xs
xsm
sm
md
lg

“สมชัย” โล่งใจ กปปส.ออกจากพื้นที่ เตรียมจับสลากเบอร์ 26 ธ.ค.-สอบนายกฯทัวร์นกขมิ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง (ภาพจากแฟ้ม)
กกต.นัด 34 พรรคจับสลากเบอร์ 26 ธ.ค.นี้ ที่อาคารกีฬาเวสน์ “สมชัย” โล่งใจ กปปส.ยุติปักหลักหน้าสถานที่รับสมัคร ไฟเขียวรัฐระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าว มองเป็นโครงการต่อเนื่อง ประชาชนได้ประโยชน์ เบรกข้าราชการ กทม.ดูงานต่างประเทศ เตรียมตั้งคณะกรรมการไต่สวนสอบนายกฯทัวร์นกขมิ้น มองเป็นความปรากฏต่อ กกต.ได้ ขณะเดียวกันผู้มีสิทธิเลือกตั้งยื่นร้องได้

วันนี้ (24 ธ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม กปปส.ยุติการชุมนุมที่หน้าศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ว่า หลังจากนี้ กกต.จะแจ้ง 34 พรรคการเมืองที่มาลงทะเบียนก่อนเวลาทำการในวันรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อวันแรกแต่ยังไม่ได้จับหมายเลขพรรคการเมือง เข้าจับสลากหมายเลขประจำพรรคการเมือง ในเวลา 09.00 น.วันพฤหัสบดีที่ 26 ธ.ค.นี้ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ส่วนที่ไม่ให้จับสลากในวันที่ 25 ธ.ค.เลยทันที เนื่องจากหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ อาจอยู่ต่างจังหวัด ทำให้ กกต.อาจประสานพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ทัน หากรีบเกินไปอาจเกิดข้อบกพร่องได้ เพราะถึงอย่างไร กกต.ต้องจับสลากหมายเลขพรรคการเมืองภายในกรอบเวลาการรับสมัครอยู่แล้ว ดังนั้น การจับสลากในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ น่าจะเกิดความเรียบร้อย หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เปลี่ยนใจมาอีก อย่างไรก็ตาม รู้สึกพอใจที่กลุ่ม กปปส.ยุติการชุมนุมที่บริเวณดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้ยังมีกระแสคัดค้านการเลือกตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งกระบวนการเลือกตั้งก็ยังมีอีกหลายขั้นตอน จึงหวั่นเกรงว่าการขัดขวางการเลือกตั้งอาจจะเกิดขึ้นได้อีก

มีรายงานจากอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ว่า วันนี้เป็นการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ วันที่สอง เมื่อมีการปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์จน กกต.ไม่สามารถเปิดสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ ทำให้ในวันนี้มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ดินแดง เพื่อแสดงความประสงค์ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ถือเป็นพรรคการเมืองที่ 35 คือพรรคประชาธรรม

ด้าน นายภุชงค์ นุตราวงศ์ แถลงภายหลังการประชุม กกต.ว่า ขณะนี้ทราบว่า กปปส. ได้ออกจากหน้าศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง แล้ว ถือเป็นข่าวดี ที่ทำให้ กกต.ได้ทำงาน และเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ โดย กกต.ขอขอบคุณกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถอนกำลังออกไป ซึ่งวันที่ 25 ธ.ค.นี้ เจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. กว่า 200 จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ก่อนเวลา 08.30 น.เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์และเตรียมความพร้อมรอรับผู้สมัคร เนื่องจากภารกิจของ กกต.ยังคงต้องดำเนินการต่อไปในการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในวันที่ 23-27 ธ.ค.ส่วนเรื่องการตรวจสอบเอกสารของผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้ง 35 พรรคนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อทั้ง 125 คนของแต่ละพรรคส่งผู้สมัคร ที่สำคัญต้องตรวจสอบว่าลายเซ็นที่เซ็นรับรองมาเป็นลายเซ็นของหัวหน้าพรรคจริงหรือไม่ รวมทั้งสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนการจับสลากหมายเลขประจำพรรคนั้น กกต.จะมีมติในการประชุม กกต.วันพรุ่งนี้ว่าจะเป็นวันเวลาใด

นอกจากนี้ ในการประชุม กกต.วันนี้ได้มีการหารือในประเด็นที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 เมื่อคณะรัฐมนตรีพ้นไปทั้งคณะ และพระราชกฤษฎีกายุบสภา กำหนดวันเลือกตั้ง การที่ ครม.และส่วนราชการอื่นๆ จะกระทำการใดๆ ต้องมาให้ กกต.ให้ความเห็นชอบก่อน โดยวันนี้ กกต.ได้หารือในส่วนของ กทม.ได้ขอหารือเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรมศึกษาดูงานทั้งภายในและต่างประเทศ ของข้าราชการ กทม. ส.ก. ส.ข.และบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องนั้น โดย กกต.พิจารณาแล้ว เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเกรงว่าจะเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัครได้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงของพระราชกฤษฎีกา กกต.จึงขอให้งดเว้นโครงการดังกล่าวไปก่อน เพื่อถือเป็นแนวทางปฏิบัติกับทุกฝ่าย แต่ถ้าหากเป็นการศึกษาดูงานของนักศึกษาหรือสถาบันต่างๆ เช่น วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้

ส่วนที่หารือว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รัฐมนตรีจะไปเปิดงาน เปิดนิทรรศการต่างๆ กกต.มีความเห็นว่า การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แต่จะต้องระวังระมัดที่จะส่อไปในทางการหาเสียงและจูงใจ นอกจากนี้ยังได้การหารือของกระทรวงพาณิชย์ การบริหารจัดการสินค้าการเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง การจำหน่ายระบายสินค้าการเกษตรที่อยู่ในสต๊อก และการเดินทางไปราชการในต่างประเทศของ รมว.และ รมช.พาณิชย์ เกี่ยวกับสินค้าการเกษตร การเจรจาซื้อขายสินค้าการเกษตร กกต.เห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินการโครงการที่ต่อเนื่อง หากเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย ก็ดำเนินการได้ แต่กรณีที่ รมว.และ รมช.จะเดินทางไปต่างประเทศ ขอให้ระมัดระวังว่าจะมีผลผูกพันกับรัฐบาลชุดต่อไปหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีการร้องเรียนและนำมาโจมตีในภายหลังได้

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ลงตรวจพื้นที่ไปต่างจังหวัดนั้น เป็นการหาเสียงหรือไม่ นายภุชงค์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้มีประชาชนยื่นร้องเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ที่ฝ่ายกฎหมายของสำนักงาน กกต.ที่กำลังตรวจสอบเอกสารในคำร้องที่ยื่นเข้ามา และจะต้องมีการเชิญผู้ร้องมาให้ข้อมูลเพื่อยืนยัน ซึ่งตนและ กกต.ทั้ง 5 คน ยังไม่เห็นในรายละเอียด ยังตอบไม่ได้ ทั้งนี้เชื่อว่า ข้าราชการการเมืองจะต้องมีการระมัดระวังทุกคน และอยากให้ระมัดระวังในการใช้ทรัพยากรของทางราชการ เช่น การใช้งบประมาณ รถยนต์ เครื่องบิน ด้วย

“ถ้าจำกันได้ในอดีตเมื่อหลายปีก่อน มีอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งเคยถูกร้องว่าใช้เครื่องบินของทางราชการในการไปหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ก็ต้องใช้เวลาเป็นปีในการพิจารณา” นายภุชงค์ กล่าว

รายงานข่าวจาก กกต.แจ้งว่า สำหรับกรณีนี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการประชุมพิจารณากรณีพรรคเพื่อไทยขอหารือมายัง กกต.ว่า เมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ว และจะมีการรับสมัครนายกรัฐมนตรีจะสามารถเดินสายตรวจราชการได้หรือไม่ หรือจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ซึ่งด้านสำนักงานก็ได้เสนอให้ กกต.ทราบว่าแนววินิจฉัยที่ กกต.เคยตอบไปทุกครั้งก็จะเป็นการตอบในลักษณะกลางๆ ว่า หากเป็นการเป็นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้ แต่ขอให้ระมัดระวังการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการใช้หน้าที่ราชการเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่า มี กกต.คนหนึ่งก็ได้ยกประเด็นขึ้นหารือ โดยมองว่าการตอบข้อหารือในลักษณะดังกล่าวไม่ชัดเจน รวมทั้งขณะนี้ปรากฏทางสื่อโดยทั่วไปว่านายกรัฐมนตรีมีการเดินสายในพื้นที่ภาคอีสาน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกร้องผ่านสื่อให้ กกต.ตรวจสอบ กกต.จะสามารถหยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นพิจารณาเป็นความปรากฎได้หรือไม่

ด้านสำนักงานก็ได้ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาจะต้องมีผู้ร้อง กกต.จึงจะหยิบขึ้นมาพิจารณา แต่ทั้งกฎหมายก็เปิดช่องให้ กกต.พิจารณาได้หากเห็นว่าความปรากฏ ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้สำนักงานไปพิจารณาเสนอแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาเพื่อดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วนำมาให้ กกต.พิจารณาในการประชุมวันที่ 31 ธ.ค.ซึ่งเมื่อมีการยื่นร้องของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้ามา จึงเป็นไปได้ที่สำนักงานจะได้มีการเสนอเรื่องการตั้งคณะกรรมการไต่สวนไปให้ กกต.พิจารณาควบคู่กับการมีผู้ยื่นร้องกล่าวหานายกรัฐมนตรี ซึ่งก็จะทำให้เรื่องดังกล่าวมีผู้ร้องชัดเจน


กำลังโหลดความคิดเห็น