รมว.วิทย์ฯ ลงสตูลเยี่ยมโรงงานแปรรูปยาง ชูเป็นโมเดลที่ดีของนโยบายภาครัฐ

 
สตูล - รมว.วิทย์ฯ ลงพื้นที่ จ.สตูล เยี่ยมโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา พร้อมย้ำให้สร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางพาราให้ดีขึ้น เพื่อนำร่องเป็นโมเดลที่ดีของนโยบายรัฐบาล

วันนี้ (30 ม.ค.) ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมคณะ เดินทางลงสถานที่ตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา ที่ชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางสตูล จำกัด อ.ควนกาหลง จ.สตูล โดยมี นายภัทรพนธ์ รัตนพิเชฎฐชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วย รศ.ดร.พีระพงศ์ ทีฆะสกุล รองอธิบดีฝ่ายระบบวิจัยและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) พร้อมผู้วิจัย และประธานกลุ่มสหกรณ์กองทุนสวนยางพาราสตูล ให้การต้อนรับ

สำหรับการเดินทางมาในครั้งนี้ ทาง ดร.พิเชฐ ได้เยี่ยมชมความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของกลุ่มเกษตรกรฯ ที่รวมตัวกันแก้ไขสถานการณ์ยางพาราราคาตกต่ำ โดยหันมาสร้างโรงงานแปรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา(ม.อ.) ล่าสุด สามารถผลิตยางปูพื้นลานกีฬาสนามฟุตซอล ในราคา 1,170 บาท/ตารางเมตร

โดยทาง ม.อ.ได้นำร่องใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวปูพื้นลานกีฬาอเนกประสงค์ของมหาวิทยาลัยทั้ง 5 วิทยาเขต และโรงเรียนที่อยู่ในจังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิทยาเขตอีก 5 โรงเรียน พร้อมทั้งดูการทำไม้กวาดจอกยางจากเครื่องจักรกลของโรงงานแปรรูป รวมทั้งได้พูดคุยในเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานของชิ้นงานการแปรรูปสินค้าให้ดีขึ้น เพื่อต่อยอดในทางการตลาดที่รับซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์

 
ในโอกาสนี้ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าชื่นชมก็คือ ทางสหกรณ์เอง และทางสมาชิกที่ได้คิดริเริ่มในการแก้ปัญหาด้วยตนเองในปัญหาเรื่องราคายาง เพราะฉะนั้นการดิ้นรนใน 2 ปีที่ผ่านมาก็คือ การพยายามสร้างโรงงานแปรรูป ซึ่งทิศทางของโรงงานแห่งนี้แปรรูปเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของตลาด โดยการทำแผ่นยางปูพื้นสนามกีฬาสนามฟุตซอล สนามเด็กเล่น และก็มีเทคโนโลยีโดยความอนุเคราะห์ทางเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งก็ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาทำงาน

จนกระทั่งวันนี้ เห็นเป็นผลิตภัณฑ์เรียบร้อย สามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้จริงในราคาที่ใช้ได้เลย ที่ว่าใช้ได้ก็คือ สามารถแข่งขันกับตลาดได้ดีพอสมควร และก็ยังสามารถเอื้อให้ทางสมาชิกสหกรณ์มีรายได้ ส่วนหนึ่งก็คือ จากยางดิบที่ป้อนให้แก่โรงงาน และสร้างรายได้ให้แรงงานในโรงงาน รวมทั้งแรงงานที่บ้านที่ใช้ในการทำขอบแผ่นยางที่เรียบร้อย อันนี้ก็เป็นโมเดลหนึ่งที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชน

อีกอย่างหนึ่งคือ ทำให้ทางสมาชิกสหกรณ์มีความเข้าใจกลไกลของตลาดเริ่มต้องรู้จักการทำบัญชี ในอนาคตผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรฐานที่กำลังขอให้แก่แผ่นยางที่ผลิตกับโรงงานแห่งนี้ที่เป็น มอก.ก็จะเอื้ออำนวยทำให้การขยายตลาด ไม่เพียงแค่ตลาดภาครัฐที่รัฐบาลกำลังส่งเสริมอยู่ในขณะนี้ แต่ว่าในระยะยาวก็สามารถที่จะแข่งขันได้ทั้งในประเทศ และการส่งออกด้วยก็ขอชื่นชม

และทางกระทรวงฯ เองก็จะขอรับข้อมูลในส่วนที่จะสามารถช่วยต่อยอด หรือช่วยปรับปรุง เช่น ความเป็นไปได้ของความต้องการขยายขึ้นของโรงงานนี้ อาจจะทำให้โรงงานแห่งนี้ไม่สามารถที่จะรองรับกำลังการผลิตได้จำเป็นต้องขยาย หรือเรื่องของมาตรฐานก็จะไปช่วยประสานงานหลังที่กลับไปกรุงเทพฯ แล้ว

 
ในส่วนเรื่องของ มอก.ทางออกก็คือ สามารถผลิตได้เลย และก็ใช้ มอก.ที่มีอยู่ก่อนเพื่อให้ขายได้ ซึ่งเป็น มอก.ในอีกระดับหนึ่ง กลับไปก็จะนำเรื่องไปเชื่อมโยงกับท่านรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยดูแลในเรื่องของ มอก.ที่ตรงกับแผ่นยางที่ผลิตตรงนี้ได้เลย ซึ่งจะเป็น มอก.ที่มีมาตรฐานสูงกว่าที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เข้าใจว่าคงใช้เวลาไม่มากนักประมาณ 1-2 เดือน หลังจากนั้น ก็จะสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มที่

ทางกระทรวงวิทย์ฯ ก็มีกรมวิทยาศาสตร์บริการ ซึ่งสามารถร่วมมือกับ ม.อ.ได้ในการที่จะให้ความเชื่อมั่นว่าการทดสอบได้มาตรฐานตามที่ห้องปฏิบัติการ ทางห้องปฏิบัติการก็ต้องมีมาตรฐาน ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์เป็นคนให้มาตรฐานแก่ทางห้องปฏิบัติการก็จะช่วยตอกย้ำความมั่นใจว่าสิ่งที่ผลิตที่โรงงานนี้เป็นของที่มีคุณภาพจริงๆ

อีกอย่างหนึ่งทางเราก็จะมีการร่วมมือกันต่อ ถ้าหากเครื่องจักรในโรงงานแห่งนี้เกิดจะต้องไปผลิตสินค้ายางประเภทอื่นๆ เราจะปรับเปลี่ยนออกแบบเครื่องจักรแล้วก็ดัดแปลง เพื่อที่จะทำให้ตลาดกว้างขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้ก็เช่นเดียวกันก็ต้องทำงานทั้ง 3 ส่วนก็คือ ส่วนทาง ม.อ.ในฐานะฝ่ายของวิชาการท้องถิ่น และก็ทางส่วนของกระทรวงวิทย์ฯ ในฐานะเทคโนโลยีที่มีความหลากหลาย และก็ส่วนของทางสหกรณ์ฯ ทาง จ.สตูล กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ต้องใช้เวลาในการคุยเรื่องนี้มาก

 
ส่วนในเรื่องการตลาดจะต้องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราอาจจะอยู่ที่ตลาดภาครัฐ แต่ต่อๆไปเมื่อมีความเข้าใจมากขึ้นแล้วก็คงจะเป็นตลาดระดับประเทศ แล้วก็ทางส่งออก รวมทั้งสิ่งที่ทางรัฐบาลสนับสนุนมากในรอบปีที่ผ่านมาก็คือ เรื่องการสร้างนวัตกรรม ผมก็หวังอย่างยิ่งความร่วมมือ 3 ส่วนจะก่อให้ทางโรงงานแห่งนี้มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นในอนาคต

อีกประการหนึ่งในปีนี้ทางรัฐบาลก็จะส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ในการสร้างประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นของ หรือเป็นความคิดก็ได้ ในอนาคตเราเริ่มมองเห็นว่าการประกอบการใหม่อาจจะมีความเสี่ยงสูงสักหน่อย แต่เมื่อสำเร็จ ถ้าหากสำเร็จมูลค่าเพิ่มสูงมาก ตรงนี้ก็เป็นอีกมุมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน