ผู้จัดการรายวัน360 - อดีตพระลูกวัดแฉ "สีกาบิว" วางแผนฮุบวัด หวังปูทางให้สามี "พระเด่น" ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ด้าน"ไพบูลย์"จ่อยื่นหนังสือถึง"บิ๊กตู่" ดันกม.จัดบัญชีทรัพย์สินวัด หลังเกิดกรณี "เณรปลื้ม"
จากกรณีคดีโหดสามเณรปลื้ม อายุ 17 ปี ถูกฆ่าโบกปูนฝังใต้ฐานพระพุทธรูปภายในวัดวังตะวันตก ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หลังถูกนายเด่นชัย ภูมินิยม หรือพระเด่น นายสุริยา หรือสามเณรสุริยา และนางปิยฉัตร อรุณสกุล ร่วมกันลงมือฆ่า โดยอ้างว่าแค้นที่ถูกสามเณรผู้ตายเข้ามาขโมยทรัพย์สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้แล้ว รวมทั้งได้พยายามติดตามตัวนายนที และสามเณรคิงท์มาดำเนินคดีเพิ่มเติม
รายงานข่าวจากอดีตพระภิกษุที่เคยจำวัดวังตะวันตก ได้เปิดเผยถึงพฤติกรรมของนางปิยฉัตร หรือบิว ที่เข้ามาในวัดทำให้พระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนต้องแปดเปื้อน โดยข่มขู่นำรูปถ่ายมาแบล็กเมล์ยึดอำนาจวัด จนในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา นางปิยฉัตรกับนายเด่นชัย ได้เข้ามายึดครองวัด จนไม่มีพระภิกษุหรือสามเณรรูปใดกล้าขัดใจทั้งสอง ทำให้วัดดังกล่าวกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของมาเฟีย เต็มไปด้วยยาเสพติดและการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทำให้เหล่าญาติโยมมาทำบุญที่วัดกันน้อยลง
“สองสามีภรรยารายนี้มีเป้าหมายมากกว่านั้นคือ ต้องการให้นายเด่นชัย หรืออดีตพระเด่นชัย สามีบวชเป็นพระภิกษุ เพื่อขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส หากนายเด่นชัยบวชครบ 5 พรรษา พระเทพสิริโสภณอาจถูกฆ่าก็ได้ เพื่อทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง เนื่องจากวัดนี้เต็มไปผลประโยชน์ ทั้งการเช่าตึก อาคารต่างๆ จำนวนมากถึง 88 คูหา อีกทั้งวัดแห่งนี้อยู่ในย่านธุรกิจมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท"
*** ดันกม.จัดบัญชีทรัพย์สินวัด
นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. กล่าวถึงกรณีเหตอุ้มฆ่าสามเณรปลื้ม ที่วัดวังตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช โดยมีต้นเหตุจากการเก็บผลประโยชน์มหาศาลในวัด ว่า ตนจะทำหนังสือถึงนายกฯ ขอให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินและจัดทำบัญชีรับจ่ายศาสนสถานที่เป็นนิติบุคคล ให้มีกระบวนการจัดทำงบบัญชีรับจ่ายตามมาตรฐานบัญชี และมีผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบ โดยให้หน่วยงานรัฐมีอำนาจกำกับดูแล ตรวจสอบ และให้หน่วยงานรัฐดังกล่าว เปิดเผยข้อมูล งบบัญชีสาธารณะทางอินเตอร์เน็ต และใช้กับศาสนสถานทุกศาสนา ที่มีสถานะนิติบุคคล เช่น วัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ เป็นต้น เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมความศรัทธาของศาสนิกชน และเสนอขอให้ พิจารณานำ ร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่ ครม.เห็นชอบแล้ว แม้ทาง มส.จะยังไม่เห็นด้วยก็ตาม เสนอให้นำเข้าสู่การพิจารณาของสนช. เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อไป เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อศาลสนา และสังคมโดยรวม
จากกรณีคดีโหดสามเณรปลื้ม อายุ 17 ปี ถูกฆ่าโบกปูนฝังใต้ฐานพระพุทธรูปภายในวัดวังตะวันตก ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หลังถูกนายเด่นชัย ภูมินิยม หรือพระเด่น นายสุริยา หรือสามเณรสุริยา และนางปิยฉัตร อรุณสกุล ร่วมกันลงมือฆ่า โดยอ้างว่าแค้นที่ถูกสามเณรผู้ตายเข้ามาขโมยทรัพย์สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้แล้ว รวมทั้งได้พยายามติดตามตัวนายนที และสามเณรคิงท์มาดำเนินคดีเพิ่มเติม
รายงานข่าวจากอดีตพระภิกษุที่เคยจำวัดวังตะวันตก ได้เปิดเผยถึงพฤติกรรมของนางปิยฉัตร หรือบิว ที่เข้ามาในวัดทำให้พระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนต้องแปดเปื้อน โดยข่มขู่นำรูปถ่ายมาแบล็กเมล์ยึดอำนาจวัด จนในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา นางปิยฉัตรกับนายเด่นชัย ได้เข้ามายึดครองวัด จนไม่มีพระภิกษุหรือสามเณรรูปใดกล้าขัดใจทั้งสอง ทำให้วัดดังกล่าวกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของมาเฟีย เต็มไปด้วยยาเสพติดและการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทำให้เหล่าญาติโยมมาทำบุญที่วัดกันน้อยลง
“สองสามีภรรยารายนี้มีเป้าหมายมากกว่านั้นคือ ต้องการให้นายเด่นชัย หรืออดีตพระเด่นชัย สามีบวชเป็นพระภิกษุ เพื่อขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส หากนายเด่นชัยบวชครบ 5 พรรษา พระเทพสิริโสภณอาจถูกฆ่าก็ได้ เพื่อทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง เนื่องจากวัดนี้เต็มไปผลประโยชน์ ทั้งการเช่าตึก อาคารต่างๆ จำนวนมากถึง 88 คูหา อีกทั้งวัดแห่งนี้อยู่ในย่านธุรกิจมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท"
*** ดันกม.จัดบัญชีทรัพย์สินวัด
นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. กล่าวถึงกรณีเหตอุ้มฆ่าสามเณรปลื้ม ที่วัดวังตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช โดยมีต้นเหตุจากการเก็บผลประโยชน์มหาศาลในวัด ว่า ตนจะทำหนังสือถึงนายกฯ ขอให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินและจัดทำบัญชีรับจ่ายศาสนสถานที่เป็นนิติบุคคล ให้มีกระบวนการจัดทำงบบัญชีรับจ่ายตามมาตรฐานบัญชี และมีผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบ โดยให้หน่วยงานรัฐมีอำนาจกำกับดูแล ตรวจสอบ และให้หน่วยงานรัฐดังกล่าว เปิดเผยข้อมูล งบบัญชีสาธารณะทางอินเตอร์เน็ต และใช้กับศาสนสถานทุกศาสนา ที่มีสถานะนิติบุคคล เช่น วัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ เป็นต้น เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมความศรัทธาของศาสนิกชน และเสนอขอให้ พิจารณานำ ร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่ ครม.เห็นชอบแล้ว แม้ทาง มส.จะยังไม่เห็นด้วยก็ตาม เสนอให้นำเข้าสู่การพิจารณาของสนช. เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อไป เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อศาลสนา และสังคมโดยรวม