คืนความสุขต่อเนื่อง คสช. ให้คงภาษีเงินได้ - แวตอัตราเดิมอีกปี พร้อมเห็นชอบ รฟม.- บีเอ็มซีแอล ตรึงค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน 16-40 บ. ต่อไปถึงเดือน ต.ค. นี้ ให้ 11 ส.ค. เป็นวันหยุดเพิ่ม กระตุ้นท่องเที่ยว เคาะงบ 4.8 พันล้านเอาใจชาวนา คลอดโครงการลดดอกเบี้ย - ปล่อยสินเชื่อ อัดฉีด 300 ล้านชดเชยดอกเบี้ยให้โรงสี เผย “ประยุทธ์” หวานชวนภาคเอกชนเกาหลีใต้ลงทุนในไทย ยันไม่จับคนขายหวยเกิน 80 บาท แจงสั่ง “กองสลาก-ตำรวจ” ระงับการจับกุมแล้ว เล็งปรับระบบการสลากในระยะที่ 2
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการประชุม คสช.ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 4/2557 ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาในส่วนของการขยายระยะเวลาการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อไปอีกเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งถือเป็นมาตรการด้านการคลังที่สำคัญ ในการช่วยเหลือให้เศรษฐกิจของประเทศไทยฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 ผ่านการบริโภคและการลงทุน โดยกระทรวงการคลังยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ซึ่งใช้เป็นกรอบในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558
นพ.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า มาตรการดังกล่าวประกอบด้วย 1. ให้จัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 7 ขั้นอัตราตั้งแต่ร้อยละ 5-35 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 57 ถึง 31 ธ.ค. 58 เพื่อความสมดุลและเป็นธรรม โดยให้ผู้มีรายได้น้อยชำระภาษีน้อย ส่วนผู้มีรายได้มากควรชำระภาษีมาก 2. ให้จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล รอบบัญชีที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 58 แต่ไม่เกินวันที่ 30 ธ.ค. 58 ในอัตราร้อยละ 20 เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจภาคเอกชนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และ 3. ในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มให้คงการจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 57 ถึง 30 ก.ย. 58 เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชน และลดภาระค่าครองชีพ
- ตรึงค่าโดยสารรถไฟใต้ดินถึง ต.ค. 57
นพ.ยงยุทธ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการเจรจาระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กับคู่สัญญา บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเอ็มซีแอล ในการยืดระยะเวลาการปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อให้เหมาะสม สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและแบ่งเบาภาระของประชาชน โดยให้ยังคงอัตรา 16-40 บาทตามเดิม ไปจนถึงเดือน ต.ค. 57 ก่อนที่จะใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ 16-42 บาท ตามข้อกำหนดในสัญญาโครงการระบบรถไฟฟ้ามหานคร ที่ต้องดำเนินการปรับอัตราค่าโดยสารทุก 2 ปี โดยผลการประชุมคณะกรรมการ รฟม. ครั้งที่ 16/2556 ได้มีมติอนุมัติค่าโดยสารใหม่แล้ว และให้ใช้อัตราต่อไปเป็นระยะเวลา 24 เดือน
- เพิ่ม 11 สิงหาฯ หยุดราชการเพิ่ม กระตุ้นท่องเที่ยว
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในกรณีพิเศษถึงความเหมาะสมในการให้วันที่ 11 ส.ค. 57 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติม เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติ รวมทั้งให้ประชาชนได้มีโอกาสใช้ช่วงเวลาวันหยุดต่อเนื่องอย่างมีความสุข
- คลอดโครงการลดดอกเบี้ย-ปล่อยสินเชื่อเอาใจชาวนา
นพ.ยงยุทธ กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/58 ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เสนอหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งมีมาตรการเร่งด่วนต่างๆ 3 แนวทางด้วยกัน ได้แก่ การสนับสนุนแหล่งเงินทุน การส่งเสริมการตลาด และการส่งเสริมการมีส่วนร่วม รวมวงเงินงบประมาณดำเนินการทั้งหมด 4,804.1 ล้านบาท ซึ่งได้มีการอนุมัติไปแล้วในการประชุม คสช. ครั้งที่แล้วจำนวน 376 ล้านบาท สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2557
นพ.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมวันนี้ ได้เห็นชอบโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/58 งบประมาณในวงเงินไม่เกิน 2,292 ล้านบาท โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร งบประมาณวงเงินไม่เกิน 700 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2557/58 งบประมาณราว 1,100 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่าย งบประมาณภาครัฐ (คตร.) เห็นว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 3.57 ล้านราย และช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไม่น้อยกว่า 1 ล้านครัวเรือน จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบตามที่เสนอ นอกจากนี้ คสช. ขอให้มีการประเมินผลการดำเนินเพื่อกำหนดมาตรการในระยะยาวแบบยั่งยืน พร้อมมอบหมายให้กระทรวงการคลังติดตามและตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ และให้รายงานต่อ คสช.เป็นประจำทุกเดือน
นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ขอให้ คสช. พิจารณาเห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กีบผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกเพิ่ม ซึ่งเป็นการดำเนินการให้เกษตรกรขายข้าวเปลือกในราคาที่เหมาะสมได้ทันในฤดูกาลผลิตปี 2557/58 ที่จะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงเดือน ส.ค. นี้ อนุมัติวงเงินงบประมาณจำนวน 315 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณจัดหาแหล่งเงินที่ใช้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการโรงสีและผู้ค้าข้าวให้สามารถซื้อข้าวเปลือกในช่วงต้นฤดูในราคานำตลาดตันละ 100 - 200 ล้านบาท เพื่อเป็นการผลักดันผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดในปริมาณ 2 ล้านตัน เป็นระยะเวลา 3 - 6 เดือน โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี เมื่อ คสช. เห็นชอบแล้วก็มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้าโครงการ รวมทั้งการทำสัญญาให้รอบคอบ และรายงานผลการดำเนินงานต่อ คสช. ทุกเดือน
- อนุมัติงบฯ สร้างอาคาร รพ.พระมงกุฎเกล้า-จุฬาลงกรณ์ เรือนจำภูเก็ต พิพิธภัณฑ์พระราม 9
ด้าน น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษก คสช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณผูกพันธ์ข้ามปี 2557-2561 ให้แก่กองทัพบกในการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วงเงินประมาณ 2,600 ล้านบาท และอนุมัติงบผูกพันธ์ข้ามปี 2557-2559 โครงการก่อสร้างห้องวินิจฉัยอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ของกรมการทหารช่าง งบในการสร้างวงเงิน 1,738 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้อนุมัติงบประมาณจัดจ้างก่อสร้างเรือนจำ จ.ภูเก็ต แห่งใหม่ ตามแผนการจัดจ้างกรมราชฑัณฑ์วงเงิน 1.104 พันล้านบาท เพื่อทดแทนเรือนจำหลังเดิมที่มีสภาพเก่าและทรุดโทรม เนื่องจากสร้างตั้งแต่ปี 2444 มีอายุ 113 ปี
นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ว่า ที่ประชุม คสช. ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยโครงการพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เสนอขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารและชิ้นงานนิทรรศการพิพิธภัณฑ์พระราม 9 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 56 ในกรอบวงเงิน 1,800 ล้านบาท โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ มติครม.ที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ติดตามการใช้จ่ายและรายงานต่อคสช.เมื่อมีการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันแล้ว ทั้งนี้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เสนอข้อคิดว่า ต้องบคำนึงถึงการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับระบบขนส่งมวลชนไปยังพิพิธภัณฑ์พระราม 9 และสถานที่ใกล้เคียง ความคุ้มค่าของการลงทุน และภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต
- เผย “ประยุทธ์” ถกหอการค้าโสมชื่นมื่น
น.ส.ปถมาภรณ์ ยังได้กล่าวถึงผลการหารือของประธานหอการค้าสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) พร้อมด้วยกลุ่มนักธุรกิจเกาหลีใต้ ที่เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี โดยหัวหน้า คสช. ได้เชิญชวนนักธุรกิจเกาหลีใต้ ให้เข้ามาลงทุนในไทย และยืนยันจะเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ รวมไปถึงการดำเนินการโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมไปถึงการเน้นย้ำว่า ประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้ ยังเป็นมิตรประเทศกันมาโดยตลอด และหวังว่าจะช่วยยืนยันถึงความมั่นใจการลงทุนในประเทศไทยต่อประเทศอื่นๆ ด้วย
- ยันไม่จับคนขายลอตเตอรี่เกิน 80 บาท
ส่วน พ.อ.วินธัย กล่าวถึงการกำหนดราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ลอตเตอรี ตามนโยบายของ คสช. นั้นแนวทางปฏิบัติจะมีการตั้งจุดขายล็อตเตอร์รี่ในราคา 80 บาท โดยในกรุงเทพฯ จะอยู่ที่หน้าบริเวณสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในส่วนต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้กำหนดจุดขายเท่าที่ทำได้ไปก่อน ส่วนเหลือจะอยู่ที่กลไกของตลาด โดยจะพยายามให้ราคาลอตเตอรีไม่เกิน 90 บาท เพราะเนื่องจากกองสลากฯ มีภาระสัญญาผูกพันคงค้างอยู่กับผู้ได้รับอนุญาตอยู่เดิม แต่ในอนาคตหรือในระยะที่ 2 จะให้คณะกรรมการหาวิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้ราคาจำหน่ายอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ทั้งหมด โดยจะพยายามจัดโควต้าให้กับผู้ค้าระดับกลาง ระดับล่าง รวมถึงผู้ค้าคนพิการที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรให้มากขึ้น ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ โดยได้คำนึงถึงผู้ค้ารายย่อย กับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้สามารถมีรายได้เลี้ยงชีพได้อย่างเหมาะสม และพอเพียงขณะนี้ทางคสช.มีความกังวลถึงผู้ค้าสลากรายย่อย เพราะมีพันธสัญญาเดิม จึงต้องใช้การขอความร่วมมือเป็นหลัก
“ที่วันนี้มีข่าวจะจับกุม ผู้ขายล็อตเตอรี่เกินราคา 80 บาท นั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง และไม่ใช่นโยบายของ คสช. ที่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ค้ารายย่อย จึงได้มีการประสานไปที่เจ้าหน้าที่กองสลากฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้ระงับการจับกุมหรือใช้มาตรการบังคับทางกฎหมายในห้วงเวลานี้ไปก่อน เพราะได้พิจารณาถึงสภาพที่เกิดขึ้น เนื่องจากระบบการขายเดิมจะให้ปรับราคาเลยทำได้ยาก ฉะนั้น ทั้งระบบจะต้องมีการบริหารจัดการใหม่ในช่วงระยะที่ 2” พ.อ.วินธัย กล่าว