ผู้จัดการรายวัน360 - ตำรวจเข้าค้นบ้านพักของ “เจ๊บิว” อีกหลัง พบเอกสารใบอนุโมทนาบัตรยังไม่ใช้งานจำนวนมาก ผู้จัดการรายวัน360 - ตั้งเมรุลอยเผาศพ “เณรปลื้ม” ปลดปล่อยทนทุกข์ถูกฝัง5เดือน ชาวบ้านเสนอสร้างรูปปั้นระลึกการตาย ค้นกุฏิปิดตายเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องอัฐบริการโบราณ พระพุทธรูปโบราณ ยังอยู่ครบ เร่งทำทะเบียนกันสูญหาย
วานนี้ (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการติดตามการคลี่คลายคดีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากการตรวจสอบทรัพย์เก่าแก่ที่เก็บไว้บนชั้น 2 กุฏิของพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 41 ได้เข้ามาร่วมทำความสะอาดตกแต่งสถานที่ภายในวัดครั้งใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณกุฏิกลิ่นสะตอ ซึ่งเป็นเรือนกุฏิเก่าแก่อายุนับร้อยปี สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของภาคใต้
ต่อมาช่วงบ่าย พ.ต.ท.วันชัย สุวรรณรัตน์ สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 24 ซอยอัศวรักษ์ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านอีกหลังที่ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล และนายเด่นชัย ภูมินิยม เข้าออกและพักอยู่ในบางคราว โดยบ้านหลังนี้มีผู้อาศัยเป็นญาติของ น.ส.ปิยฉัตร รวมทั้งบุตรชายของ น.ส.ปิยฉัตร ด้วย ซึ่งจากการตรวจค้นพบสมุดบัญชีของบุตรชายของ น.ส.ปิยฉัตร และผู้อาศัยที่ระบุว่าเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง เอกสารทางการเงินอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งใบอนุโมทนาบัตรจำนวนมาก โดยยังไม่ได้ใช้งาน ซึ่งมีฟอร์มลงนามรับเงินโดยพระเด่นชัย
ด้านนางกรองทอง บุญประกอบ ชาวตำบลปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า อยากให้วัดหรือผู้เกี่ยวข้องปั้นรูปสามเณรมาตั้งไว้ที่จุดถูกฝัง เพื่อระลึกว่าการตายของสามเณร สามารถนำไปสู่การจับกุมและล้างอิทธิพลภายในวัดได้อย่างสิ้นซาก
** ตั้งเมรุลอยเผาศพ'เณรปลื้ม'
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดวังไทร ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช สถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพของ นายศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี หรือสามเณรปลื้ม ที่ถูกฆ่าฝังดินใต้ฐานพระพุทธรูปวัดวังตะวันตก โดยเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีนางกัญญา มินกระโทก แม่ของสามเณรปลื้ม และญาติพี่น้อง รวมทั้งคณะครู ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก ในขณะที่บริเวณลานหน้าศาลาโรงธรรมทางวัดวังไทร มีการจัดเตรียมสร้างเมรุลอยชั่วคราว เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจศพสามเณรปลื้มเป็นพิเศษ
พระครูสุนทร จิตารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังไทร เปิดเผยว่า ทางอาตมาและพระภิกษุ-สามเณรในวัดวังไทรและชาวบ้านตั้งใจจะตั้งศพสามเณรปลื้ม บำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจศพบนเมรุลอยชั่วคราว เพื่อเป็นการปลดปล่อยความทุกข์ทรมานมาตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ร่างถูกฝังอยู่ใต้ดิน และร่วมส่งดวงวิญาณของสามเณรปลื้มสู่ภูมิภพที่ดี โดยพิธีฌาปนกิจศพกำหนดในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ โดยเริ่มประกอบพิธีทางศาสนาในเวลา 13.00 น. และฌาปนกิจในเวลา 19.00 น. ของวันเดียวกัน
ขณะที่ความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีนั้น เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งการสืบสวนเชื่อมโยงบัญชีและเส้นทางการเงินของวัด ผู้ต้องหา และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่ามีเป็นจำนวนมาก ส่วนการติดตามผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อเหตุและปกปิดซ่อนเร้นอำพรางศพอีกรายคือ สามเณรคิงท์ หรือนายคิง อายุ 17 ปี ที่ยังหลบหนีอยู่
** ค้นกุฏิปิดตายเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก
ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีสำสั่งแต่งตั้งพระครูพรหมเขตคณารักษ์ (ชัยสิทธิ์) จากตำแหน่งเดิมเจ้าคณะอำเภอพระพรหม เจ้าอาวาสวัดสระเรียง และรักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก เพื่อเข้ามาพัฒนาปรับปรุงวัดวังตะวันตกให้กับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนในอดีตอีกครั้ง ส่วนวัดสระเรียงจะได้มีการพิจารณาแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาสรูปใหม่ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นายจรัญ มารัตน์ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช และฝ่ายทหาร มทบ.41 เดินทางมาวัดวังตะวันตก เพื่อร่วมกับพระครูพรหมเขตคณารักษ์ เข้าตรวจสอบห้องเก็บของชั้น 2 ของกุฏิเจ้าอาวาส ซึ่งถูกล็อคกุญแจปิดตายมาหลายปี พบว่า ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องอัฐบริการโบราณ พระพุทธรูปโบราณยังอยู่ครบถ้วน โดยทางวัดจะได้ถ่ายภาพพระพุทธรูปและของใช้โบราณ เพื่อจัดทำเป็นราชการทรัพย์สินของวัดไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งส่งให้สำนักพุทธศาสนาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเก็บไว้เป็นหลักฐานต่อไป
** รายได้ "วัดวังตะวันตก" สุดอู้ฟู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมารายได้ของวัดดังกล่าว มาจาก ค่าที่จอดรถ ค่าจอด คันละ 30 บาท โดยไม่มีใบเสร็จ จะมีรถหมุนเวียนเข้า - ออก ตลอดทั้งวัน ถ้าจอดเต็มได้ประมาณ 40-50 คัน โดยยังไม่นับการหมุนเวียนเข้าออก ค่าเช่าจากแผงเช่าพระ มีค่าเช่าแผงรายวัน แผงใหญ่ 15 แผง วันละ 200 บาท หรือเดือนละ 6 พันบาท รวม 15 แผง เดือนละ 9 หมื่นบาท แผงเล็ก 20 แผง วันละ 100 บาท หรือเดือนละ 3 พันบาท รวม 20 แผง เดือนละ 6 หมื่นบาท ดังนั้น รายได้จากส่วนนี้ รวมประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ยังไม่รวม ค่าแรกเข้า ที่จะมาเช่าแผง มีค่าเข้าแผงใหญ่ 6 หมื่นบาท แผงเล็ก 3 หมื่นบาท ค่าเช่าทั้งหมดไม่มีใบเสร็จรับเงิน
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการขายรังนกนางแอ่น บนชั้นลอยใต้หลังคากุฏิ ขายได้ราวเดือนละ 3.5 แสนบาท และรายได้ ส่วนที่ 3 มาจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ รอบๆวัด เป็นอาคารพาณิชย์ที่เช่าที่จากวัด มี 84 คูหา แบ่งเป็นด้านหน้าติดถนน 49 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 1 พันบาท และด้านหลัง 35 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 500 บาท รวมต่อเดือน 6.65 หมื่นบาท ยังไม่รวมค่าแป๊ะเจี๊ยะรายปี ที่ผู้เช่าบริจาคให้วัดอีกรายละ 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาท ต่อปี รายได้ตรงนี้ ผู้เช่าจะจ่ายด้วยการโอนเข้าบัญชีธนาคารโดยตรง และไม่มีใบเสร็จแต่อย่างใด.
วานนี้ (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการติดตามการคลี่คลายคดีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากการตรวจสอบทรัพย์เก่าแก่ที่เก็บไว้บนชั้น 2 กุฏิของพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 41 ได้เข้ามาร่วมทำความสะอาดตกแต่งสถานที่ภายในวัดครั้งใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณกุฏิกลิ่นสะตอ ซึ่งเป็นเรือนกุฏิเก่าแก่อายุนับร้อยปี สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของภาคใต้
ต่อมาช่วงบ่าย พ.ต.ท.วันชัย สุวรรณรัตน์ สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 24 ซอยอัศวรักษ์ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านอีกหลังที่ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล และนายเด่นชัย ภูมินิยม เข้าออกและพักอยู่ในบางคราว โดยบ้านหลังนี้มีผู้อาศัยเป็นญาติของ น.ส.ปิยฉัตร รวมทั้งบุตรชายของ น.ส.ปิยฉัตร ด้วย ซึ่งจากการตรวจค้นพบสมุดบัญชีของบุตรชายของ น.ส.ปิยฉัตร และผู้อาศัยที่ระบุว่าเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง เอกสารทางการเงินอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งใบอนุโมทนาบัตรจำนวนมาก โดยยังไม่ได้ใช้งาน ซึ่งมีฟอร์มลงนามรับเงินโดยพระเด่นชัย
ด้านนางกรองทอง บุญประกอบ ชาวตำบลปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า อยากให้วัดหรือผู้เกี่ยวข้องปั้นรูปสามเณรมาตั้งไว้ที่จุดถูกฝัง เพื่อระลึกว่าการตายของสามเณร สามารถนำไปสู่การจับกุมและล้างอิทธิพลภายในวัดได้อย่างสิ้นซาก
** ตั้งเมรุลอยเผาศพ'เณรปลื้ม'
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดวังไทร ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช สถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพของ นายศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี หรือสามเณรปลื้ม ที่ถูกฆ่าฝังดินใต้ฐานพระพุทธรูปวัดวังตะวันตก โดยเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีนางกัญญา มินกระโทก แม่ของสามเณรปลื้ม และญาติพี่น้อง รวมทั้งคณะครู ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก ในขณะที่บริเวณลานหน้าศาลาโรงธรรมทางวัดวังไทร มีการจัดเตรียมสร้างเมรุลอยชั่วคราว เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจศพสามเณรปลื้มเป็นพิเศษ
พระครูสุนทร จิตารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังไทร เปิดเผยว่า ทางอาตมาและพระภิกษุ-สามเณรในวัดวังไทรและชาวบ้านตั้งใจจะตั้งศพสามเณรปลื้ม บำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจศพบนเมรุลอยชั่วคราว เพื่อเป็นการปลดปล่อยความทุกข์ทรมานมาตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ร่างถูกฝังอยู่ใต้ดิน และร่วมส่งดวงวิญาณของสามเณรปลื้มสู่ภูมิภพที่ดี โดยพิธีฌาปนกิจศพกำหนดในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ โดยเริ่มประกอบพิธีทางศาสนาในเวลา 13.00 น. และฌาปนกิจในเวลา 19.00 น. ของวันเดียวกัน
ขณะที่ความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีนั้น เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งการสืบสวนเชื่อมโยงบัญชีและเส้นทางการเงินของวัด ผู้ต้องหา และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่ามีเป็นจำนวนมาก ส่วนการติดตามผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อเหตุและปกปิดซ่อนเร้นอำพรางศพอีกรายคือ สามเณรคิงท์ หรือนายคิง อายุ 17 ปี ที่ยังหลบหนีอยู่
** ค้นกุฏิปิดตายเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก
ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีสำสั่งแต่งตั้งพระครูพรหมเขตคณารักษ์ (ชัยสิทธิ์) จากตำแหน่งเดิมเจ้าคณะอำเภอพระพรหม เจ้าอาวาสวัดสระเรียง และรักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก เพื่อเข้ามาพัฒนาปรับปรุงวัดวังตะวันตกให้กับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนในอดีตอีกครั้ง ส่วนวัดสระเรียงจะได้มีการพิจารณาแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาสรูปใหม่ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นายจรัญ มารัตน์ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช และฝ่ายทหาร มทบ.41 เดินทางมาวัดวังตะวันตก เพื่อร่วมกับพระครูพรหมเขตคณารักษ์ เข้าตรวจสอบห้องเก็บของชั้น 2 ของกุฏิเจ้าอาวาส ซึ่งถูกล็อคกุญแจปิดตายมาหลายปี พบว่า ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องอัฐบริการโบราณ พระพุทธรูปโบราณยังอยู่ครบถ้วน โดยทางวัดจะได้ถ่ายภาพพระพุทธรูปและของใช้โบราณ เพื่อจัดทำเป็นราชการทรัพย์สินของวัดไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งส่งให้สำนักพุทธศาสนาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเก็บไว้เป็นหลักฐานต่อไป
** รายได้ "วัดวังตะวันตก" สุดอู้ฟู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมารายได้ของวัดดังกล่าว มาจาก ค่าที่จอดรถ ค่าจอด คันละ 30 บาท โดยไม่มีใบเสร็จ จะมีรถหมุนเวียนเข้า - ออก ตลอดทั้งวัน ถ้าจอดเต็มได้ประมาณ 40-50 คัน โดยยังไม่นับการหมุนเวียนเข้าออก ค่าเช่าจากแผงเช่าพระ มีค่าเช่าแผงรายวัน แผงใหญ่ 15 แผง วันละ 200 บาท หรือเดือนละ 6 พันบาท รวม 15 แผง เดือนละ 9 หมื่นบาท แผงเล็ก 20 แผง วันละ 100 บาท หรือเดือนละ 3 พันบาท รวม 20 แผง เดือนละ 6 หมื่นบาท ดังนั้น รายได้จากส่วนนี้ รวมประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ยังไม่รวม ค่าแรกเข้า ที่จะมาเช่าแผง มีค่าเข้าแผงใหญ่ 6 หมื่นบาท แผงเล็ก 3 หมื่นบาท ค่าเช่าทั้งหมดไม่มีใบเสร็จรับเงิน
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการขายรังนกนางแอ่น บนชั้นลอยใต้หลังคากุฏิ ขายได้ราวเดือนละ 3.5 แสนบาท และรายได้ ส่วนที่ 3 มาจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ รอบๆวัด เป็นอาคารพาณิชย์ที่เช่าที่จากวัด มี 84 คูหา แบ่งเป็นด้านหน้าติดถนน 49 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 1 พันบาท และด้านหลัง 35 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 500 บาท รวมต่อเดือน 6.65 หมื่นบาท ยังไม่รวมค่าแป๊ะเจี๊ยะรายปี ที่ผู้เช่าบริจาคให้วัดอีกรายละ 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาท ต่อปี รายได้ตรงนี้ ผู้เช่าจะจ่ายด้วยการโอนเข้าบัญชีธนาคารโดยตรง และไม่มีใบเสร็จแต่อย่างใด.