ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่นำพระสงฆ์และสามเณรรวมตัวยื่นหนังสือเรียกร้องนายกรัฐมนตรีให้ยกเลิกการบังคับใช้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย เผยยังไม่มีการเคลื่อนไหวซ้ำ หลังพบท่าทีนายกรัฐมนตรีผ่อนคลายลง ชี้แค่จับกุมตัว “ธัมมชโย” คนเดียว จนท.น่าจะมีความสามารถเพียงพอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังตำรวจทหารมากมายปิดล้อมวัด
ความคืบหน้ากรณีที่เมื่อวันที่ 24 ก.พ.60 พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน(พระอารมหลวง) ตำบลท่าตอน อำเภอท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ และรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ นำพระสงฆ์และสามเณรจำนวนมาก รวมตัวที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเรียกร้องให้สั่งการยกเลิกการบังคับใช้ ม.44 ในการดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย โดยระบุว่าจะให้เวลา 1 สัปดาห์นับจากวันที่ยื่นหนังสือจากนั้นจะนัดหมายรวมตัวกันกลับมาฟังคำตอบอีกครั้ง ขณะที่วันนี้(6 มี.ค.60) มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการเคลื่อนไหวของพระสงฆ์กรณีวัดพระธรรมกายในบางจังหวัดนั้น
วันนี้(6 มี.ค.60) พระเทพมังคลาจารย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ยื่นหนังสือเรียกร้องให้สั่งการยกเลิกการบังคับใช้ ม.44 ในการดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 24 ก.พ.60 ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรอดูท่าทีของนายกรัฐมนตรีว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีท่าทีที่ผ่อนคลายและประนีประนอมมากขึ้น จึงจะให้โอกาสนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องในการพิจารณาตัดสินใจไปอีกระยะหนึ่ง โดยเบื้องต้นยืนยันว่าในส่วนของพระสงฆ์และสามเณรในจังหวัดเชียงใหม่ จะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ขณะเดียวกันยืนยันว่าการที่นำพระสงฆ์และสามเณรออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องดังกล่าวนั้น ไม่ได้เป็นเพราะสนับสนุนธรรมกาย แต่เป็นเพราะไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย จึงออกมาให้ข้อคิด เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินการกับพระสงฆ์เพียงรูปเดียว ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่มากมายและสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างเป็นอยู่ในเวลานี้ แต่สามารถดำเนินการได้ด้วยการใช้กฎหมายอื่นๆ ที่มีอยู่โดยไม่จำเป็นต้องใช้ ม.44 เพื่อติดตามจับกุมตัวพระธัมมชโย เพียงคนเดียว ซึ่งเชื่อว่าที่จริงแล้วเจ้าหน้าที่น่าจะมีความสามารถที่จะดำเนินการเช่นนั้นได้
ทั้งนี้เมื่อถามว่าหากสมมติว่าพระเทพมังคลาจารย์เป็นพระธัมมชโย จะยอมปรากฏตัวหรือยอมมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อยุติหรือคลี่คลายสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้หรือไม่ อย่างไรนั้น เจ้าอาวาสวัดท่าตอน(พระอารมหลวง) ตำบลท่าตอน อำเภอท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ และรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ บอกแต่เพียงว่า เรื่องสมมติไม่ใช่เรื่องจริง และเป็นไปไม่ได้