อุบลราชธานี - ตำรวจเมืองดอกบัวเกาะติดเส้นทางการเงินคดีว่าจ้างนักศึกษาเปิดบัญชีมีเงินไหลผ่านเดือนละร้อยล้านบาท โดยเชิญมารดาของนักศึกษารุ่นพี่มาให้ปากคำ แต่อ้างติดธุระจะมาพบในสัปดาห์หน้า พร้อมประสานไปยังธนาคารทุกแห่งที่มีเงินไหลผ่านเพื่อตรวจสอบย้อนกลับไปยังต้นทางที่มีการฝากและถอน พบอยู่แถวปริมณฑล คาดเป็นการใช้จ่ายของธุรกิจมืดกลุ่มการพนันออนไลน์
จากกรณีกลุ่มนักศึกษาช่างฝีมือในตัวเมืองอุบลราชธานีเข้าแจ้งความอายัดบัญชีธนาคารที่รุ่นพี่จ้างให้เปิดบัญชีคนละ 500 บาท แล้วนำสมุดเงินฝากพร้อมบัตรเอทีเอ็มไปให้มารดา พบแต่ละบัญชีมีเงินหมุนเวียนเดือนละหลายล้านบาท
จนเจ้าหน้าที่ธนาคารสงสัยนำรายการเข้าสอบถามกับกลุ่มนักศึกษา พร้อมแนะนำให้เข้าแจ้งความเพื่ออายัดบัญชีหยุดการหมุนเวียนของเงินไว้ก่อน หลังตำรวจเชิญตัวนักศึกษารุ่นพี่มาสอบถาม รับว่าเพื่อนของมารดาเป็นผู้จ้าง เพื่อใช้รับโอนเงินจากการรับพนันหวยใต้ดิน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (2 มิ.ย.) พ.ต.ท.สมอาจ แคนเถาว์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้เรียกตัวนักศึกษาเจ้าของบัญชีมาให้ปากคำเพิ่มเติมจำนวน 2 ปาก จากจำนวนทั้งสิ้น 5 ปาก เพื่อยืนยันพฤติกรรมของนักศึกษารุ่นพี่ที่มาว่าจ้างให้เปิดบัญชี และหลังเปิดบัญชีกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาโรงแรมสุนีย์ ต.ในเมือง เมื่อเดือนธันวาคม 2559 เพื่อนรุ่นพี่รายนี้ก็ได้เอาสมุดเงินฝากและบัตรกดเงินเอทีเอ็มไป ก่อนนำมามอบคืนให้ในเดือนถัดมา
เมื่อได้รับสมุดและบัตรเอทีเอ็มนักศึกษาผู้เสียหายก็ไม่เคยเอาสมุดไปปรับบัญชีเพื่อดูความเคลื่อนไหว เพราะคิดว่าผู้ว่าจ้างให้เปิดบัญชีได้เลิกใช้ไปแล้ว กระทั่งเจ้าหน้าที่ธนาคารมาพบกับนายจรูญ เครือชาลี อายุ 17 ปี ที่บ้านพักในตำบลไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อสอบถามการทำธุรกรรมทางการเงิน
เพราะมีเงินหมุนเวียนเดือนละหลายล้านบาทจนผิดสังเกต เมื่อนายจรูญทราบเรื่องก็เลยรวมกลุ่มเพื่อนที่เปิดบัญชีด้วยกันมาแจ้งความดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี หัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า นอกจากมีการสอบปากคำกลุ่มนักศึกษาทั้ง 5 คนแล้ว ได้ติดต่อไปยังมารดานายทรงวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี นักศึกษารุ่นพี่มาให้ปากคำว่าเอาสมุดเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มไปให้ใครต่อ และใช้รับโอนเงินในธุรกิจใด
แต่มารดาของนายทรงวุฒิแจ้งว่าวันนี้ยังไม่สะดวกจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวน เพราะติดธุระอยู่ต่างจังหวัด และจะมาพบในสัปดาห์หน้า
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำหนังสือประสานไปยังธนาคารต่างๆ ที่มีรายการโอนเข้าและถอนเงินออกจากทั้ง 12 บัญชีที่กลุ่มนักศึกษาไปเปิดไว้เพื่อตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินย้อนกลับไปยังต้นทางที่รับโอน พบมีการถอนเงินออกจากตู้เอทีเอ็มตามปริมณฑลหลายแห่ง ซึ่งจะได้ประสานขอเอกสารการเบิกจ่ายและภาพจากกล้องทีวีวงจรปิดตู้เอทีเอ็มมาใช้ประกอบเป็นหลักฐานการสอบสวน
โดยพนักงานสอบสวนต้องสอบให้ได้ว่าผู้รับโอนเงินทั้งหมดประกอบอาชีพหรือธุรกิจใดจึงมีเงินหมุนเวียนเข้าออกในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 12 บัญชีแต่ละเดือนมีเงินไหลผ่านนับร้อยล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าเงินที่โอนผ่านบัญชีน่าจะเกี่ยวพันกับธุรกิจมืดเกี่ยวกับการพนัน
แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใคร เพราะต้องสอบสวนให้ได้ความผิดที่แน่ชัด รวมทั้งมีใครเกี่ยวข้องบ้าง ส่วนนักศึกษาที่เปิดบัญชีพนักงานสอบสวนเชื่อว่าไม่มีเจตนาจะกระทำความผิด แต่เพราะความไม่รู้และต้องการค่าตอบแทนเล็กน้อย จึงเปิดช่องให้กลุ่มธุรกิจมืดใช้เป็นเครื่องมือ จึงกันตัวไว้เป็นพยาน