นครศรีธรรมราช - “พล.ต.อาคม พงศ์พรหม” ผบ.มทบ.41 นำกำลังทหารเข้าสนับสนุนช่วยตำรวจดูแลวัดวังตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช ขณะที่รักษาการเจ้าอาวาสรับตราตั้งเป็นเจ้าอาวาส มีอำนาจเต็มเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ (7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 นำกำลังทหารจำนวนหนึ่งเข้ามาประจำภายในบริเวณวัดวังตะวันตก เพื่อคอยดูแลความเรียบร้อยเป็นการสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช รายงานถึงขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่จนได้ผู้ต้องหา พร้อมทั้งร่วมกันตรวจสอบร่องรอยของการก่อคดี เนื่องจากคดีนี้ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบกให้ความสนใจ และให้ทหารเข้าสนับสนุนภารกิจการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เนื่องจากทั้งผู้ประกอบการแผงพระ และพระภิกษุ สามเณร กังวลถึงความปลอดภัยบางประการ เกรงว่าเครือข่ายของ น.ส.ปิยฉัตร และนายเด่นชัย อาจจะย้อนกลับเข้ามาสร้างความวุ่นวายได้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงนามตราตั้งเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเปลี่ยนสถานะของ พระครูพรหมเขตคณารักษ์ รักษาการเจ้าอาวาส ให้พ้นจากรักษาการ และให้ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ซึ่งเตรียมที่จะมีพิธีสถาปนาอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มิถุนายนนี้
พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เปิดเผยว่า รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นที่ทั้งทหาร และตำรวจเข้ามาช่วยกอบกู้ศรัทธาของวัด และร่วมกันพัฒนาวัด ในส่วนของวัดนั้นพร้อมให้ความร่วมมือต่อทุกฝ่าย เพื่อจุดหมายร่วมกัน คือ พัฒนาวัดให้กลับคืนมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา ส่วนทางด้านคดีความนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้อย่างเต็มที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง
ส่วน นายชวน เอกเกียรติกุล บิดาได้นำศพของสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล มาส่งให้แก่ นางกัลยา ทิมกระโทก มารดาของสามเณรปลื้ม ที่วัดวังไทร ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นยุติการแย่งศพของสามเณรครบสมบูรณ์ ตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เมื่อ 4 วันก่อน ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติฝ่ายบิดาของสามเณร เนื่องจากสามเณรอยู่กับฝ่ายพ่อมาตั้งแต่นายชวน แยกทางกับ นางกัลยา ตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ
นายสมเดช แสงสุริวงศ์ ผู้ประกอบการแผงพระเครื่องภายในวัดวังตะวันตก ซึ่งยอมที่จะเปิดเผยข้อมูลเชิงลึก และชี้เบาะแสพฤติกรรมของผู้ต้องหา โดยเฉพาะสีกาบิว หรือ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล ทั้งในส่วนของพฤติการณ์ที่สุ่มเสี่ยง และไม่สมควรระหว่างเธอกับพระเทพสิริโสภณ จนเป็นครหาอย่างกว้างขวางมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และพฤติการณ์การควบคุมสามเณรน้อยหลายรูป เดินทางไปที่วัดธรรมกาย และได้รับค่าใช้จ่ายจากวัดธรรมกายมาจำนวนมาก แต่เงินเหล่านั้นไม่ปรากฏว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการร้องเรียนไปยังมณฑลทหารบกที่ 41 ทหารได้เข้ามาตรวจสอบ น.ส.ปิยฉัตร หลบหายไประยะหนึ่ง ก่อนที่จะเข้ามาควบคุมวัดได้อีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าของการติดตามคดี ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเอกสารทางการเงินมาร่วมคัดแยกเอกสารทางการเงินจำนวนมากที่ยึดได้จากบ้านของ น.ส.ปิยฉัตร ส่วนผู้ต้องหาในคดีนี้ถูกจับกุมแล้ว จำนวน 4 คน 3 คนแรก คือ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล นายเด่นชัย ภูมินิยม และนายสุริยา กุศล ซึ่งกลุ่มนี้ถูกต้องหาฉกรรจ์คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันปิดบังซ่อนเร้นอำพรางสาเหตุแห่งการตาย และร่วมกันปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ส่วนรายที่ 4 คือ นายนที ศรีดอน เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ เนื่องจากพบพฤติการณ์เพียงช่วยกลุ่มผู้ต้องหา 3 รายแรกขุดหลุมเท่านั้น
และเจ้าหน้าที่ยังอยู่ในระหว่างการติดตามสามเณรคิงท์ อายุ 17 ปี ขณะนี้หลบหนีหายตัวไปแล้ว โดยสามเณรคิงท์ ตกอยู่ในทีมร่วมกันฆ่าด้วย ส่วนนายพิศิษฐ์ บุษบรรณ หรือป้าหลา และ น.ส.อาร์ ภรรยาของนายนที เจ้าหน้าที่ได้กันทั้ง 2 รายนี้ไว้เป็นพยาน เช่นเดียวกับนายวรวิทย์ หรือเอ็ม วิเชียรนพวงศ์ หรือเณรเอ็ม โดย 2 รายหลังได้ถูกนำตัวเข้าสู่โครงการคุ้มครองพยานแล้ว