วันนี้ (8 มิ.ย.) พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เดินทางเข้าพบพระครูพรหมเขตคณารักษ์เจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก เพื่อแจ้งผลการการตรวจสอบเอกสารสำคัญของวัดที่หายไปและการสอบสวนเส้นทางการเงินของวัด ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยคาดว่าในเร็ววันนี้จะสามารถสรุปความชัดเจนได้
ด้าน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าชุดสอบสวนสืบสวนคลี่คลายคดีพร้อมคณะทำงาน นำหลักฐานต่างๆ ที่อดีตไวยาวัจกรของวัด พยานปากคำสัญอีกปากหนึ่งมอบให้กับพนักงานสวนมาทำการตรวจสอบกับเอกสารหลักฐาน ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดจากบ้านพักของนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล หรือบิว ผู้ต้องหาคนสำคัญ
ขณะที่การเปรียบเทียบลายมือชื่อของพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสของวัดที่เคยลงนามในเอกสารต่างๆ ในช่วงก่อน กับลายมือชื่อบนเอกสารที่ตรวจยึดได้จากบ้านพักของผู้ต้องหา ซึ่งพบพิรุธความแตกต่างของลายมือชื่อในเอกสารหลายรายการ โดยเฉพาะหนังสือการมอบอำนาจให้นายเด่นชัย ภูมินิยม สามีของนางสาวปิยฉัตร ที่ขณะก่อเหตุฆ่าสามเณรปลื้ม มีตำแหน่งภายในวัดเป็นไวยาวัจกร ไปทำนิติกรรมสัญญาต่างๆ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการเปรียบเทียบบัญชีรายรับรายจ่ายที่อดีตไวยาวัจกรและผู้เกี่ยวข้องได้ทำไว้ตลอดระยะเวลาที่พยานปากนี้ทำหน้าที่ในวัดกับบัญชีรายรับรายจ่ายช่วงปี 2555 ถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงที่นางสาวปิยฉัตร และนายเด่นชัย บริหารจัดการอยู่ภายในวัดพบความผิดปกติหลายอย่าง รวมทั้งการนำเงินเข้าออกในบัญชีธนาคาร ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ทำหนังสือถึงธนาคารต่างๆ ที่มีการเปิดบัญชีไว้เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางสาวปิยฉัตร และนายเด่นชัย รวมทั้งเส้นทางการเงินของพระเทพสิริโสภณอดีตเจ้าอาวาสด้วย
ทั้งนี้ นายจรัญ มารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า หลังเกิดเหตุการณ์การเข้ามาหาผลประโยชน์ภายในวัดจนนำไปสู่การการฆ่าสามเณร ได้เสนอไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อแก้ปัญหาการเข้ามาหาผลประโยชน์จากวัดทั่วทั้งจังหวัดอย่างเร่งด่วน
ด้าน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าชุดสอบสวนสืบสวนคลี่คลายคดีพร้อมคณะทำงาน นำหลักฐานต่างๆ ที่อดีตไวยาวัจกรของวัด พยานปากคำสัญอีกปากหนึ่งมอบให้กับพนักงานสวนมาทำการตรวจสอบกับเอกสารหลักฐาน ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดจากบ้านพักของนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล หรือบิว ผู้ต้องหาคนสำคัญ
ขณะที่การเปรียบเทียบลายมือชื่อของพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสของวัดที่เคยลงนามในเอกสารต่างๆ ในช่วงก่อน กับลายมือชื่อบนเอกสารที่ตรวจยึดได้จากบ้านพักของผู้ต้องหา ซึ่งพบพิรุธความแตกต่างของลายมือชื่อในเอกสารหลายรายการ โดยเฉพาะหนังสือการมอบอำนาจให้นายเด่นชัย ภูมินิยม สามีของนางสาวปิยฉัตร ที่ขณะก่อเหตุฆ่าสามเณรปลื้ม มีตำแหน่งภายในวัดเป็นไวยาวัจกร ไปทำนิติกรรมสัญญาต่างๆ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการเปรียบเทียบบัญชีรายรับรายจ่ายที่อดีตไวยาวัจกรและผู้เกี่ยวข้องได้ทำไว้ตลอดระยะเวลาที่พยานปากนี้ทำหน้าที่ในวัดกับบัญชีรายรับรายจ่ายช่วงปี 2555 ถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงที่นางสาวปิยฉัตร และนายเด่นชัย บริหารจัดการอยู่ภายในวัดพบความผิดปกติหลายอย่าง รวมทั้งการนำเงินเข้าออกในบัญชีธนาคาร ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ทำหนังสือถึงธนาคารต่างๆ ที่มีการเปิดบัญชีไว้เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางสาวปิยฉัตร และนายเด่นชัย รวมทั้งเส้นทางการเงินของพระเทพสิริโสภณอดีตเจ้าอาวาสด้วย
ทั้งนี้ นายจรัญ มารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า หลังเกิดเหตุการณ์การเข้ามาหาผลประโยชน์ภายในวัดจนนำไปสู่การการฆ่าสามเณร ได้เสนอไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อแก้ปัญหาการเข้ามาหาผลประโยชน์จากวัดทั่วทั้งจังหวัดอย่างเร่งด่วน