xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.ภ.8 ยันแก๊งอิทธิพลคุมวัดฆ่า “สามเณรปลื้ม” ต้องดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด เผยมีเอี่ยวอีกนับสิบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
นครศรีธรรมราช - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยืนยันทำลายแก๊งอิทธิพลยึดครองวัดวังตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช แล้ว เผยต้องถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด โดยเริ่มต้นจากคดีสังหาร “สามเณรปลื้ม” แล้วฝังภายในวัด ระบุยังมีผู้เกี่ยวข้องอีกเกือบ 10 คน

วันนี้ (2 มิ.ย.) ความคืบหน้าในการขุดค้นหาศพของ สามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี ภายหลังจากที่ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และนายตำรวจระดับสูงของ ภ.นครศรีธรรมราช นำตัว นายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่น นายสุริยา กุศลสุข หรือสามเณรสุริยา เข้าทำแผนประทุษกรรมอีกครั้ง และนำชี้จุดฝังศพ พร้อมทั้งการปิดบังทำลายหลักฐาน จากนั้นได้ขอขมาศพแล้วเจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็กโฮของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เข้าขุดค้น

โดยพบว่า ศพของสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี อยู่ในสภาพถูกห่อด้วยจีวร และผ้านวม ส่วนศพนั้นสวมกางเกงกีฬา และเสื้อยืด โดย นายเด่นชัย รับว่าผลัดเปลี่ยนให้ภายหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว และหลังถูกนำขึ้นมาจากจุดฝัง จึงถูกส่งต่อไปยังศูนย์นิติเวชจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อทำการชันสูตรการตายอย่างละเอียด รวมทั้งพิสูจน์ดีเอ็นเอให้มีความชัดตรงกับบิดามารดา
 

 
ภายหลังจากที่ได้ทำการชันสูตรเบื้องต้น แล้วเก็บหลักฐานในจุดฝัง ซึ่งปรากฏทั้งการห่อศพ การเทคอนกรีตเสริมเหล็กทับบนศพก่อนที่จะฝัง รวมทั้งมีขวดน้ำมันก๊าด และอุปกรณ์ในการทำพิธีส่วนหนึ่งอยู่ที่ก้นหลุม สอดคล้องต่อคำรับสารภาพของผู้ต้องหา

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการขุดค้นหาศพ พระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ยอมรับต่อ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ถึงสภาพที่ถูกใส่กุญแจขังไว้ในกุฏิ และไม่เคยรับรู้สถานะการเงินของวัด เนื่องจากอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มผู้ต้องหาที่ฆาตกรรมสามเณรปลื้ม เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น

พระเทพสิริโสภณ ยืนยันว่า ทั้ง น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล และนายเด่นชัย ภูมินิยม ไม่ได้เป็นญาติใดๆ และเมื่อมีการถามว่าเหตุใดถึงเข้ามาควบคุมวัดได้อย่างเบ็ดเสร็จ พระเทพสิริโสภณ เลือกที่จะนิ่งเฉยต่อคำถามนี้

นายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่น บอกว่า ไม่ได้เจตนาฆ่าสามเณรปลื้ม สาเหตุที่ทำร้ายนั้นเนื่องจากสามเณรปลื้ม ได้ขโมยเงินสด และทองรูปพรรณน้ำหนัก 6 บาทไป จึงพยายามทวงคืนแต่ไม่ได้ผล จึงทำร้ายเพื่อสั่งสอนแต่ได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
 

 
พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ระบุว่า วัดวังตะวันตก มีผลประโยชน์มหาศาล กลุ่มผู้ต้องหาทั้งสามีภรรยา คือ นายเด่นชัย ภูมินิยม และ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล ครอบงำได้ทั้งหมด แม้แต่อดีตเจ้าอาวาสถูกใส่กุญแจขังไว้ไม่สามารถทำอะไรได้ อยู่ในสภาพห่มผ้าเหลืองเพียงอย่างเดียว กรรมการวัดก็ไม่มี และขอเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากวาดล้างทำความสะอาดวัดครั้งใหญ่ และอาจมีผู้ต้องหาเพิ่มในคดีนี้อีกรวมเกือบ 10 คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วน เช่น ผู้ขุด จัดหาปูน ผสมปูน ช่วยกันปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ รวมทั้งต้องมีการสอบสวนพระเทพสิริโสภณ อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งผู้ต้องหาอาจจะเข้าข่ายข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวอีก 1 คดี

ส่วนแหล่งผลประโยชน์ของวัดที่กลุ่มผู้ต้องหาครอบครองจัดการอยู่นั้น มีทั้งรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เงินสดที่ไหลเข้าวัดทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท ทั้งจากการเก็บค่าแผงค้ารายวัน ค่าจอดรถรายวัน และอื่นๆ อีกหลายรายการ มีรายงานว่า ไม่ปรากฏอยู่ในสถานะทางบัญชีของวัด ส่วน น.ส.ปิยฉัตรนั้น เดิมพบว่า มีอาชีพขายน้ำผลไม้ปั่นอยู่บริเวณหลังวัด และภายหลังได้มาบริหารจัดการภายในวัด ซึ่งมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยขณะนี้ใช้รถยนต์ราคาแพงอยู่ถึง 3 คัน
 





กำลังโหลดความคิดเห็น