มผู้ร้อง และเอาเรื่องเก่าที่มีการดำเนินการมาดูรายละเอียด แต่ยังไม่กำหนดเวลาว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ แต่ก็จะพยายามทำให้เร็ว หากพบว่ามีการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ (ป่าช้า) จริง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้บุกรุก ซึ่งเรื่องนี้จะรายงายให้ นายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทราบต่อไป