นครศรีธรรมราช - ทหารร่วมดูแลวัด พร้อมส่งกำลังพลเข้ามาสร้างความมั่นใจให้พุทธศาสนิกชน ด้านการตรวจสอบวัตถุโบราณ ศิษย์วัดระบุยังไม่พบสร้อยสังวาลประดับพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร ขณะที่ตำรวจเข้าค้นบ้านพักของ “เจ๊บิว” อีกหลัง พบเอกสารใบอนุโมทนาบัตรยังไม่ใช้งานจำนวนมาก
วันนี้ (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการติดตามการคลี่คลายคดีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากการตรวจสอบทรัพย์เก่าแก่ที่เก็บไว้บนชั้น 2 กุฏิของพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 41 ได้เข้ามาร่วมทำความสะอาดตกแต่งสถานที่ภายในวัดครั้งใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณกุฏิกลิ่นสะตอ ซึ่งเป็นเรือนกุฏิเก่าแก่อายุนับ 100 ปี สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของภาคใต้
ส่วนการตรวจสอบวัตถุโบราณนั้น พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาส ไม่สามารถระบุได้ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากเดิมนั้นไม่มีทะเบียน และรายละเอียดของรายการทรัพย์สินต่างๆ ขณะเดียวกัน ยังมีหีบโบราณอีกหลายใบที่ยังไม่ถูกเปิด ขณะที่ศิษย์เก่าแก่ของวัดระบุว่า ภาพของพระลากเก่าแก่เนื้อเงินแท้ๆ นั้น ไม่ปรากฏว่ามีสังวาลประดับอยู่ ซึ่งยังต้องหาต่อไปว่าสร้อยสังวาลประดับองค์พระยังอยู่หรือไม่
นอกจากนั้น ของดั้งเดิมที่มีคุณค่าทางจิตใจของบรรดาศิษย์ คือ ตะบันหมากเก่าแก่ของพระครูกาชาด พระเถราจารย์ที่มรณภาพไปแล้วราวเกือบ 100 ปี และงาช้างแกะสลักศิลปะแบบจีน มีอายุหลายร้อยปีเกี่ยวโยงกับเจ้าพระยานครน้อย ยังปรากฏอยู่เช่นเดียวกัน ทั้งยังให้ข้อมูลอีกว่า ก่อนที่ น.ส.ปิยฉัตร จะเข้ามาจัดการวัดทั้งหมด วัดมีเงินสะสมอยู่ในบัญชีหลายบัญชีรวมราว 40 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันนั้นเงินจำนวนนี้ไม่เหลืออยู่แล้ว
ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.ท.วันชัย สุวรรณรัตน์ สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 24 ซอยอัศวรักษ์ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านอีกหลังที่ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล และนายเด่นชัย ภูมินิยม เข้าออก และพักอยู่ในบางคราว โดยบ้านหลังนี้มีผู้อาศัยเป็นญาติของ น.ส.ปิยฉัตร รวมทั้งบุตรชายของ น.ส.ปิยฉัตร ด้วย ซึ่งจากการตรวจค้นพบสมุดบัญชีของบุตรชายของ น.ส.ปิยฉัตร และผู้อาศัยที่ระบุว่าเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง เอกสารทางการเงินอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งใบอนุโมทนาบัตรจำนวนมาก โดยยังไม่ได้ใช้งาน ซึ่งมีฟอร์มลงนามรับเงินโดยพระเด่นชัย
ด้าน นางกรองทอง บุญประกอบ ชาวตำบลปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า อยากให้วัด หรือผู้เกี่ยวข้องปั้นรูปสามเณรมาตั้งไว้ที่จุดถูกฝัง เพื่อระลึกว่าการตายของสามเณร สามารถนำไปสู่การจับกุม และล้างอิทธิพลภายในวัดได้อย่างสิ้นซาก
ขณะที่ความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีนั้น เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งการสืบสวนเชื่อมโยงบัญชี และเส้นทางการเงินของวัด ผู้ต้องหา และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่ามีเป็นจำนวนมาก ส่วนการติดตามผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อเหตุ และปกปิดซ่อนเร้นอำพรางศพอีกราย คือ สามเณรคิงท์ หรือนายคิง อายุ 17 ปี ที่ยังหลบหนีอยู่