นครศรีธรรมราช - พบบัญชีวัดวังตะวันตก เพิ่มเติมอีกรวมขณะนี้ 32 บัญชี ขณะที่เจ้าอาวาสรูปใหม่ยังไม่แจ้งความดำเนินคดียักยอกทรัพย์ ด้าน ตร.พบหลักฐานเพิ่มเป็นใบเสร็จซื้ออุปกรณ์อำพรางศพ พร้อมขอความร่วมมือบริษัทผลิตเซฟส่งผู้เชี่ยวชาญเปิด หลังผู้ต้องหาอ้างลืมรหัส เตรียมเผาศพ “เณรปลื้ม” ในวันพรุ่งนี้
วันนี้ (10 มิ.ย.) ความคืบหน้าการคลี่คลายคดีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล แล้วฝังศพไว้หน้าหอไตร ภายในวัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ยังต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในทางคดีคดีฆาตกรรมจะมีความคืบหน้าไปมาก จนสามารถจับกุมผู้ร่วมกันก่อเหตุ และร่วมกันฝังสามเณร โดยเฉพาะ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล และนายเด่นชัย ภูมินิยม ซึ่งเป็น 2 ผู้ต้องหาแรกที่มีอำนาจจัดการภายในวัดทั้งหมด รวมทั้งผู้ร่วมก่อเหตุอีก 2 ราย ที่เป็นสามเณร แต่ทางคดียังต้องจับตาในการติดตามเงินจำนวนมากที่อยู่ในบัญชีของวัด โดยผู้เกี่ยวข้องยืนยันว่า ก่อนที่ น.ส.ปิยฉัตร จะเข้ามามีอำนาจเหนือเจ้าอาวาส มีเงินสะสมอยู่ในบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท
พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ระบุว่า ในทางคดีนั้นค้นพบหลักฐานเพิ่มเติม คือ ใบเสร็จสั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปิดบังซ่อนเร้นอำพราง ซึ่งมีทั้งใบชาในการปกปิดกลิ่น น้ำมันก๊าด ปูนซีเมนต์ และอื่นๆ สามารถยึดได้มาทั้งหมดรวมทั้งวัตถุพยาน
ส่วนบัญชีเงินฝากของวัดนั้นพบเพิ่มเติมจากเดิม 26 บัญชี เพิ่มมาอีก 6 บัญชี โดยรวมแล้วมีเงินเหลือไม่ถึง 2 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ตู้เซฟของผู้ต้องหาในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจาก น.ส.ปิยฉัตร อ้างว่า จำรหัสเซฟไม่ได้ ตำรวจจึงได้ประสานกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อให้ส่งช่างผู้เชี่ยวชาญมาเปิดในเร็วๆ นี้
ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ยังระบุด้วยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีในกรณียักยอกทรัพย์จากเจ้าอาวาส ซึ่งตำรวจสามารถดำเนินคดีในส่วนนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าอาวาสรูปใหม่เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเจ้าอาวาสระบุว่า ขอรวบรวมเอกสารหลักฐานทางบัญชีต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้น ตำรวจจะต้องดำเนินคดีทุกฐานความผิดที่เกี่ยวข้องต่อผู้ต้องหา ขณะนี้ทำได้เพียงสืบสอบสวนเส้นทางการเงินการผ่องถ่ายบัญชีออกจากวัด ส่วนบัญชีของผู้ต้องหามีวงเงินคงเหลือราว 4 แสนบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การพบบัญชีของวัดเพิ่มตรงกับข้อมูลของนักธุรกิจที่แจ้งต่อผู้สื่อข่าววานนี้ ว่า ได้เก็บวงเงินที่ได้จากการทอดกฐินของวัด เมื่อปลายปี 2559 จำนวน 1 ล้าน 4 แสนบาท ไว้ให้วัด เนื่องจากเชื่อว่าหากนำเงินส่งเข้าบัญชีวัดนั้นเงินจะสูญหายไปทั้งหมด หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นบัญชีเงินฝากจำนวนนี้ได้ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ไปแล้ว
สำหรับ 26 บัญชีก่อนหน้าที่พบนั้น มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีที่หลักร้อย หลักพัน และหลักหมื่นเท่านั้น และเมื่อได้บัญชีมาเพิ่มอีก 6 บัญชี วงเงินจึงเหลือสูงขึ้นกว่า 1.4 ล้านบาท นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังมีความกังวลบางประการ เนื่องจากเจ้าอาวาสรูปใหม่นั้นเป็นศิษย์ของพระเทพสิริโสภณ ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ให้เมื่อกว่า 20 ปีก่อน อาจทำให้มีความเกรงใจ เนื่องจากหากแจ้งความแล้วอุปัชฌาจารย์อาจมีผลกระทบทางคดี เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะเจ้าอาวาสวัด ก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่ง
ด้าน พระครูสุนทรจิตตรัตน์ เจ้าอาวาสวัดวังไทร ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช รับเป็นเจ้าภาพ และจัดการพิธีบำเพ็ญกุศลศพสามเณรปลื้ม ตั้งแต่ถูกเคลื่อนย้ายมาจาก อ.หัวไทร เมื่อ 4 วันก่อนอย่างสวยงาม โดยพบว่า มีพวงหรีดเคารพศพของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประดับอยู่บริเวณหีบศพของสามเณร สำหรับ นายชวน เคยแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยียนที่วัดวังไทร แล้วหลายครั้ง จนเป็นที่คุ้นเคยของชาวบ้าน ซึ่งในวันนี้พรุ่งนี้จะมีพิธีฌาปนกิจสามเณร โดยเริ่มจากเคลื่อนศพขึ้นตั้งบนเมรุลอยในเวลา 9 นาฬิกา ประกอบพิธีในเวลา 13 นาฬิกา และประชุมเพลิงในเวลา 21 นาฬิกา ซึ่งสาเหตุในการจัดฌาปนกิจบนเมรุลอยนั้น เนื่องจากทุกคนเชื่อว่า สามเณรมีความบริสุทธิ์ จึงแสดงความเคารพเป็นครั้งสุดท้าย
ขณะที่ชาวบ้านต่างปักใจเชื่อว่า สามเณรเป็นคนที่มีความซื่อตรง และเมื่อกว่า 2 ปีก่อนครั้งสามเณรบวช ชาวบ้านได้ไปฝากตัวกับพระเทพสิริโสภณ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากพระเทพสิริโสภณ ให้อยู่ด้วยในกุฏิ รวมทั้งเป็นสามเณรที่ติดตามเวลาเดินทางไปไหนมาไหน และคอยรับใช้ใกล้ชิด ซึ่งการกล่าวหาในการขโมยเงินจากผู้ที่ต้องหาที่ร่วมกันฆาตกรรมสามเณรนั้น จึงไม่น่าเป็นไปได้ แต่เชื่อว่า สามเณรจะไปรู้เห็นความลับของกลุ่มผู้ต้องหาบางอย่าง และทั้งยังเป็นคนใกล้ชิดอดีตเจ้าอาวาส น่าเชื่อว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ถูกฆาตกรรม