xs
xsm
sm
md
lg

แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (6)...งัดไม้เด็ด! ตร.ขอข้อมูลค่ายมือถือถอดรหัสสนทนา พร้อมเร่งจี้พยานแวดล้อมมือปฏิบัติการจากไฟใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
 
นับว่ายังเป็นการ “ร้องเพลงเดียวกัน” แต่ใช้ “ดนตรีคนละคีย์” สำหรับคดีการก่อวินาศกรรมใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน
 
เมื่อ พล.อ.ประวัติ วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกลาโหม กล่าวว่า จับผู้ต้องหาได้แล้ว 1 คน แต่ไม่เกี่ยวกับคนร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วต่อมาในบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็แถลงข่าวว่า ยังไม่ได้จับใคร แต่มีความชัดเจนว่าเป็นคนร้ายจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นคนร้ายกลุ่มที่ไม่เคยมีประวัติในแฟ้มการก่อการร้าย
 
เมื่อ 2 คนใหญ่คนโตในบ้านเมือง “พูดเรื่องเดียวกัน” แต่ “คนละเรื่องเดียวกัน” สังคมไทยก็คงพอจะทราบเป็นนัยแล้วว่า คดีนี้จะเป็นอย่างไร?!
 
อย่างไรก็ตาม การแกะรอยยังคงเฝ้าติดตามการสืบสวนหาคนร้ายของ “ชุดสืบสวน บช.ภ.9” และ “ชุดสืบ จ.สงขลา” แม้ จ.สงขลา จะไม่ใช่จุดที่เกิดเหตุในการก่อวินาศกรรม 7 จังหวัดภาคใต้ครั้งนี้ แต่เป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงในคดีการวางดังกล่าว เนื่องจากคนร้ายเกือบทั้งหมดใช้พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นจุดเปลี่ยนรถโดยสารในการเดินทางที่มาจากพื้นที่  3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วไปขึ้นรถโดยสารเดินทางต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนเพื่อก่อวินาศกรรม
 
ขณะนี้ชุดสืบสืบสวนของ บช.ภ.9 และชุดสืบสวน ภ.จว.สงขลา กำลังเร่งสืบสวนหาเบาะแสเชื่อมโยงของกลุ่มคนร้ายว่ามีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร และหาพยานที่เห็นคนร้ายเดินทางจาก 3 จังหวัดมาลงรถโดยสารตรงจุดไหน แล้วเดินทางไปขึ้นรถโดยสารต่อ ทั้งรถตู้  รถทัวร์ และรถประจำทางตรงจุดไหน
 
จากการสืบสวนหาข่าวพบว่า ขณะนี้มีพยานให้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ และพอจะทราบได้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ในเครือข่าย โดยเฉพาะส่วนที่ทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ของ  จ.สงขลา
 
โดยมีรายงานระบุว่า คนร้าย 4 คน ที่ต้องสงสัยว่าวางระเบิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้เดินทางโดยรถตู้ประจำทางมาจาก จ.นราธิวาส เมื่อมาถึง อ.หาดใหญ่ ไม่ได้ลงรถที่สถานีขนส่ง แต่เลือกที่จะไปลงจากรถตู้โดยสารที่ชานเมืองหาดใหญ่แทน ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการหลบกล้องวงจรปิดที่สถานีขนส่ง
 
หน่วยงานความมั่นคงเชื่อว่า มีพรรคพวกในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เป็นผู้ไปรับคนร้ายทั้ง 4 ไปส่งในพื้นที่ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ ซึ่งอยู่นอกเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ แล้วโทรศัพท์เรียกให้รถตู้โดยสารสายหาดใหญ่-สุราษฎร์ธานี ไปรับที่ริมถนนสายเอเชีย ในพื้นที่ ต.ควนลัง
 
ส่วนหน่วยข่าวความมั่นคงของ กอ.รมน.ภาคที่ 4 เชื่อว่า ต้องมีเบาะแสของคนร้ายในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ อย่างแน่นอน เนื่องจากคนร้ายทั้ง 4 คน มีลักษณะการแต่งกายที่ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่  อยู่ระหว่างการตรวจสอบกับคนขับรถตู้โดยสาร ซึ่งได้วิ่งรถรับคนร้ายเดินทางไป จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
 
ในขณะที่ชุดสืบสวนของตำรวจภูธร 9 ได้เปิดเผยว่า จากการขอความร่วมมือจากโชเฟอร์รถตู้ และรถทัวร์ รวมทั้งรถโดยสารประจำทาง ทั้งจากต้นทาง คือที่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และกลางทางคือในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เวลานี้ได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก
 
จนอาจจะนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เป็นตัวเชื่อมโยงกับคนร้ายในพื้นที่ จ.สงขลา ได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาว อ.จะนะ จ.สงขลา แต่ได้เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ อยู่อย่างใกล้ชิด
 
สำหรับความคืบหน้าคดีการวางระเบิดที่ จ.ตรัง พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า มีเบาะแสของคนร้ายที่เป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว 3-4 คน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และขอความรวมมือจากพยานที่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งคนขับรถโดยสารที่คนร้ายโดยสารไปจาก อ.หาดใหญ่ เพื่อเข้าไปก่อเหตุในพื้นที่ จ.ตรัง ซึ่งเชื่อว่าอีก 2-3 วันน่าจะได้เห็นโฉมหน้าของคนร้ายอย่างแน่นอน
 
แฟ้มภาพ
 
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังศิพรหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเบาะแสของคนร้าย 1-2 กลุ่มที่มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับพรรคพวกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทำการขอรายละเอียดจากบริษัทมือถือที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าเป็นหมายเลขของใคร รวมทั้งสามารถที่จะถอดบทสนทนาของคนร้ายด้วย อันถือเป็นเบาะแสสำคัญ และหากจับกุมผู้ร่วมมือในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ได้ เชื่อว่าจะสาวถึงกลุ่มคนร้ายทั้งหมดได้
 
ในส่วนของภาพคนร้ายที่มีลักษณะทาง “กายภาพ” และ “สรีระ” ที่ดูไม่เหมือนกับเป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่กลับคล้าย “ชาวต่างชาติ” นั้น หน่วยงานความมั่นคงได้วิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดอีกระลอกเพื่อหาจุดแตกต่าง
 
อย่างไรก็ตาม เวลานี้มีข้อมูลที่สามารถทำให้เชื่อได้ว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน ในกล้องวงจรปิด เพียงใช้วิธีการแต่งกายให้ดูเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น เช่น การใส่มาสก์ หรือผ้าปิดจมูกแบบที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมใช้ รวมถึงการการใส่หมวก และมีผ้าเช็ดเหงื่อ
 
อีกทั้งบางคนยังพยายามแต่งให้ดูเหมือนผู้นับถือศาสนาพุทธ เช่น ใส่สร้อยคนห้อยพระให้เห็น และสวมริสแบนด์ที่ข้อมือ เพื่อที่จะเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นนักท่องเที่ยว หรือเป็นบุคคลที่นับถือศาสนาพุทธ เป็นต้น
 
--------------------------------------------------------------------------------

อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง 
 
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (1)..ข้อมูลข่าวกรองยันป่วน 7 จ.ใต้โยง “ไฟใต้” ตามติด 13 รายชื่อ-จิ๊กซอว์เส้นทางก่อเหตุ
 
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (2)...เปิด “แผนอำพรางรุก-อำพรางถอย” ทีมวินาศกรรมที่ล้วนไปจาก “นราฯ” และ “หมายจับแท้ง”
 
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (3)...หวย “จับแพะชนแกะ” ออก 17 มือก่อการ 13 เข้ามาเลย์แล้ว จับตาเงื่อนไขใหม่ “สงขลา” จะรอดไหม?
 
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (4)...สันติบาลมาเลย์ยกนิ้ว “มือพระกาฬ” เบื้องหน้าดูเหมือน ตร.จะปิดจ๊อบแล้ว แต่เบื้องลึกยังลุยต่อ
 
- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (5)...ดูท่าจะไปกันใหญ่! วงจรปิดชี้ “สรีระ” มือบึ้มคล้าย “กลุ่มต่างชาติ” เคยพัวพันวินาศกรรมไทย
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น