“คู่ละ 80 บาท” ห้ามขายราคาเกินกว่านี้! นี่คือมาตรการล่าสุดที่ออกมาจาก “คสช.” ซึ่งต้องการให้เริ่มตั้งแต่ งวดวันที่ 1 ก.ค.ที่จะถึง เล่นเอาพ่อค้าขายสลากฯ ทั้งรายใหญ่-รายย่อยขนลุกขนพองกันเป็นแถว บ่นให้แซด “เป็นไปไม่ได้! จะเอากำไรมาจากไหน?”
ฝากบอกทหารให้ไปจัดการต้นตอ “5 เสือ” ผู้ทำให้หวยแพง ผุดเรื่องราวเต็มไปด้วยวาระซ่อนเร้น หรือนี่จะเป็นการรื้อระบบคอร์รัปชันครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเมืองไทย!?!
ผู้ค้าโวยลั่น วอนจัดการ “ต้นตอหวยแพง”
“พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เหตุใดราคาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงอยู่ที่คู่ละ 100-110 บาท แทนที่จะเป็นราคาคู่ละ 80 บาท ถ้าพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมามีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องยกเลิกทันที ต้องนำผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นเข้าสู่ระบบ เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศต่อไป
ถ้าพบว่าปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงเกินราคาที่กำหนดไว้ เป็นเพราะพ่อค้าคนกลางที่มารับสลากกินแบ่งรัฐบาลไปขายให้กับผู้ค้ารายย่อย จนส่งผลให้ราคาสลากฯ สูงขึ้น ก็ต้องไปดูที่ระเบียบว่าการกระทำดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ ถ้าหากพบว่าไม่ถูกต้อง จะให้ดำเนินการกับพ่อค้าคนกลางตลอดจนผู้ค้ารายย่อยต่อไป ถ้าในระเบียบไม่ได้ระบุเรื่องมาตรการลงโทษผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาเอาไว้ ก็อาจจะต้องมีการแก้ไขระเบียบใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้น”
นี่คือนโยบายล่าสุดที่สั่งตรงมาจากทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านการบอกเล่าอย่างเป็นทางการของ “พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์” ปลัดกรมบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด น่าจะเริ่มรื้อระบบราคาผิดเพี้ยนของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ให้กลับมาสู่ราคา “80 บาท” ทุกแผงทั่วไทย เริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 1 ก.ค.57 ที่จะถึงนี้
เมื่อมีนโยบายเร่งด่วนออกมาแบบนี้ พ่อค้าแม่ค้าผู้ยึดอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งรายใหญ่รายย่อยจึงเดือดเนื้อร้อนใจกันเป็นแถว และนี่คือหนึ่งเสียงจากคุณป้าวัย 60 ปลายๆ แม่ค้าผู้ตั้งแผงขายอยู่หน้าบริเวณสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่พูดถึงมาตรการขั้นเด็ดขาดของทาง คสช.ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ชี้ไม้ชี้มือแสดงอาการโมโหอย่างสุดขีด
“อยากจัดการเรื่องนี้เหรอ ไปจัดการกับพวกได้โควตามาจากกองสลากฯ นู่น ดูซิ “5 เสือ” มันจะยอมมั้ย เขาเป็นเสือใหญ่วงการนี้มากี่สิบปีแล้ว เงินมันจะทับหัวคนมาจัดการสิ คนมาจัดการจะใหญ่ไปกว่าเขาเหรอ?
นี่ไม่ใช่ป้าคนเดียวนะที่ขายไม่ได้ ดูสิ อีกเป็นล้านๆ คนก็ขายราคานี้ไม่ได้ ตอนรับมาก็เกิน 80 แล้ว จะให้มาขาย 80 ก็ขาดทุนสิ แล้วค่าเหนื่อย-ค่าเดินทางอีก จะเอาจากไหน ขายได้ 10 ใบ ได้ใบละ 5 บาท คิดถึงดูได้วันนึงไม่ถึง 50-60 บาท ป้าน่ะไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าให้เลิกขายก็ได้ ยังมีลูกมีหลานพอเลี้ยงดูได้ แต่คนที่เขามีครอบครัวล่ะ ยิ่งถ้าไม่ได้ทำกิจการอะไร นั่งขายลอตเตอรี่ มีลูกอีก 3 คน ถามหน่อย แบบนี้มันน่าฆ่าตัวตายมั้ย?
ยิ่งวันไหนขายไม่ดี ใกล้หวยออก ขายตอนบ่าย 3 โมง ขาย 3 ใบ 100 ยังไม่มีใครซื้อเลย งวดนี้ก็เหลือ 100 กว่าใบ ตก 9,000 กว่าบาท มีแต่ขาดทุน หมดไปเป็นแสนก็มี แล้วจะให้มาขาย 80 บาท ก็ให้ยกเลิกให้หมดดีกว่า พ่อค้าแม่ค้าไม่ต้องขายแล้ว ให้ไปซื้อที่กองสลากที่เดียวแล้วกัน!”
อยากได้ “80 บาท” ต้องรื้อระบบ!
ขณะนี้ ตามแผงยังคงขายราคาสูงกว่า 80 บาท
ถึงตอนนี้ เมื่อเดินสำรวจราคาที่ติดไว้ตามแผงยังระบุราคาที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดอยู่เลย คือแทนที่จะขายในราคาคู่ละ “80 บาท” แต่กลับกลายเป็น 85 บาทบ้าง 90 บาทบ้าง บางรายมีถึง 100 บาท นี่แค่แผงที่ตั้งอยู่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังแพงกว่าต้นทุนอยู่ไม่น้อย แล้วที่รับไปแล้วเดินเร่ขายตามที่ต่างๆ จะไม่เพิ่มราคาให้สูงกว่านี้อีกหรือ เกิดเป็นคำถามว่า จริงๆ แล้วพ่อค้าแม่ค้าประจำแผงเหล่านี้ ได้กำไรจากการขายกระดาษระบุตัวเลขแต่ละงวดกันเท่าใดกันแน่? และราคาต้นทุนมันอยู่ตรงไหน? เรื่องนี้มีคำอธิบายจากปากคำของผู้ค้าปลีกรายย่อยผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
“ราคาต้นทุนในตอนเบิกสลากฯ 1 ชุด ซึ่งมีจำนวน 100 ใบคือ 7,440 บาทต่อ 1 เล่ม พอมาขายต่อ ยี่ปั๊วที่เข้าไปรับโควตากับทางกองสลากฯ ก็มาขายในราคาเล่มละ 9,000 บาท แทนที่จะเอามาขายในราคาเล่มละ 8,000 บาท จะได้ตกใบละ 80 บาทตามราคาที่ควรจะเป็น แต่เขาไม่ขาย
บอกหัวหน้า คสช.เลยว่า คุณไม่ต้องไปหาส่วนต่างที่ไหน ไปจัดการตั้งแต่คนเบิกก่อนเลย คนที่มีโควตา โควตาไม่ได้ได้กันง่ายๆ เพราะเขาไม่ได้ให้กับประชาชนทั่วไป เพราะการส่งรายชื่อเรื่องตรวจสอบคุณสมบัติ ไม่ว่าจะตรวจสอบจริงหรือไม่จริง รู้แค่ว่ามีคนเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่จะได้รับโควตาจากกองสลากฯ
อันดับแรก กลุ่มคนที่ได้โควตา, อันดับที่สอง ยี่ปั๊ว, อันดับที่สาม ซาปั๊ว, ผมเป็นอันดับที่สี่ ซี้ปั๊ว และมีคนมาซื้อจากผม เพื่อเอาไปขายต่อทีละใบ แล้วประชาชนก็รับจากตรงนั้นไป ไอ้อันดับที่ 3, 4, 5 เนี่ย ได้กำไรทีละ 1-2 บาท แต่อันดับแรก คนที่ไปรับโควตามา 74.42 บาท แล้วเอามาขายใบละ 90 บาท มันเยอะมั้ยล่ะครับ
ผมเป็นผู้ค้าส่งรายย่อย ผมรับเขามา 9,200 บาท/เล่ม (ตกใบละ 92 บาท) ผมก็ต้องมาขาย 9,300 ผมก็ได้กำไรบาทเดียวนะ ขายหมด 1 เล่ม (100 ใบ) เท่ากับได้กำไร 100 บาท ถ้าขายไม่ออกจริงๆ ก็ขายเอากำไรแค่เล่มละ 50 บาท ทุกวันนี้ ผมก็ขายตามปกติ ใบละ 100 ถ้าออกกฎมาให้ต้องขายใบละ 80 เอาไว้ตำรวจมาจับก็ค่อยหนีเอา จับไม่ทันก็โดนปรับไป ผมขายสลากฯ ถูกต้องตามกฎหมาย
อันนี้เป็นการพนันถูกกฎหมาย หลวงเป็นคนทำ แต่ต้องขายเกินราคาเพราะคนที่รับโควตามาตั้งแต่แรกมันขายเกิน เป็นเรื่องผลประโยชน์ซึ่งมีมานานมากแล้ว พูดตรงๆ เรื่องนี้เกี่ยวกับ "มาเฟียถูกกฎหมาย" ถ้าจะมาจัดการเรื่องนี้ ให้กลับไปคุยกับกองสลากฯ ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมาไล่จับประชาชน เปรียบเทียบเหมือนเทปผีซีดีเถื่อนนั่นแหละครับ ทำไมจับต้นตอปั๊มแผ่นไม่ได้สักที แต่จับแผ่นขายริมถนนนี่จับจังเลย”
เผยกลไกโกงกิน “อภิสิทธิ์ชน” วงการหวย
จากคำบ่นของพ่อค้าและคุณป้าประจำแผง ทั้งสองคนพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า คนในวงการนี้รู้กันทั้งนั้นว่ามีอภิสิทธิ์ชนที่ได้โควตา หรือที่เรียกกันว่า “5 เสือ” เป็นผู้ฟันกำไรจนปั่นให้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด หลายคนคงสงสัยว่าใครคือ “ต้นตอหวยแพง” ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
เรื่องนี้ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เจ้าของงานวิจัยเรื่อง “เศรษฐกิจนอกกฎหมาย หวย ซ่อง บ่อน ยาบ้า” และ “เศรษฐกิจการพนัน” ซึ่งเป็นผู้ศึกษาวงการนี้มาอย่างยาวนาน มีคำอธิบาย
“ที่เขาเรียกกันว่า “5 เสือ” นั่น จริงๆ แล้วไม่ใช่ 5 เสือหรอกครับ มันคือ “3 เสือ” แต่ที่ดูแล้วมีหลายราย จริงๆ แล้วอยู่ในกลุ่มนี้หมด รายแรกเป็นอดีตทหารคนหนึ่งที่เข้ามาในยุคของพรรคเพื่อไทย และมีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ส่วนแบ่งไปเยอะ ส่วนอีก 2 ราย เขาได้ส่วนแบ่งตรงนี้มาตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษฎิ์ ตั้ง 50 กว่าปีแล้ว
ช่วงที่สำนักงานสลากฯ มาขายให้กับยี่ปั๊ว จะมีนักการเมืองมาขอส่วนแบ่งเพิ่ม ตรงนี้แหละครับ ทำให้ราคาที่ยี่ปั๊วเอามาขายต่อ ในราคาที่แพงกว่า 80 บาท พวกนักการเมืองเขาจะขอส่วนแบ่งจากทางยี่ปั๊วมาเป็นเงินก้อนครับ เป็นงวดๆ อย่างเช่น ทุก 3 หรือ 6 เดือน จะได้รับส่วนแบ่งไปทีหนึ่ง
โดยวิธีการที่เขาจะเรียกเงินตรงนี้ ส่วนมากพรรคการเมืองจะส่งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมาดูแล หรือบางทีอาจจะส่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มาดู แต่พวกนี้เขาจะไม่รับตังค์ด้วยตัวเองเพราะมันจะโจ่งแจ้งไป เขาจะตั้งคนของเขาคนนึงเข้าไปอยู่ในบอร์ดของสำนักงานสลาก เป็นคนที่ทำหน้าที่รับเงินแทนนักการเมือง ซึ่งอาจอยู่ในตำแหน่งสมาชิกบอร์ดหรือประธานบอร์ดก็แล้วแต่จะตกลงกัน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
ผู้ได้รับโควตา มักเหมาซื้อแบบ 1 เล่ม (มีชุดละ 100 ใบ)
นักการเมืองจะให้สัญญาณให้รู้ว่า ถ้ายี่ปั๊วอยากได้โควตาพิเศษซื้อสลากฯ ต่อนี่ จะต้องติดต่อกับใคร และสัญญาระหว่างยี่ปั๊วกับสำนักงานสลากฯ เขาจะทำกันแบบปีต่อปีเพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อนักการเมือง เวลาใครหลุดจากวงการเมืองไป คนใหม่มา ก็จะได้ทำสัญญากันใหม่ได้ง่ายๆ แต่กว่าจะตกลงกัน กว่าจะได้เซ็นสัญญากัน มันจะใช้เวลาประมาณ 6-7 เดือน เพราะฉะนั้น พอเสร็จสัญญา ก็ต้องเริ่มคุยกันด้วยสัญญาใหม่ เพราะฉะนั้น ใครไปใครมาในการเมืองก็จะได้เงินมาจากตรงนี้ทั้งนั้น
ถึงแม้ทางนักการเมืองจะไม่ได้เข้ามาเรียกอะไรเลย แต่ยี่ปั๊วเองเขาจะรู้งาน เขาก็จะเอาเงินไปให้ แต่ต้องมาตกลงกันว่าคุณต้องการฉลากเพิ่มอีกแค่ไหน กี่ชุด เขาจะไปจัดสรรเพิ่มใหม่มา ถ้านักการเมืองเป็นคนโลภมากก็จะขอให้ ผอ.สำนักงานสลากฯ ไปดึงจากตรงนั้นตรงนี้มาให้คนนั้นโดยจะขอเรียกเป็นเงินสด สรุป นักการเมืองที่ฮั้วกันตรงนี้ก็จะหิ้วเงินไปทีเป็นพันๆ ล้านต่อ 6 เดือน
นักการเมืองบางคนที่โลภมากอีก เขาก็จะตั้งเป็นสมาคมหรือมูลนิธิ ขอโควตาจากสำนักงานสลากฯ ไว้ เพราะถึงต่อไปในอนาคต เขาหลุดจากตำแหน่งไป เขาก็จะยังได้โควตาเงินจากตรงนี้เอาไว้ขายให้กับยี่ปั๊วต่อไป ลองไปดูรายชื่อคนที่ได้โควตาของสำนักงานสลากฯ ก็จะพบว่ามีชื่อมูลนิธิ มีชื่อสมาคมอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด ถ้าลองไปดูต่อตามแหล่งมูลนิธิ ส่วนใหญ่จะระบุว่าอยู่ตามจังหวัดต่างๆ แต่พอตรวจสอบดูแล้วปรากฏว่าอยู่ภายใต้สำนักงานเดียวกันหมดตั้งหลายมูลนิธิ-หลายสมาคม และกิจกรรมทั้งหมดที่เคยทำมาก็ไม่มีอะไร มีกิจกรรมเดียวที่เคยทำคือ ได้โควตาจากสำนักงานสลากฯ แล้วก็ขายโควตาเพื่อเอาค่านายหน้า ค่า Commision ไป
การที่จะทำให้สลากขายในราคา 80 บาทเนี่ย ถามว่าเป็นไปได้มั้ย เป็นไปได้นะครับ แต่ต้องใช้อำนาจบังคับยี่ปั๊วให้ยอมขาดทุน คือถ้ายี่ปั๊วยอมขาย 80 บาทคือเขาต้องขาดทุน แต่ก็ต้องถามว่าคุณอยากจะทำธุรกิจนี้ต่อไปอีกหรือเปล่า ถ้าอยากจะทำต่อในเส้นทางนี้ คุณก็ต้องยอมขาดทุนเพื่อให้ คสช. เขามีผลงาน
ตอนนี้ ไม่มีนักการเมืองมาขอส่วนแบ่งราคาส่วนต่างซึ่งเป็นกำไรของยี่ปั๊วแล้วนะครับ แต่ยี่ปั๊วเขาได้จ่ายเงินให้นักการเมืองไปแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้ทุกแผงขายให้ได้ 80 บาทจริงๆ ทางยี่ปั๊วก็ต้องรับภาระขาดทุนไป ซึ่งผมก็คิดว่ายุติธรรมนะ เพราะคุณก็กำไรมาตลอด วันนี้คุณก็ยอมรับภาระขาดทุนไปสักช่วงนึง แล้วก็ค่อยปรับตัวกันไปและทำให้เหลือ 80 บาททุกแผง ก็น่าจะทำได้ แต่อย่างที่บอกครับ แบบนี้ก็จะทำได้แค่ช่วงนึง เป็นราคา 80 บาทแบบไม่ยั่งยืน”
รื้อบอร์ดสำนักงานสลากฯ เพื่อ “ความยั่งยืน”
สั่งให้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา 80 บาท ในตอนนี้สามารถทำได้ แต่ถ้าทาง คสช.อยากจะให้ราคานี้คงอยู่ตลอดไป เพื่อมอบความสุขให้แก่ประชาชนไทยได้อย่างยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญอย่าง รศ.ดร.สังศิต แนะนำว่าต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของตลาดไปเลย
หนักใจกับราคาที่เปลี่ยนไป จนตั้งตัวไม่ทัน
“ตอนนี้สภาพของตลาดยังเป็นตลาดผูกขาด ซึ่งผูกขาดโดยการขายผ่านล็อตตารีเพียงอย่างเดียว ถ้าประชาชนอยากหาเบอร์ที่ตัวเองต้องการแล้วหาไม่ได้ เขาก็จะหันไปเล่นหวยใต้ดิน เพราะฉะนั้น หวยใต้ดินก็คือ “คู่แข่งแบบไม่เปิดเผย” ของลอตเตอรี่ ดังนั้น สิ่งที่ คสช.ควรจะทำก็คือ ทำตลาดแข่งขัน ทำสินค้าที่ทดแทนลอตเตอรี่ได้ คือถ้าสมมติซื้อลอตเตอรี่แล้วไม่ได้เบอร์ที่ถูกใจ ถ้าประชาชนมีทางเลือกอื่น เช่น ไปซื้อ "สลากออนไลน์" ได้ ก็จะทดแทนกันได้
ถ้าจะทำให้ราคาสลากกินแบ่งฯ คงที่อยู่ที่ 80 บาทแบบยั่งยืน จะต้องทำให้สภาพตลาดเป็นตลาดที่มีการแข่งขันเกิดขึ้น ทำให้เวลาคนขายขายลอตเตอรี่แพงกว่าราคาที่ควรจะเป็น ประชาชนก็จะมีทางเลือก มีสินค้าทดแทน ไปซื้อสลากออนไลน์แทน ถามว่าถ้าทำแบบนี้แล้วสำนักงานสลากฯ เสียหายมั้ย ไม่เสียหายนะครับ เพราะเขาเป็นเจ้าของสินค้านี้ทั้ง 2 ตัว ถึงอีกตัวจะขายดีหรือไม่ดี ยังไงสำนักงานสลากฯ เขาก็ได้กำไรอยู่วันยังค่ำ”
จริงๆ แล้ว “ตู้หวยออนไลน์” เคยทำมาแล้วในสมัย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ถูกยกเลิกไปเพราะผู้คัดค้านให้เหตุผลว่าเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนหันมาเล่นการพนันกันเยอะขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ อาจารย์สังศิตไม่เห็นด้วย
“จากที่ผมศึกษา ไอ้เกมแบบนี้ เด็ก-เยาวชนเล่นน้อย เพราะมันเป็นเกมที่รู้ผลแพ้-ชนะ ช้าเกินไป อย่างสมมติ ถ้าเราเล่นเสียวันนี้ เราอยากจะแก้มืองวดหน้า ก็ต้องรอไปอีก 15 วัน เด็กๆ ส่วนใหญ่เขาไม่มานั่งรอหรอกครับ อาจจะมี แต่ไม่เยอะหรอก และยิ่งคนรุ่นใหม่สมาธิสั้นด้วย ที่เยอะคือเขาต้องไปเล่นพนันฟุตบอล เพราะผลแพ้-ชนะมันเร็วกว่า คืนเดียวก็รู้ผล และคืนนึงหลายคู่ เพราะฉะนั้น การเล่นหวย 15 วันรู้ผล มันดึงเด็ก-เยาวชนได้ไม่เยอะอย่างที่กลัวๆ กันหรอกครับ”
ถ้าจะเอากลับมาทำ คงใช้เวลาวางระบบไม่เกิน 6 เดือนเพราะเคยทำมาก่อนแล้ว และถ้าจะให้ดี อาจารย์แนะนำว่าขอให้ทำควบคู่ไปกับการปราบทุจริตในบอร์ดผู้บริหารของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเสียด้วย จะได้ผลที่ยั่งยืนที่สุด
"ตอนนี้ ทาง คสช.อยากให้ทุกอย่างมาอยู่ในกลไกของราคา ไม่มีการกินค่า Commision มันต้องสุจริตตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้บริโภค-คนที่มาซื้อ ได้รับประโยชน์สูงสุด หลังจากที่เราถูกบิดเบือนราคามาโดยตลอด เพราะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง มันมาบิดเบือนกลไกของราคา ตอนนี้ คสช.ก็เลยอยากจะบิดมันกลับมาให้อยู่ในระบบที่ราคาที่ถูกต้องตามกฎหมายกลับมาทำงานได้จริง”
และถ้าอยากจะตัดกลุ่มคนที่รับผลประโยชน์ภายใน เป็นเนื้อร้ายที่ทำให้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลบิดเบี้ยวไปจากที่กฎหมายกำหนด แนะนำให้แต่งตั้งหรือเลือก ผอ.สำนักงานสลากฯ รวมทั้งบอร์ดทุกคนใหม่หมด แล้วเอานโยบายของ คสช.เข้าไปใช้
“ถ้าทาง ผอ.และบอร์ดบริหารมีความสุจริตและไม่กินตามน้ำ ก็จะแก้ปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นได้ครับ ที่สำคัญคือต้องแต่งตั้งคนดีเข้าไป คนเรา จะเป็น “คนดี” หรือ “คนไม่ดี” ก็จะวัดกันตอนที่มีโอกาสเข้าถึงผลประโยชน์นี่แหละครับ ว่ามีโอกาสแล้วคุณจะทำมั้ย ถ้าคุณไม่ทำ คุณก็ยังเป็นคนดีต่อไป แต่คนจำนวนมาก พอมีโอกาสมาถึงก็จะสูญเสียความดีไป
สุดท้าย ผมอยากให้ทาง คสช.ให้ความสนใจเรื่องการควบคุมการทุจริต ปรับปรุงกฎหมายของ กกต. (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง) และ ป.ป.ช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ให้สามารถจัดการกับนักการเมืองที่ทุจริตให้ได้มากขึ้น ผมว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุด และปรับปรุงกฎหมายของพรรคการเมือง ไม่ให้พรรคการเมืองเป็นสมบัติของนายทุนที่มาลงทุนทำธุรกิจการเมือง
คือถ้าพบว่าเป็นพรรคของนักการเมืองคนใดคนหนึ่งผมว่ายุบเลย หรือนักการเมือง 4-5 คนที่ร่ำรวยมารวมหัวกันมาตั้งพรรค ผมว่ายุบเลย ไม่งั้นพวกนี้ก็จะเอาเงินมาลงทุนซื้อเสียงกัน มันต้องมีกฎหมายที่ตรวจสอบว่าพรรคนี้คนจำนวนมากมารวมตัวกันมาทำประโยชน์ให้สังคม ไม่ใช่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754