กรณีมีเหตุ “คาร์บอมบ์” ที่หน้าโรงแรมเซาเทิร์น เขตเทศบาลเมืองปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อค่อนดึกของคืนที่ผ่านมา พร้อมด้วย “ระเบิดแสวงเครื่อง” หน้าผับริมบน ถ.รูสะมิแล ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีเช่นกัน อีกทั้ง “ระเบิดแสวงเครื่อง” ในถังขยะที่หน้าตลาดสดเทศบาลตำบลหนองจิก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
เหตุการณ์เหล่านี้คือสิ่งที่จะเรียกเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจาก “ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เกิดขึ้น”
เนื่องเพราะเมื่อสำรวจไปยังแหล่งข่าวในพื้นที่ต่าง “ฟันธง” ในทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดแบบ “ไม่มีธงล่วงหน้า” ว่าระเบิดไฟใต้ครั้งล่าสุดนี้เชื่อมโยงพัวพันกับคดีก่อวินาศกรรมใน 7 จังหวัดภาคใต้อย่างแน่นอน
ประเด็นหนึ่ง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรายงาน “แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้” ที่ได้นำเสนอไปแล้วในหลายตอนที่ผ่านๆ มาที่ได้ชี้ว่า การที่ “ฉก.41” และตำรวจชุดพิเศษของ “ศชต.” ที่ใช้วิธีการ “ปูพรม” ในการตรวจค้นโรงเรียนสอนศาสนา หรือปอเนาะใน จ.ปัตตานี รวมถึงพื้นที่สัญลักษณ์อื่นๆ แบบ “เดาสุ่ม”
นอกจากจะเป็นการ “ตีป่าให้เสือตื่น” แล้ว กลับต้องให้ระวังการ “ตอบโต้” จากขบวนการในพื้นที่เพื่อระบายความโกรธแค้นให้แก่มวลชน ซึ่งเป็นการได้ช่วงชิงมวลชนที่ “บีอาร์เอ็น” ถนัดที่สุด
เพราะหลังจากการปูพรมตรวจค้นแบบ “คว้าน้ำเหลว” คือไม่ได้ตัวของผู้ต้องสงสัยที่เป็น “มือระเบิด” ใน 7 จังหวัดใต้บนแล้ว ยังมีการ “คว้าเอาผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง” จำนวนหนึ่งมาควบคุมตัวตามคดีเก่าๆ หรือหมายจับเก่าๆ เพื่อ “บีบเค้น” ให้คายความลับ เนื่องจากเชื่อว่าถึงไม่ได้ร่วมมือในการก่อวินาศกรรม 7 จังหวัดใต้บนก็จริง แต่ต้องรู้เรื่องขบวนการก่อวินาศกรรมไม่มากก็น้อย
ประเด็นที่ 2 มีสิ่งที่เชื่อว่าเป็นที่มาของระเบิดแผ่นดินไฟใต้ล่าสุด คือ การที่ พล.ต.อ.จักรพิทย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ “พาดพึง” ถึงนักการเมือง “กลุ่มวาดะห์” ว่าอาจจะรู้เรื่องการก่อวินาศกรรมในครั้งนี้
ความจริงแล้วแม้ว่าหน่วยข่าวความมั่นคง รวมทั้งแหล่างข่าวจาก ศอ.บต.มีความเชื่อมั่นอย่างนั้น แต่เมื่อมีการกล่าวออกมาจากคนที่เป็นเบอร์ 1 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลสะเทือนจึงเกิดขึ้น
อย่างลืมว่า “กลุ่มวาดะห์” เป็นองค์กรที่เป็นที่รวมตัวของ “นักการเมือง” ในพื้นที่ชายแดนใต้ทั้งหมดไม่น้อยกว่า 701% ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะอดีต ส.ส.อย่าง วันมูหะมัดนอร์ มะทา อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นัจมุดดีน อูมา ฯลฯ แต่หมายรวมถึง “นักการเมืองท้องถิ่น” ที่ทรงอิทธิพลในพื้นที่ ทั้งกับประชาชนและกับ “แนวร่วม” ของขบวนการ
และประเด็นที่ 3 แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของ “สีเขียว” เชื่อว่า การกำหนดวันเปิดเวที “พูดคุยสันติสุข” ระหว่างตัวแทนรัฐไทย กับ “กลุ่มมาราปาตานี” ที่มีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งล่าสุด วางไว้ในวันที่ 2 ก.ย.ที่จะถึงนี้ นั่นมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดคาร์บอมบ์ และระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ จ.ปัตตานี นั่นเอง
เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า ทุกครั้งที่มีการขับเคลื่อนเรื่องการตั้งโต๊ะเจรจาเกิดขึ้น สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะเกิดความรุนแรงทันที เพราะมีอีกกลุ่มหนึ่งในขบวนการแบ่งแยกดินแดน รวมทั้งปีกทางการทหารของบีอาร์เอ็นไม่เห็นด้วยต่อการพูดคุย
ดังนั้น กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยจึงสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพื่อชี้ให้รัฐบาล และ คสช.เห็นว่า การพูดคุยไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถหยุดความรุนแรงลงได้นั่นเอง
เรื่องนี้จึงคงต้องติดตามดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รวมถึง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.จะถึง “จุดเดือด” แห่งอารมณ์ แล้วสั่งให้ พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขเลื่อนเปิดเวทีการพูดคุยไปก่อนอีกหรือไม่
ส่วนความคืบหน้าของการก่อวินาศกรรม 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนนั้น จากการแกะรอยต่อเนื่องพบว่า จนถึงวันนี้ตำรวจ “ยังไม่กล้าที่จะออกหมายจับใคร” เลย ทั้งที่มีการเสนอรายชื่อผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าเป็นผู้ลงมือ ทั้งที่ได้มีการควบคุมตัวผู้ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้ยานพาหนะรับ-ส่งมือระเบิดไปขึ้นรถยนต์เดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ตอนบนเพื่อปฏิบัติการ
เหตุผลที่ไม่กล้า “บุ่มบ่าม” เหมือนกับการใช้ ฮ.บินไปจับหนุ่มเหนือบนแท่นขุดเจาะกลางทะเลลึก เพราะ บทเรียนของการ “จับแพะ” ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องต่อการออกหมายจับไม่เล่นด้วย เพราะเห็นว่าถ้าไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนก็ไม่ควรขอออกหมายจับ
เนื่องจากไม่ต้องการที่จะให้หน่วยงาของตน “เสื่อมทรุด” อย่างเป็นที่ประจักษ์แล้วเหมือนกับหน่วยงานของตำรวจ
รวมทั้ง “ภาพสเกตช์” ที่มาจากการบอกเล่าของพยาน และจากกล้องวงจรปิดที่มีการไล่เก็บมาได้นั้น มองจากมุมไหนๆ รวมทั้งประเมินทางกายภาพแล้ว กลับพบว่าแทบไม่มีส่วนไหนเลยที่บ่งบอกว่าเป็น “คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” แม้จะมีหลักฐานที่ชี้ชัด และเชื่อมโยงว่า บุคคลทั้งหมดเดินทางไปจาก จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส ก็ตาม
ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว นั่นก็หมายความว่า คนเหล่านี้ต้องเดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย และหลังก่อเหตุก็หลบหนีออกนอกประเทศกลับไปยังประเทศมาเลเซีย
ส่วนจะเป็นคนร้ายกลุ่มไหนนั้น หน่วยงานความมั่นคงเองก็คง “ไม่กล้าเปิดปาก” ในเรื่องนี้
เช่นเดียวกับรายงาน “แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้” ที่แม้จะพบประเด็นดังกล่าวนี้แล้ว รวมถึงได้ขบคิดจนเชื่อว่าเป็นเช่นกันได้จริง ซึ่งมีการนำเสนอบางแง่มุมไปบ้างแล้วในตอนที่ 5 แต่ถึงเวลานี้เราก็ยังไม่กล้าที่จะฟันธงอยู่ดี
ทว่า เวลานี้กลับพบข้อมูลอีกทางหนึ่งชี้ได้ว่า ในการก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งที่เมืองสลังงอ ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย อันเกิดขึ้นช่วงก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีคนเจ็บถึง 8 คนนั้น
เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้สรุปเหตุที่เกิดขึ้นว่า เป็นฝีมือของ “กลุ่มรัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”
โดยหลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลมาเลเซียได้มีหนังสือถึงรัฐบาลไทย ร้องขอให้ช่วยจับกุมคนร้าย จำนวน 2 คน ซึ่งเชื่อว่าเป็นมือวางระเบิดไนต์คลับที่เมืองสลังงอ โดยทางการมาเลเซียมีข้อมูลว่า ได้เดินทางหลบหนีจากมาเลเซียเข้าสู่ประเทศไทยทางชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
ทั้งนี้ทั้งนั้น จึงเป็นไปได้เช่นกันว่า การก่อวินาศกรรม 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน กลุ่มคนร้ายอาจจะ “ไม่ใช่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” แต่มีส่วนเชื่อมโยงกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ก็ได้แต่ภาวนาว่า...เพี้ยง! ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงดลบันดาลให้ข้อมูลชุดที่ชี้ไปในทางนี้ “ผิดพลาด” และหวังว่า “ภาพสเกตช์” กลุ่มคนที่เชื่อว่าก่อวินาศกรรม 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อ “กลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ” โดยเฉพาะ “ชาวอุยกูร์” ด้วยเถิดดดดดด...?!?!
--------------------------------------------------------------------------------
อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (1)..ข้อมูลข่าวกรองยันป่วน 7 จ.ใต้โยง “ไฟใต้” ตามติด 13 รายชื่อ-จิ๊กซอว์เส้นทางก่อเหตุ
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (2)...เปิด “แผนอำพรางรุก-อำพรางถอย” ทีมวินาศกรรมที่ล้วนไปจาก “นราฯ” และ “หมายจับแท้ง”
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (3)...หวย “จับแพะชนแกะ” ออก 17 มือก่อการ 13 เข้ามาเลย์แล้ว จับตาเงื่อนไขใหม่ “สงขลา” จะรอดไหม?
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (4)...สันติบาลมาเลย์ยกนิ้ว “มือพระกาฬ” เบื้องหน้าดูเหมือน ตร.จะปิดจ๊อบแล้ว แต่เบื้องลึกยังลุยต่อ
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (5)...ดูท่าจะไปกันใหญ่! วงจรปิดชี้ “สรีระ” มือบึ้มคล้าย “กลุ่มต่างชาติ” เคยพัวพันวินาศกรรมไทย
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (6)...งัดไม้เด็ด! ตร.ขอข้อมูลค่ายมือถือถอดรหัสสนทนา พร้อมเร่งจี้พยานแวดล้อมมือปฏิบัติการจากไฟใต้
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (7)...เปิดตัวละครสำคัญชุดใหม่ “กลุ่มวาดะห์” ที่มี “วันนอร์” เป็นแกนนำ