อุบลราชธานี - แม่ค้าขายข้าวแกงรุดให้ปากคำพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี กรณีเป็นนางนกต่อว่าจ้างคนมาเปิดบัญชีให้กลุ่มธุรกิจมืด รับตนก็ถูกว่าจ้างมาเช่นกัน เหตุหวังเงินไปลงทุนขายข้าวแกงต่อ ตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาใครในคดีนี้ เพื่อรอหลักฐานทางการเงินใช้ประกอบคดีก่อน
จากกรณีกลุ่มนักศึกษาช่างฝีมือในตัวเมืองอุบลราชธานีเข้าแจ้งความอายัดบัญชีธนาคารที่รุ่นพี่จ้างให้เปิดบัญชีคนละ 500 บาท แล้วนำสมุดเงินฝากพร้อมบัตรเอทีเอ็มไปให้มารดาเก็บไว้ พบแต่ละบัญชีมีเงินหมุนเวียนเดือนละหลายล้านบาท จนเจ้าหน้าที่ธนาคารสงสัยเข้าสอบถามกับกลุ่มนักศึกษา พร้อมแนะนำให้เข้าแจ้งความ สอบสวนเบื้องต้นพบการเคลื่อนไหวในบัญชีเพื่อใช้เล่นพนันออนไลน์กับเจ้ามือใหญ่ในกรุงเทพฯ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (7 มิ.ย. 60) น.ส.สุภาภรณ์ ประสมพันธ์ อายุ 54 ปี อาชีพขายข้าวกล่องและอาหารตามสั่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ติดต่อให้เพื่อนน้องสาวหาเด็กนักศึกษาช่างกลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ไปเปิดบัญชีธนาคารในจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อใช้รับโอนเงินจากลูกค้าเล่นพนันออนไลน์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รองผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดี เพื่อให้ปากคำแสดงความบริสุทธิ์ใจ
น.ส.สุภาภรณ์ ประสมพันธ์ เล่าว่า ปกติตนมีอาชีพขายอาหารตามสั่งและทำข้าวกล่องส่งตามออฟฟิศในกรุงเทพฯ เมื่อปลายปีที่ผ่านมามีชายวัยกลางคนชื่ออักษรย่อว่า ส. ซึ่งเคยเข้ามานั่งกินข้าวที่ร้านได้มาทาบทามให้ช่วยหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยบอกเพียงว่าต้องการบัญชีธนาคารใช้โอนเงินในธุรกิจพนันออนไลน์ และหากหาคนมาเปิดบัญชีให้ได้จะให้เงินเป็นค่าตอบแทน พร้อมมอบเงินให้จำนวน 7,000 บาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเปิดบัญชีและเป็นค่าจ้าง
ขณะนั้นตนก็ขายอาหารไม่ดี มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการน้อย จึงอยากได้เงินมาลงทุนต่อ หลังได้เงินได้โทรศัพท์จึงบอกน้องสาวที่อยู่อำเภอสิรินธร จ.อุบลราชธานี ให้ช่วยหาคนมาเปิดบัญชีให้หน่อย โดยจะให้เงินค่าเปิดบัญชีและค่าจ้าง จึงโอนเงินให้น้องสาวของตนจำนวน 4,000 บาท โดยตนหักเอาไว้ 3,000 บาท
หลังจากนั้นน้องสาวได้ไปจ้างให้เพื่อนที่ทราบชื่อต่อมาภายหลังคือ นางสุภาวดี ศรีดากิจ อายุ 41 ปี มารดาของนายทรงวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี นักศึกษาช่างกลชักชวนเพื่อนรุ่นน้องไปเปิดบัญชีให้กับกลุ่มธุรกิจมืด แล้วส่งสมุดบัญชีพร้อมบัตรกดเงินเอทีเอ็มมาให้ หลังจากนั้นไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ไปสอบถาม ก็ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างกันมาเป็นทอดๆ จึงมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนวันนี้
ภายหลังสอบสวนปากคำ พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัว น.ส.สุภาภรณ์ โดยยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาเพราะต้องรอรายละเอียดการโอนเงินจากบัญชีของธนาคารต่างๆ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องขอเส้นทางการเงินไปแล้ว เพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐานว่าความผิดที่เกิดขึ้นเข้าสถานใดบ้าง เมื่อได้ความชัดเจนจะเรียกผู้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้มารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป