MGR Online - คดีหลานดาวร้ายหนังไทยยิงปืนร้าน “อี๊ด โปงลาง” เข้ามอบตัวต่อตำรวจแล้ว สารภาพเคยถูกตลก “เหลือเฟือ” ทำให้อับอายต่อหน้านักเที่ยวมาก่อน จนวันเกิดเหตุโคจรมาพบกันอีกต่างเมาทั้งคู่ ทั้งถูกด่าบุพการีและโดนทำร้ายจึงทนไม่ไหว
จากกรณีนายเกมศักดิ์ แจ้งทิพย์นาง หรือเหลือเฟือ มกจ๊ก ตลกชื่อดัง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.โคกครามว่าถูกกับนายราฟิก ปาทาน อายุ 48 ปี ใช้อาวุธปืนไล่ยิงตนและกลุ่มเพื่อนขณะกำลังนั่งรับประทานอาหาร บริเวณหน้าร้านแซบโปงลาง ถนนนวลจันทร์ แยกวังรุ้ง แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายนศาลอาญาได้ออกหมายจับนายราฟิก ปาทาน อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 1298/2560 วันที่ 4 มิถุนายน 2560 ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ข่มขู่ผู้อื่นนั้นฯ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน พ.ต.อ. สุริยา นาคแก้ว ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รองผกก.สส.สน.โคกคราม รับมอบตัวนายราฟิก ปาทาน อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 1298/2560 วันที่ 4 มิถุนายน 2560 ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ข่มขู่ผู้อื่นนั้นฯ พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .32 มม. จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืน ขนาด 32 มม. จำนวน 1 ปลอก
นายราฟิก กล่าวว่า ตนยอมรับผิดในทุกข้อกล่าวหาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้ง ก่อนอื่นต้องขอโทษประชาชนที่อยู่ในระแวกจุดเกิดเหตุที่ตนได้ยิงปืนในที่สาธารณะ และต้องขอโทษต่อนามสกุลปาทานที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมไปถึงของโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สร้างเรื่องให้ต้องติดตามตัวตน ส่วนสาเหตุที่ได้ก่อเหตุดังกล่าว เพราะว่านายเกมศักดิ์ ใช้คำหยาบคายด่าบุพการีตน จึงทำให้ตนเกิดบันดาลโทสะไปหยิบอาวุธปืนจากรถมายิงตามภาพที่ปรากฎในคลิป โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน ตนและเพื่อนสนิท(ไม่ขอเปิดเผย ชื่อ-นามสกุล) ได้ไปดื่มกินที่ร้านดังกล่าว โดยนายเกมศักดิ์ ได้ขึ้นเล่นตลกพร้อมมีการพูดจาแขกในร้านด้วยคำไม่สุภาพ จึงทำให้เพื่อของตนไม่สบายพอใจ
นายราฟิก กล่าวต่อว่า ต่อมาตนทราบว่าทางนายเกมศักดิ์ ไม่พอใจเพื่อนของตนแต่เนื่องจากตนเป็นลูกค้าประจำในวันเกิดเหตุตนจึงตัดสินใจเข้าไปเคลียร์ปัญหาให้เพื่อน ตนจึงได้เข้าไปพูดคุยด้วยดีกับนายเกมศักดิ์ ซึ่งมีนายอ๊อดเจ้าของร้านอยู่ด้วย แต่นายเกมศักดิ์กลับพูดจาไม่สุภาพและพยายามเข้ามาทำร้ายตนเอง แต่ตนก็ไม่ได้โกรธหรือติดใจในส่วนนี้ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่รถเพื่อนที่จอดห่างจากร้านไม่ไกล จากนั้นนายเกมศักดิ์ ได้เดินตามมาที่รถพร้อมกับต่อว่าด้วยวาจาที่หยาบคายอีกครั้ง พร้อมกล่าวถึงบุพการีของตน จนทำให้ตนเกิดฟิวส์ขาดและปรากฎภาพเหตุการณ์ในคลิป
นายราฟิก กล่าวอีกด้วยว่า ตนคือคนไทยและนับถือศาสนาอิสลาม ตามหลักคำสอนศาสนาระบุว่า "สวรรค์ของเจ้าทุกคนอยู่ในฝ่าเท้ามารดาและบิดา" หลักศาสนาดังกล่าวถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดตนจึงยอมไม่ได้ที่นายเกมศักดิ์มาด่าว่ามารดาตน ส่วนปืนที่นำมาใช้ก่อเหตุตนซื้อมาจากคนรู้จักกัน ซึ่งปืนดังกล่าวมีทะเบียนและซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย แต่อยู่ระหว่างการโอน ส่วนที่ตนถูกทำร้ายร่างกายนั้นตนขอคิดดูก่อนว่าจะแจ้งความกลับนายเกมศักดิ์หรือไม่
พ.ต.อ.สุริยา กล่าวว่า นายราฟิกให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เบื้องต้นจะทำการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ข่มขู่ผู้อื่นนั้นฯ ทั้งนี้หากสอบสวนเสร็จสิ้นหากนายราฟิกต้องการยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนก็จะอนุญาตให้ประกันตัวเนื่องจากเข้ามอบตัวด้วยตนเอง โดยใช้วงเงินจำนวน 150,000 บาท ก่อนปล่อยตัวไป อย่างไรก็ตามหากการสอบสวนเสร็จสิ้นและพบว่ามีการกระทำผิดในข้อหาอื่นก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติ่มในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดคลิปวงจรปิดที่สามารถจับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นช่วงเวลาประมาณ 13.15 น. ของวันที่ 3 มิถุนายน มีความยาวประมาณ 15 นาที ซึ่งในภาพปรากฎภาพของนายราฟิก นามเกมศักดิ์หรือเหลือเฟือ และนายอ๊อด เจ้าของร้าน มีการโต้เถียงกันโดยมีนายอ๊อดเป็นผู้ห้ามปราม ส่วนเหลือเฟือในภาพมีท่าทางเกี้ยวกราดและพยายามเข้าทำร้ายร่างกายนายราฟิกอยู่ตลอดเวลาแต่นายราฟิกไม่ได้ตอบโต้ใดๆ
นอกจากนี้ก่อนที่นายราฟิกจะเปิดเผยรายละเอียดในวันเกิดเหตุ นายราฟิกยังคงมีอาการเครียดโดยช่วงต้นได้มีการสอบถามผู้สื่อข่าวให้สอบถามให้ถูกประเด็นและมีการพูดจาไม่ยินดีที่จะเปิดเผยรายละเอียด จนกระทั่งเมื่อมีการเปิดคลิปให้ผู้สื่อข่าวดูนายราฟิกจึงผ่อนคลายและได้อธิบายรายละเอียดตามภาพที่ปรากฎในคลิปวงจรปิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น