อุบลราชธานี - เกิดเหตุ 3 โจรสวมไอ้โม่งบุกจับ รปภ.ห้างขายเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังในเมืองอุบลราชธานี เพื่องัดเอาเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม 2 แบงก์ใหญ่ แต่กินแห้วเพราะมือไม่ถึงเจาะเข้าไปในตัวเซฟเงินสดไม่ได้ และยังพบข้อพิรุธจากคำบอกเล่าเหตุการณ์ของ รปภ.คนนี้หลายประเด็น ต้องสอบสวนเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (18 พ.ค.) พ.ต.ท.วิจิตร พุฒพิมพ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากนายโยควง อรุณโรจน์ อายุ 46 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 104 หมู่ 19 ต.ดอนจิก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้างจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนชยางกูร ต.ในเมือง อ.เมือง
โดยถูกคนร้ายจำนวน 3 คนบุกเข้าจับตัวไปขังไว้ในห้องรักษาความปลอดภัย ตั้งอยู่ด้านหลังโชว์รูมของห้างจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าว และกลุ่มคนร้ายพยายามเข้าไปงัดตู้เซฟเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ จำกัด และธนาคารกสิกรไทย จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในโชว์รูมด้านหน้า ขอให้ไปตรวจที่เกิดเหตุด้วย จึงพร้อม พ.ต.อ.สหรัฐ ประสงค์นิจกิจ รอง ผบก. พ.ต.อ.ศิราเมษฐ์ ธานินพิทักษ์ ผกก. รีบรุดไปตรวจสอบ
พบเป็นโชว์รูมขนาดใหญ่ โดยด้านข้างทำเป็นทางเข้าไปทางด้านหลังที่เป็นลานจอดรถ คั่นกลางระหว่างห้องพนักงานรักษาความปลอดภัยกับคลังเก็บสินค้า ส่วนด้านหน้าจะเป็นโชว์รูมใช้โชว์สินค้า และคนร้ายใช้ถังเคมีดับเพลิงทุบกระจกด้านหลังโชว์รูม เพื่อเข้าไปภายในและไปงัดแผงหลังตู้จ่ายเงินสดหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารทั้งสองแห่ง
โดยคนร้ายสามารถงัดบานประตูเหล็กปิดแผงควบคุมระบบคอมพิวเตอร์การทำงานของตู้ได้ แต่ไม่สามารถงัดเข้าไปในเซฟชั้นที่สองที่ใช้เป็นตู้เก็บเงินสด ก่อนคนร้ายจะหลบหนีไปเพราะใกล้เช้าแล้ว
จากการสอบสวน นายโยควง พนักงาน รปภ.เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.เศษวันเดียวกันนี้ ขณะที่ตนนั่งเข้ายามอยู่ระหว่างกลางของประตูทางเข้าลานจอดรถ ก็มีชาย 3 คนสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้าแอบปืนรั้วเข้ามาจากด้านข้าง แล้วใช้ปืนตบหน้าตน ก่อนใช้ปืนจี้บังคับไม่ให้ขัดขืน
หลังจากนั้นให้พาไปยังห้องทำงานของ รปภ.เพื่อไปถอดสายไฟเซิร์ฟเวอร์ของกล้องบันทึกภาพทีวีวงจรปิด และจับนายโยควงใส่กุญแจมือไพล่หลัง บังคับนอนลงกับพื้นในห้องทำงาน รปภ.
ก่อนที่คนร้ายจะพากันเดินข้ามลานจอดรถไปดึงเอาถังเคมีใช้ดับเพลิงทุบกระจกด้านหลังโชว์รูมแล้วพากันมุดเข้าไปด้านใน ตรงไปที่ตั้งตู้กดเงินเอทีเอ็ม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโชว์รูม และช่วยกันใช้อุปกรณ์งัดบานประตูเหล็กด้านหลังของตู้เอทีเอ็มชั้นแรก ซึ่งเป็นจุดใช้ควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ใช้จ่ายเงิน แต่ไม่สามารถเจาะเข้าไปถึงชั้นที่สองของตู้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเซฟใช้เก็บเงินสดได้
หลังกลุ่มคนร้ายใช้ความพยายามจะเจาะเอาเงินจากตู้เซฟนานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่สำเร็จ และใกล้เช้าแล้ว คนร้ายจึงย้อนกลับมาหานายโยควงเพื่อถอดเอาเซิร์ฟเวอร์ของกล้องทีวีวงจรปิดไป และลากตัวนายโยควงขึ้นมาปลดกุญแจมือด้านซ้ายออกเพื่อไปคล้องกับบานพับของประตูห้องทำงาน รปภ.ก่อนพากันหลบหนีไป โดยไม่ทราบว่าคนร้ายใช้ยานพาหนะอะไร
ซึ่งภายหลังคนร้ายพากันไปหมดแล้ว นายโยควงก็อ้างว่าได้ใช้มือล้วงเอามีดพับที่พกเป็นประจำออกจากกระเป๋ากางเกง ใช้ปลายแหลมของมีดสะเดาะกุญแจมือจนหลุดออกจากการควบคุม ก่อนเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 4 ของโชว์รูมที่เป็นที่พักของพนักงานขายสินค้า และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ก่อนโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
อย่างไรก็ตาม จากการให้ปากคำของนายโยควงในเบื้องต้นมีข้อสงสัยในพฤติกรรมของเหตุการณ์ที่ขัดแย้งกันหลายอย่าง ทั้งการที่คนร้ายเข้าควบคุมตัวนายโยควง และย้อนกลับมาปลดกุญแจมือจากไพล่หลังมาคล้องติดกับบานพับของประตู รวมทั้งการใช้มีดปลายแหลมสะเดาะกุญแจมือ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก
พนักงานสอบสวนจึงได้เชิญตัวนายโยควงมาให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นข้อมูลติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุงัดตู้เอทีเอ็มครั้งนี้ต่อไป