10 วันผ่านไปแล้วกับเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมใน 7 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งถ้าตัดประเด็นของ “กลุ่มผู้ต้องหาเสื้อแดง” ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็น “อั้งยี่และซ่องโจร” จำนวน 15 คน ออกจากสำนวนการก่อวินาศกรรมแล้ว
สังคมไทยจะเห็นว่าเป็น 10 วันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพนักงานสอบสวน และดำเนินการออกหมายจับได้เพียง “นายอาหามะ เล็งหะ” โดยอาศัยหลักฐานเพียงชิ้นเดียวคือ “ดีเอ็นเอ” ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุจากระเบิดเพลิงที่ไม่ทำงาน
ไม่เพียงเท่านั้น แหล่งข่าวจากชุดการข่าวของหน่วยงานความมั่นคง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบอย่างรอบคอบมีข้อมูลที่เชื่อได้ว่า “นายมาหามะ เล็งหะ” ก็ไม่ได้อยู่ใน “ชุดปฏิบัติการวางระเบิด” ที่กระจายกันเดินทางไปก่อวินาศกรรมใน 7 จังหวัดภาคใต้
เนื่องเพราะพบหลักฐานการเดินทางเข้า-ออกชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเขาได้เดินทางไปทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในระหว่างวันที่ 9-11 ส.ค. ก่อนที่จะหายไปในวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หน่วยข่าวเชื่อว่า เขาอยู่ใน “กลุ่มมือประกอบระเบิด” ซึ่งได้ปฏิบัติการเสร็จสิ้นในพื้นที่ จ.นราธิวาส หรือเอาให้ชัดลงไปก็คือ ใน “หมู่บ้านใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย” แห่งหนึ่ง ซึ่งขอปิดชื่อของหมู่บ้านนั้นไว้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าตรวจค้น และติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัย
เหตุผลที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เขาเป็นหนึ่งในชุดผู้ประกอบระเบิด เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดีเอ็นเอได้จากระเบิดเพลิงที่ยังไม่ระเบิด และสาเหตุที่เขาต้องหลบหนี เนื่องจากทราบว่ามี “ระเบิดเพลิง” จำนวนมากที่ไม่ทำงานตามเป้าประสงค์ จึงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ต้องตรวจพบหลักฐานของการประกอบระเบิดอย่างแน่นอน
ขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงชุด “จงอาง” ของ พล.15 อยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบแหล่งต้องสงสัยของ “กลุ่มประกอบระเบิด” ซึ่งเชื่อว่าหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ของ จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส โดยมีการเข้าตรวจสอบทั้งโรงเรียนสอนศาสนา โรงเรียนตาดีกา รวมถึงศาสนสถาน และบ้านเรือนของราษฎรไปแล้วกว่า 10 เป้าหมาย แต่ก็ยังไม่สามารถ “ได้ตัวของผู้ต้องสงสัย”
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่ติดตามตรวจสอบเพื่อจับกุมกลุ่มคนร้ายให้ข้อมูลว่า จากการควบคุมตัว “แนวร่วม” ที่มีหมายจับในคดีความมั่นคงอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนต่อการก่อวินาศกรรมใน 7 จังหวัดภาคใต้ครั้งนี้ ซึ่งจากการ ซักถามทำให้ได้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายพอสมควร
โดยรู้ว่า “มือก่อวินาศกรรม” เป็นกลุ่มไหน และมีใครบ้าง ซึ่งมีการให้รายละเอียดถึง “แผนการ” ว่า คนร้ายต้องการ “วางระเบิดเพลิงใน จ.ภูเก็ต ถึง 30 จุด” เพื่อให้เกิดเพลิงสร้างความปั่นป่วนโกลาหล แต่ที่ไม่เป็นไปตามแผนการเพราะในการประกอบระเบิดครั้งนี้ มือประกอบระเบิดบางคน “ไม่มีความชำนาญ”
เนื่องเพราะเป็นระเบิดเพลิงที่เป็นการ “ตั้งเวลาให้ระเบิด” ไม่ใช่ให้ระเบิดด้วยการ “ส่งสัญญาณโทรศัพท์จุดชนวน” รวมทั้งการนำระเบิดใส่เป้ หรือกระเป๋าเดินทางด้วยรถประจำทางอาจทำให้ “วงจรหลุดออกจากกันได้” จนทำให้ระเบิดไม่ทำงานจำนวนมาก
ซึ่งในเรื่องนี้หน่วยข่าวความมั่นคงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ใน จ.ภูเก็ต ทำการตรวจสอบหลักฐานที่เป็นระเบิดที่ไม่ทำงานให้มีความละเอียดอย่างที่สุดแล้ว เพราะเชื่อว่าจะเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชิ้นเดียวที่จะบอกได้ว่า “ผู้ร้ายคือใคร”
เนื่องจากในกลุ่มผู้ประกอบระเบิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ส่วนหนึ่งมี “หมายจับ” และมี “ดีเอ็นเอ” ที่เจ้าหน้าที่เก็บไว้ได้ก่อนหน้านี้แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวความมั่นคงได้นำภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดในหลายจุด โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.พังงา และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปทำการตรวจสอบหลายรอบ เนื่องจากไม่มั่นใจเกี่ยวกับ “กายภาพ” และ “สรีระ” ของคนในภาพหลายภาพว่า ทำไมไม่เหมือนกับ “คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”
ทว่า ทำไมกลับไปคล้ายกับกลุ่มคนที่เป็น “ชาวต่างชาติ” กลุ่มหนึ่งที่เคยเกี่ยวข้องต่อการก่อวินาศกรรมในประเทศไทยเรา
--------------------------------------------------------------------------------
อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (1)..ข้อมูลข่าวกรองยันป่วน 7 จ.ใต้โยง “ไฟใต้” ตามติด 13 รายชื่อ-จิ๊กซอว์เส้นทางก่อเหตุ
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (2)...เปิด “แผนอำพรางรุก-อำพรางถอย” ทีมวินาศกรรมที่ล้วนไปจาก “นราฯ” และ “หมายจับแท้ง”
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (3)...หวย “จับแพะชนแกะ” ออก 17 มือก่อการ 13 เข้ามาเลย์แล้ว จับตาเงื่อนไขใหม่ “สงขลา” จะรอดไหม?
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (4)...สันติบาลมาเลย์ยกนิ้ว “มือพระกาฬ” เบื้องหน้าดูเหมือน ตร.จะปิดจ๊อบแล้ว แต่เบื้องลึกยังลุยต่อ