xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” บูดแต่เช้า! เรื่อง รธน.-ประชามติ ขออย่าบิดเบือน ม.44

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีเปิดการประชุมวิชาการระบบขนส่งทางรางไทย เผยเองรำคาญข่าวรัฐธรรมนูญและประชามติไปด้วยกันไม่ได้ จำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ฝากทำอะไรอย่าเห็นแก่ตัวเอง มีอำนาจแต่ใช้ในทางที่ผิดก็ไม่ควรจะมี ลั่นคนยากจน เกษตรกร ต้องใช้รถไฟฟ้าได้ พร้อมสร้างชุมชนเมืองในชนบท แย้มใช้วิธีร่วมลงทุนกับเอกชน เตรียมเช็กบิลทุจริตทั้งประเทศ เตือนอย่าวิ่งเต้นเดี๋ยวรำคาญ อ้างผุดมาตรา 44 เรื่องอีไอเอทำให้ไม่สับสน ขออย่าบิดเบือน

วันนี้ (16 มี.ค.) ที่เวทีหลัก ลานชั้น 2 สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ สถานีมักกะสัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานการประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการอุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ครั้งที่ 2 เรื่อง “ผลิตชิ้นส่วนระบบรางอย่างไรให้ได้มาตรฐาน”ระหว่างวันที่ 16-17 มีนาคมนี้ จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมการประชุม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันดีๆ ของพวกเราทุกคน จากการที่ได้มางานในวันนี้ทำให้มีความสุข ถือว่าเป็นความสุขไม่กี่อย่างที่ตนมี ปกติเช้าขึ้นมาจะต้องอารมณ์ดีกัน แต่เช้านี้ก็มีเรื่องเข้ามาอีก ทั้งเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชามติ พอดีตนถูกอุ่นเครื่องมาตั้งแต่เช้า เราเองตั้งใจที่จะทำให้ดีที่สุด ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันและติดตามให้ทันว่าอะไรเป็นอะไร อย่างเมื่อเช้ามันก็น่ารำคาญ ยุงมันเยอะ คงเป็นยุงตัวเมียมั้ง เป็นยุงตอมดอกไม้ ยุงผลไม้ มันเยอะ เยอะทั้งยุง เยอะทั้งคน เยอะไปหมด คนเยอะกว่ายุง น่ารำคาญจริงๆ มันไปกันไม่ได้

ทั้งนี้ ประเทศของเรามีความจำเป็นจะต้องพิจารณาเรื่องการจัดทำยุทธศาสตร์เดินหน้าประเทศใหม่ ตนจึงได้บอกว่าเราจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ 20 ปี ไว้ และทุก 5 ปีเราต้องมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและแผนปฏิรูปที่เรากำลังทำกันซึ่งเราต้องมีกลไกที่จะทำให้เดินหน้าไปได้ในช่วง 20 ปี ทั้งนี้เป็นเรื่องที่สามารถปรับปรุงหรือเปลี่ยนได้ตลอดเวลาทุก 1 ปี หรือ 5 ปี เราก็มีคณะกรรมการที่จะต้องพิจารณา เพราะสิ่งที่เราวางไว้ในวันนี้ คืออนาคตซึ่งเป็นอนาคตของทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลพยายามวางระบบและสร้างการคมนาคมทุกอย่างให้เชื่อมโยงกัน จึงอยากจะบอกว่าให้เราทำอะไรอย่างเชื่อมโยง ไม่ใช่มองแค่ตัวเองหรืองานของตัวเองเท่านั้นโดยไม่คำนึงอย่างอื่น เพราะจะเป็นสิ่งที่อันตรายต่อประเทศ จากการที่ตนมีประสบการณ์เดินทางไปและพบปะกับผู้นำประเทศที่พัฒนาแล้ว ตนเห็นถึงความก้าวหน้าในเรื่องความคิดและยุทธศาสตร์ 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1. เพื่อประชาชน 2. พรรคการเมืองและคะแนนนิยมในการบริหารประเทศตามหลักการ และ 3. เพื่อยุทธศาสตร์ชาติ ตนจึงอยากให้ทุกคนคิดว่าจะทำอย่างไรให้สามอย่างมารวมกันให้ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ต้องกำหนดไว้ในการบริหารราชการแผ่นดินต่อ ไม่เช่นนั้นสิ่งต่างๆ ก็จะกลับมาเหมือนเดิม เราจะไม่เห็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและก้าวหน้า โดยวันนี้กี่ปีมาแล้วที่ระบบรางทั้งหมดมีกว่า 4,000 กิโลเมตร แต่กำลังจะเพิ่มเป็น 7,000 กิโลเมตรในปี 2565 รัฐบาลนี้คิดแบบนี้และยาวกว่านี้

“เราต้องคิดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปี แผนปฏิรูปและแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ รัฐบาลไหนเข้ามาก็ขอให้ทำตามแนวทางนี้ หากจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องดีกว่า แต่จะเปลี่ยนได้อย่างไรในเมื่อการเมืองเรายังไม่เข้มแข็งนัก ระยะนี้จึงมีความจำเป็นที่จะดำเนินการอะไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการเดินหน้าประเทศ นอกจากการดำเนินการในเรื่องของพรรคการเมืองอย่างเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมเข้ามา ต้องการทำแค่นี้ ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นทั้งสิ้น” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ที่ตนต้องพูดมาก ก็เพราะเพื่อทำความเข้าใจ ก็ขอให้อดทนในการฟัง จะง่วงบ้างอะไรบ้างแต่ก็จะพูดจนกว่าทุกคนจะหายง่วง ดังนั้น ถ้ายังมีคนง่วงอยู่ก็จะไม่เลิกพูด เราจะต้องพูดเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกัน ไม่ใช่อะไรอะไรก็พูดแต่ว่ามีอำนาจ หรือไม่มีอำนาจอยู่แบบนี้ ถ้าอำนาจมีแล้วไปใช้ในทางที่ผิดก็ไม่ควรจะมี แต่ถ้ามีอำนาจและใช้ในทางที่ถูกก็ปล่อยให้เขามีไปหน่อย ไม่ได้หมายถึงตน แต่หมายถึงใครก็ตามที่เขาอยากมีอำนาจ แต่อย่าลืมว่าอำนาจไม่ได้หากันมาได้ง่ายๆ ต้องทำทุกอย่างที่จะมีอำนาจในการบริหารงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่มีอำนาจเพื่อไปบังคับขู่เข็ญคน มันทำไม่ได้อยู่แล้ว

ทั้งนี้ วันนี้เราต้องทำทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และเชื่อมโยงด้วยระบบสาธารณูปโภค ก็จะทำให้ทุกอย่างเข้มเเข็ง ไม่ใช่มาบอกภาคนี้ภาคโน้น แล้วใช้การเมืองไปนำ ประเทศก็จะรวมกันไม่ได้ อยากให้ทุกคนกลับมาคิดตรงนี้ ใครจะรักใครชอบใครตนไม่ว่า จะเกลียดตนก็ไม่ว่า แต่อย่าเกลียดประเทศ อย่าเกลียดประชาชนของตัวเอง อย่าเเยกเขา เมื่อดูตรงนี้เเล้วก็ไปดูในกลุ่มจังหวัด ต่อไปที่อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ซึ่งมีความรับผิดชอบของเเต่ละหน่วยงาน มีงบประมาณ งบฯ ท้องถิ่นลงไปในส่วนนี้ ต้องทำให้สอดประสานกัน ไม่ใช่แต่ละหน่วยงานทำให้มากที่สุด

ตนอ่านจากสื่อเห็นว่ามีเเต่มาของบฯ จากรัฐทั้งหมด แล้วจะเอาเงินจากที่ไหน วันนี้เศรษฐกิจไทยลดลง 9.3 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ตนเป็นคนทำ แต่ต้องมองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ในอดีต แล้วถ้าทำวันนี้เพื่อเดินไปข้างหน้า ต้องแก้ปัญหาของเดิมด้วย ทุกอย่างพันกันมันก็ไปไม่ได้ จะหาวิธีการบริหารจัดการประเทศไม่ได้ ระบบขนส่งก็ไม่ได้ เราต้องทำเพื่อผลประโยชน์ที่เท่าเทียม

“เราต้องให้คนที่ยากจน เกษตรกร เข้าถึงและสามารถใช้รถไฟฟ้าได้ ไม่ใช่ใช้เฉพาะในกรุงเทพ เพราะประเทศไทยทั้งหมดคือประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ร้องเพลงชาติไทยกันทุกวัน ก็ยังรบกันทุกวัน เรามาจากหลากหลายเเล้วรวมกันเป็นประเทศ มันมีความภาคภูมิใจ ใครไม่ภาคภูมิใจก็แล้วเเต่ เรามาจากหลายเชื้อชาติ มาผสมผสานกันก็รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย วันนี้พอจะรวมกันได้ก็เเตกกันอีก ผมก็ไม่เข้าใจ ผมไม่ยอมอยู่เเล้ว ถ้าเเตก ผมก็จะรวมกันอีก ฉะนั้นต้องทำให้มีความร่วมมือกันให้ได้ อย่าหวงอำนาจ เพราะอำนาจคือของประชาชน ผมไม่ใช่นักการเมือง แล้วจะไม่ทำแบบนักการเมืองด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราต้องสร้างชุมชนเมืองในชนบทให้ได้ ไม่ใช่ไปสร้างเมืองใหม่ ให้อยู่รวมกัน จะได้ลดภาระในการทำสาธารณูปโภค วันนี้สวนยางขอไฟฟ้าไปทุกสวน เพื่อปั๊มน้ำรดสวนยาง แต่รัฐบาลให้ไม่ได้ ให้ได้เฉพาะสายไฟหลักส่ง แล้วเชื่อมต่อเข้าไป พอมีแบบนี้ ทุกคนก็ให้ไปทำพลังงานทดเเทน จะขายไฟฟ้าเข้ารัฐอย่างเดียวก็จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ต้องเฉลี่ยค่าใช้จ่ายไฟฟ้าทั้งประเทศ คนที่ไม่เกี่ยวข้องเขาก็เดือดร้อน มองให้มันหลายมุมหน่อย เพราะเราต้องรักษาความมั่นคงทางพลังงาน แบ่งเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ต้องเป็นพลังงานเสถียร เพียงพอ ปลอดภัย และสะอาด ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นพลังงานทดเเทน อย่างลม พลังงานแสงอาทิตย์ หากใช้ตรงนี้มากไป ก็จะทำให้โลกเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างกล่าวเปิดการสัมมนา นายกรัฐมนตรีได้ให้ผู้ร่วมรับฟังลุกขึ้นยืนแล้วยกมือขึ้นเหนือหัว หายใจเข้าออก 4 ครั้งแล้วเอียงซ้าย-ขวา เพื่อลดอาการง่วง หลังจากเห็นว่าผู้รับฟังรู้สึกง่วงและไม่สนใจการรับฟัง โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าได้นำแนวคิดแก้ง่วงมาจากประเทศญี่ปุ่น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์ประเทศว่า ถ้าเราร่วมมือกันแล้วไม่ขัดแย้งเราก็วางกรอบไว้ให้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว รัฐบาลต่อไปก็มารับต่อไป ทำเพื่อประเทศที่มาลงทุนจะได้เกิดความสบายใจ ทุกประเทศที่มาวันนี้ก็บอกว่าเราทำได้ดี มีเสถียรภาพและความมั่นคง แก้ปัญหาได้หลายอย่าง แต่สิ่งสำคัญเขาถามเราว่าจะรักษาสภาพนี้ไปได้เท่าไหร่ สิ่งนี้ทุกคนต้องช่วยกันมองอนาคตแล้วเลิกมองแต่ตัวเอง

ทั้งนี้ ตนอยากให้เราใช้เวลาที่มีอยู่พัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือผลิตคนให้ตรงตามความต้องการของประเทศ วันนี้หลายประเทศให้ความร่วมมือกับเราในการสนับสนุนการเรียนรู้ ต้องขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย โดยผู้นำในหลายประเทศก็ให้กำลังใจตนตลอด แม้ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ตาม แต่หลายคนก็มั่นใจว่าเราเดินไปข้างหน้าแน่นอน รวมถึงสนับสนุนตนให้ทำเดินหน้าไปได้อย่างเดียวเพื่อเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่เราพัฒนาร่วมกันในเรื่องระบบขนส่งทางรางให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้น โดยรัฐบาลมีนโยบายด้านการจัดทำยุทธศาสตร์ สาธารณูปโภคพื้นฐาน การขนส่งคมนาคมของประเทศให้เกิดความเชื่อมโยงอย่างแท้จริง การลงทุนด้านคมนาคมทั้งหมด ต้องคำนึงถึงคนโดยรอบด้วยว่า จะได้อะไรจากตรงนี้ โดยการพัฒนาอะไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงรัฐลงทุนอย่างเดียว แล้วก็เป็นหนี้สาธารณะ จึงต้องมีการลงทุนร่วม ในระหว่างที่เราพัฒนาเบื้องต้นนั้นก็ไม่มีกำไร ใครจะมาขึ้นรถไฟได้หากไม่ใช่คนกรุงเทพฯ หรือคนที่มีรายได้สูง

ทั้งนี้ เราต้องมองว่าคนในประเทศมีกี่ระดับ แต่ไม่ใช่แบบชนชั้นอย่างที่คนบางคนสร้างวาทกรรมไว้ เมื่อประชาชนมีรายได้ที่แตกต่างเราจะทำอย่างไรให้คนเข้าถึงทรัพยากรเหล่านี้ นั่นเป็นสิ่งที่ท้าทาย ซึ่งการสร้างรถไฟ ไม่ใช่สร้างแล้วจบ ขาดทุนหรือไม่ก็ไม่รู้จะแก้อย่างไรก็ไม่รู้ แต่จะขึ้นราคาอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องคำนวนว่าสองข้างทางจะได้อะไร ซึ่งปัญหาการเวนคืนตนถามว่าในประเทศประชาธิปไตยทำไมถึงทำได้ เพราะประชาชนเขาเรียนรู้ รวมถึงข้าราชการและรัฐบาลมีธรรมาภิบาลและคุณธรรมเพื่อชาติ เราเองเป็นส่วนหนึ่งในโลกใบนี้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การพัฒนาประเทศต้องเริ่มที่ภูมิภาค แต่ละภาคต้องรู้ว่าอะไรที่ตัวเองมีศักยภาพเพื่อที่เราจะได้ไม่พัฒนาอย่างซ้ำซ้อนเพื่อไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามมติของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในอีก 15 ปีต่อไปเพราะเราต้องเดินหน้าให้สอดคล้องกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างคิด ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนในเวทีโลก ไม่มีที่ยืน ไม่มีใครคบด้วย ตนเข้ามาไม่ได้เก่งกว่าใครแต่ก็พยายามศึกษาแนะนำอะไรที่ต้องใช้ในการขับเคลื่อนประเทศ

วันนี้รัฐบาลพยายามทำการใช้จ่ายงบประมาณรัฐให้คุ้มค้า ต่อไปนี้การพิจารณาต้องปรับแก้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการซ่อม พัฒนาต้องพิจารณาทุกมิติและบูรณาการร่วมกัน ไม่ว่าจะเรื่องน้ำหรือรถไฟทุกคนต้องทำงานร่วมกัน หากไม่เกิดการเชื่อมต่อเราจะไม่สามารถกำหนดอะไรกับใครได้เลย อย่าลืมว่าข้าราชการทุกคนต้องมีคุณธรรมจริยธรรมในการบริหารบ้านเมือง เพื่อชาติ ประชาชน วันนี้เราต้องคิดให้ไกลอย่าคิดเพียงแค่ตัวเอง ควรพอได้แล้ว เพราะถ้าคิดเพียงแค่นี้มันไปไม่ได้ วันนี้ประเทศเพื่อนบ้านเดินไปไกลแล้ว ถ้าเรามัวแต่ยิ้มสยามยิ้มตลอดอย่างนี้ก็คงสู้เขาไม่ได้ โดยเฉพาะ ยิ้มไปทะเลาะกันไป

“ผมพูดผมไม่อายใคร เพราะถือว่าผมพูดความจริง แล้วใครล่ะที่ทำให้เกิดขึ้น วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ประเทศพัฒนาล่าช้า เกิดขึ้นเพราะคนไทยยังร่วมมือกันน้อย วันนี้เราต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น แต่ถ้าไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร วันนี้เราต้องการทำทุกอย่างให้เกิดโครงสร้างที่ชัดเจนมากขึ้น แผนการลงทุนที่ชัดเจนมีการดูแลประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องแสวงหาความร่วมมือให้ได้ก่อนที่จะเกิดความขัดแย้งตนพูดกับทุกประเทศที่มาเจรจาไปแล้วว่า อย่ามัวแต่รอการเจรจาหรือการเจรจาทางเอสทีเอ วันนี้ไม่ต้องรอ ทั้งได้บอกถึงได้โยบายของรัฐบาลในการให้ความร่วมมือและสนับสนุน ซึ่งทุกประเทศก็พอใจ และจะรีบกลับไปดำเนินการ วันนี้อะไรที่เป็นประโยชน์ก็ขอให้ทำและทำให้ได้ ถ้ารัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายที่ชัดเจน มีเจตนารมณ์ที่ไม่ดี ก็คงทำไม่ได้ เพราะข้าราชการเค้าก็ทำงานแบบข้าราชการต้องระวังข้อกฎหมายต่างๆ วันนี้นโยบายรัฐบาลมีความชัดเจนดูแลในข้อกฎหมายระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัยสอดคล้องกับสากลสามารถทำได้ทั้งหมดเพียงแต่อย่ามีเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัวและการทุจริตคอร์รัปชั่น

“ผมยืนยันว่าตลอดระยะเวลาจากนี้ไป ผมจะเร่งรัดการตรวจสอบการทุจริตทั้งหมดทั้งระบบทั้งประเทศอย่าให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาดเพราะวันนี้เราถูกจับตามองในหลายหลายเรื่องว่าทำอะไร ยันว่าวันนี้ผมเข้ามาเพื่อจัดระเบียบประเทศทำให้ประเทศนี้ปลอดจากการคอรัปชั่นเพราะที่ผ่านมาประเทศไทยถูกกล่าวอ้างและมองว่าต้องใช้เงินทองตลอดเวลา เวลาผมไปต่างประเทศก็สงสัยเช่นกันว่าทำไมถึงมีการทวงโครงการต่างๆ มากมายว่าสัญญาแล้วทำไมยังไม่ทำหรือไม่ลงมือสงสัยว่ามีการจ่ายเงินเอาไว้บ้างหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ พลังงาน ไฟฟ้า โรงไฟฟ้า ทวงกันตลอดพอถามว่าทำไมถึงยังไม่ทำก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเพราะผมเข้ามาบริหารประเทศ เหตุผลเพราะผมปล่อยให้ทำทุจริตไม่ได้หรือมีข้อสงสัยก็ต้องให้เป็นเรื่องของศาลในการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ผมไม่สนใจทั้งสิ้น ผมต้องเคารพในหลักการคือความร่วมมือกันระหว่างประเทศ ไอ้ที่ทำได้ผมจะทำให้เพราะเรามีสัญญาเราเป็นประเทศที่รักษาสัญญาไม่ว่าผมจะเข้ามาอย่างไร ผมต้องรักษาสัญญาให้ได้มากที่สุด ขอให้เข้าใจผม เพราะฉะนั้นอย่ามาวิ่งเต้นอย่ามาอะไรกับผม เพราะผมรำคาญยืนยันอีกครั้งว่าทำอะไรได้ก็จะทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องไปว่ากันมา” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มอบนโยบายไปหมดแล้วว่าทำอย่างไรที่จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมาซื้อทุกอย่างโก้ทุกอย่างแล้วเป็นอย่างไร เงินหมดไปกับต้นทุน วันนี้เรากำลังพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในระดับภูมิภาคด้วย มีความร่วมมือระดับนานาประเทศ ทั้งนี้การลงทุนจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี พวกนักลงทุนจะเอาแต่ผลกำไร เอาแต่ประโยชน์ไม่ได้ ดังนั้นจะต้องสร้างแรงจูงใจ และความมั่นใจให้กลับเพื่อนประเทศต่างๆ ที่จะเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน ยืนยันว่าตนเองให้เกียรติทุกประเทศที่เป็นเพื่อนของเรา และจะให้น้ำหนักกับประเทศที่คิดจะโตไปกับเรา ซึ่งเราเองจะต้องปฏิรูปตัวเราทั้งหมดด้วย วิธีการบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องแก้ของเก่าทำของใหม่เพื่ออนาคต ที่สำคัญจะต้องไม่ลืมประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวชี้แจงถึงการใช้คำสั่งมาตรา 44 ที่ใช้ลดขั้นตอนตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) วันนี้รัฐบาลวางงบประมาณสำหรับโครงสร้างใหญ่ๆ 2 ล้านล้านบาท แต่ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ เพราะที่ผ่านมาไม่มีการทำงาน ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ จะเดินหน้าทำอะไรก็ติดข้อกฎหมายทั้งหมด ถูกเอ็นจีโอต่อต้าน ฉะนั้นต่อไปนี้การจะทำโครงการอะไร การทำสัญญาจะต้องมีเงื่อนไขการทำประชาพิจารณ์ จะต้องเดินไปด้วยกัน ขอยืนยันว่าการใช้มาตรา 44 ไม่ได้ใช้ในลักษณะให้เกิดความสับสน แต่ทำให้เกิดความมั่นคงทุกเรื่อง อย่ามาบิดเบือน เว้นแต่คนที่ไม่เคารพกฎหมาย ตนก็ต้องใช้กฎหมายกับคนพวกนี้ เพราะกฎหมายธรรมดาก็ไม่เคารพกัน ถ้าไม่ใช้กฎหมายจะใช้อะไร หรือจะต้องไปใช้ศาลไคฟง วันนี้ได้พูดในสิ่งที่อยากพูดแล้ว ที่ผ่านมาคนชอบทะเลาะกัน ไม่รู้จะตีกันไปทำไม ชอบทำตัวเป็นไก่ตรุษจีน ตีกันเองสุดท้ายก็ตายทั้งหมด สื่อก็แย่ในการเสนอข่าว




























กำลังโหลดความคิดเห็น