คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
--------------------------------------------------------------------------------
สังคมไทยเดินทางมาถึงภาวะสำคัญที่กำลังเชิญหน้า และท้าทายวุฒิภาวะของคนในสังคมอีกคำรบหนึ่ง นั่นคือ การผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน อันเนื่องมาจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และการผลัดเปลี่ยนรัฐบาลจากรัฐบาล คสช.ไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอีกไม่นานข้างหน้านี้ ทั้ง ๒ สถานการณ์ล้วนมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
สำหรับการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นการสูญเสียศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวไทยอย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้ เนื่องจากตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงปลดเปลื้องความทุกข์ยาก และความขัดแย้งครั้งสำคัญๆ มาหลายคราวหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ หรือ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และพฤษภาคม ๒๕๓๕ ฯลฯ หากไม่มีพระองค์สังคมไทยคงก้าวสู่มิคสัญญีที่รุนแรง และยาวนานกว่านี้อย่างแน่นอน
นอกจากนั้น พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านล้วนก่อเกื้อเอื้อประโยชน์ให้แก่พสกนิกรย่างท่วมท้นล้นเหลือในทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นโครงการในพระราชดำริ แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ ที่สำคัญเหนืออื่นใดคือ พระองค์ทรงสอนด้วยการปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างแก่พสกนิกร จนเป็นประจักษ์แก่ชาวไทย และชาวโลกอย่างปราศจากข้อสงสัย
ดังนั้น เมื่อแผ่นดินนี้ไม่มีพระองค์ท่านต่อไปแล้ว เหลือไว้แต่ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พสกนิกรชาวไทยจะจดจารจารึกไว้ด้วยการเดินตามรอยพระยุคลบาท “ทำความดีเพื่อถวายในหลวง-พ่อของแผ่นดิน”
สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับสังคมไทยในวันที่ไม่มีพระองค์ท่านคือ กระแสความขัดแย้งที่สังคมไทยเคยมีมาก่อนหน้านี้ และยังคงมีอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้จะสิ้นสุดยุติลงแบบใด เพราะดูเหมือนว่าเชื้อไฟของความขัดแย้งจะยังคงอยู่ และนับวันจะยิ่งส่อเค้าความขัดแย้งที่รุนแรง และไม่ยอมอโหสิกรรมให้แก่กันและกัน
แต่จะอย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นบรรยากาศคนไทยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ดูแลกัน ในวาระการร่วมในพิธีที่ท้องสนามหลวง และรอบๆ พระบรมมหาราชวัง ตลอดจนการทำความดีถวายในหลวงจากทั่วราชอาณาจักร และนอกอาณาจักร ก็ได้แต่หวังว่าผลพวงเหล่านี้จะมีอานิสงส์แผ่ขยายไปสู่การเกิดความรัก ความสามัคคี เพื่อน้อมถวายแด่พระองค์ตามที่เคยทรงย้ำให้พสกนิกรของพระองค์มีความรักสามัคคี “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ฯลฯ
ส่วนการลงจากอำนาจของ คสช.ตามโรดแมปในอีกไม่นานข้างหน้านี้ ซึ่งหลายคนต่างเป็นห่วงว่าบรรยากาศของความขัดแย้งแบบเก่าๆ จะหวนกลับมาอีกหรือไม่ เพราะยังไม่มีข้อบ่งชี้อะไรมากมายนักที่บอกว่า สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนี้จะดีกว่าก่อนการยึดอำนาจของ คสช. เพราะคู่ขัดแย้งยังคงอยู่ เงื่อนไขของความขัดแย้งยังไม่เปลี่ยน และสถานการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วงด้วยบริบทใหม่อีกมากมายหลายประการ รวมทั้งการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศูนย์รวมขวัญ และกำลังใจของพสกนิกรชาวไทยทั้งมวลด้วย
ได้แต่ภาวนา อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพลังความสามัคคีที่เปี่ยมด้วยปัญญา และศรัทธาของคนไทยทั้งชาติ ไม่ว่าจะมีจุดยืนทางการเมือง ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์เหมือนหรือแตกต่างกันก็ตาม ให้คำนึงถึงผลประโยชน์ ความอยู่รอดของชาติ และความจำเริญก้าวหน้าไปสู่อารยะประเทศ ได้โปรดดลบันดาลให้พี่น้องชาวไทยร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนประเทศชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญก้าวหน้า สร้างสันติสุขร่วมกันทุกหมู่เหล่า เพื่อแสดงถึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทดแทนคุณแผ่นดินเกิดที่อำนวยความสุขแก่เรามาหลายชั่วอายุคน
สำหรับคนที่เคยจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ก็จงอย่าได้ผูกขาดความจงรักภักดี และชิงชังรังเกียจคนที่เขาแสดงออกไม่เท่ากับตน เพราะบางทีคนที่ไม่ร้องไห้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เจ็บปวด ขณะเดียวกัน คนที่ไม่แสดงออกต่อสาธารณชนให้เป็นที่ปรากฏ ก็อย่าไปตำหนิติเตียนว่าคนที่เขาแสดงออกเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ในลักษณะเสียดเย้ย ย้อนแย้ง ให้เกิดความเกลียดชังของคนในชาติโดยเปล่าประโยชน์ หากเราเคารพในสิทธิ เสรีภาพของกันและกัน และร่วมกันรักษาจารีต ขนบประเพณีไทยอันดีงาม เชื่อว่าสังคมไทยจะฝ่าข้ามความขัดแย้ง และสถานการณ์อันล่อแหลมต่อการเกิดความรุนแรงไปได้
ผมเชื่อในวุฒิภาวะของคนในสังคมไทย เชื่อในพระบารมีแห่งคุณความดีที่สถาบันหลักของชาติบ้านเมืองสร้างสมมาสามารถจะนำพาประเทศชาติบ้านเมือง และสังคมไทยไปสู่สันติภาพ และสันติสุขได้อย่างแน่นอน
เราจะร่วมกันฝ่าข้ามไปครับพี่น้อง