นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังจะผลักดันกฎหมายเก็บภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ หรือ ภาษีลาภลอย ว่า เป็นการจัดเก็บภาษีจากผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคโดยตรง ซึ่งกำหนดเก็บในรัศมีรอบสถานี หรือทางขึ้น-ลง ที่ได้รับประโยชน์มากเป็นพิเศษกว่าพื้นที่โดยรอบทั่วไป โดยภาษีที่เก็บได้จะนำไปใช้สนับสนุนการพัฒนาโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่งผลให้ทรัพย์สิน (ที่ดินหรือห้องชุด) บริเวณรอบโครงการมีมูลค่าสูงขึ้น การจัดเก็บภาษีจากเจ้าของ หรือผู้ครอบครองทรัพย์สินที่ได้รับประโยชน์จะเก็บจากส่วนต่างของมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวกรณีได้ทำการขาย หรือเปลี่ยนมือ หรือเมื่อโครงการเชิงพาณิชย์พัฒนาแล้วเสร็จ เพื่อป้องกันการเก็งกำไร หรือนำพื้นที่ดังกล่าวไปพัฒนาใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ โดยจะจัดเก็บครั้งเดียวและประเมินจากมูลค่าทรัพย์สินส่วนที่เพิ่มขึ้น จึงไม่ซ้ำซ้อนกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียม การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่เป็นการจัดเก็บภาษีจากการดำเนินธุรกรรมโดยทั่วไป
ทั้งนี้ รายได้จากการจัดเก็บภาษีจะนำเข้ากองทุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านนาคมขนส่งของรัฐ เพื่อนำไปพัฒนาโครงการที่ดำเนินการอยู่ หรือโครงการในอนาคต โดยเฉพาะการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กำลังศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีลาภลอยโดยเปรียบเทียบกับการจัดเก็บภาษีในต่างประเทศโดยควรเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวย้ำว่า พื้นที่จัดเก็บภาษีที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ถือเป็นขอบเขตพื้นที่เพดานรัศมีสูงสุด แต่พื้นที่จัดเก็บจริงจะพิจารณากำหนดโดยคณะกรรมการพิจารณากำหนดพื้นที่จัดเก็บภาษีที่ได้รับประโยชน์เป็นพิเศษที่ออกเป็นกฎกระทรวงเพื่อบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้ รายได้จากการจัดเก็บภาษีจะนำเข้ากองทุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านนาคมขนส่งของรัฐ เพื่อนำไปพัฒนาโครงการที่ดำเนินการอยู่ หรือโครงการในอนาคต โดยเฉพาะการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กำลังศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีลาภลอยโดยเปรียบเทียบกับการจัดเก็บภาษีในต่างประเทศโดยควรเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวย้ำว่า พื้นที่จัดเก็บภาษีที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ถือเป็นขอบเขตพื้นที่เพดานรัศมีสูงสุด แต่พื้นที่จัดเก็บจริงจะพิจารณากำหนดโดยคณะกรรมการพิจารณากำหนดพื้นที่จัดเก็บภาษีที่ได้รับประโยชน์เป็นพิเศษที่ออกเป็นกฎกระทรวงเพื่อบังคับใช้ต่อไป