xs
xsm
sm
md
lg

เตรียม 2 แสนชื่อยื่นคสช. รื้อบอร์ด แก้ปัญหา “หวยแพง”!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เดือดร้อนกันทั่วทุกแผง! เมื่อพ่อค้าขายสลากฯ ต้องขายให้ได้คู่ละ 80 บาท ห้ามเกินกว่านี้! ผลที่ได้คือขายไปก็มีแต่ขาดทุนยับ จึงรวมตัวล่า “2 แสน” รายชื่อเตรียมยื่นต่อ คสช. วอนให้รื้อบอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ต้นตอผู้ทำ “หวยแพง” ตัวจริง! ขออย่าหลงคำลวง แก้ปัญหาด้วย “หวยออนไลน์” เพราะมีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่เพียบ!!



แฉ “ต้นตอหวยแพง” ตัวจริง!
“ผมขอกล่าวหาดังๆ นะครับว่า สำนักงานสลากฯ คือจำเลยที่แท้จริงของข้อหาที่ว่า “ทำไมสลากฯ แพง” สำนักงานสลากฯ ดำเนินการโดยมุ่งหวังผลกำไร 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ความเสี่ยงที่ได้รับกลับเป็น 0 ถามว่ามันมีที่ไหนครับ คนที่เป็นผู้ผลิตที่ไม่แบกรับความเสี่ยงอะไรเลย มีที่ไหนครับสินค้าในโลกนี้ที่ทำแบบนี้ได้ แล้วเอาความเสี่ยงทั้งหมดไปให้ผู้รับสลากฯ ไปขาย เมื่อผู้ค้ารายย่อยรับความเสี่ยงไป แต่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ ก็ต้องหันไปซบรายใหญ่ เมื่อผู้ค้ารายใหญ่ซึ่งเป็นนักลงทุน ไหนเลยจะรับความเสี่ยงไว้เฉยๆ ก็ต้องเอาความเสี่ยงไปสร้างกระบวนการทำกำไรขึ้นมา จนทำให้สลากฯ แพงกว่า 80 บาทอย่างทุกวันนี้



อ.มณเฑียร บุญตัน อดีตสมาชิกวุฒิสภาและคณะกรรมาธิการวิสามัญ ผู้ศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการสลากฯ ในประเทศไทย ประกาศเอาไว้ด้วยเสียงดังฟังชัดในงานเสวนาปฏิรูประบบบริหารจัดการสลากกินแบ่งรัฐบาล “กองสลากทำหวยแพง!!... คสช.แก้อย่างไร?”

เมื่อพูดถึงราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือสูงกว่าคู่ละ 80 บาท ผู้อยู่ในแวดวงนี้มักจะโทษไปที่ “5 เสือ” ซึ่งรู้กันดีในหมู่ผู้ค้าด้วยกันว่าเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่จะได้รับโควตาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาต้นทุน คือคู่ละ 74.42 บาท (หวยเล่มหนึ่งมี 100 ใบ ตกเล่มละ 7,442 บาท) แต่ดันมาขายทอดตลาดในราคา 90 บาทขึ้นไป เมื่อยี่ปั๊ว (ผู้ค้าที่รับมาเป็นรายที่ 2) รับไปขาย จึงขายต่อไปในราคาบวกกำไรเพิ่มเข้าไปอีกเรื่อยๆ เป็นทอดๆ จนเป็นที่มาที่ทำให้ราคาสลากฯ ที่เห็นตามแผงทุกวันนี้สูงขึ้นๆ เรื่อยๆ โดยมีตั้งแต่ 90, 95 บาท จนถึง 100-120 บาท ยิ่งเลขสวยๆ ที่คอหวยอยากซื้อ ยิ่งโก่งราคากันแบบไม่ยั้ง

ทันทีที่ทาง คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ประกาศให้ทุกแผงต้องขายในราคาคู่ละ 80 บาท ตั้งแต่งวดแรกที่จะถึงนี้ (1 ก.ค.57) จึงทำให้หลายฝ่ายหันมาจับจ้องตาเป็นมัน หวังให้ คสช.ไปจัดการกับ “มาเฟียถูกกฎหมาย” ผู้ได้รับโควตาจากสำนักงานสลากฯ โดยตรงในราคาถูก แต่ดันมาปั่นราคาขายต่อจนตลาดปั่นป่วน



แต่ทาง “เครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก” และภาคีกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะต้นตอสลากฯ แพงที่แท้จริง ไม่ใช่มาเฟียถูกกฎหมายผู้ได้รับโควตาที่คนในวงการเรียกกันว่าเป็น “5 เสือ” แต่คือ “คณะกรรมการผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล” ต่างหาก เพราะนอกจากจะปล่อยปละละเลยให้ราคาสลากฯ สูงเป็นเวลานาน ยังนั่งๆ นอนๆ แล้วรอรับส่วนแบ่งจากสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมดที่ออกสู่ตลาด ซึ่งจะได้ทุกงวด งวดละ 3 เปอร์เซ็นต์โดยไม่มีขาดทุนแม้แต่นิดเดียว เพราะทางสำนักงานสลากฯ ได้ขายขาดให้ผู้รับโควตาไปหมดแล้ว

“ปัญหาของการมีคนบางกลุ่มได้รับโควตา หรือที่เรียกว่า “5 เสือ” พอพูดถึงเรื่องนี้ สำนักงานสลากฯ ก็จะตีโต้ตลอดเวลา บอกว่า 5 เสือ ได้ไม่เท่าไหร่หรอก ได้รายละ 20,000 ฉบับ ไม่เยอะ แต่รู้มั้ยว่าใน 5 เสือเองก็แตกออกเป็นลูกหลาน เป็นยี่ปั๊ว ตั้งเป็นบริษัทเพื่อไปรับโควตาตรงนี้อีกเยอะแยะ

ถามว่าสำนักงานสลากฯ ต้องรับผิดชอบมั้ย ดิฉันคิดว่าต้องรับผิดชอบ เพราะสำนักงานสลากฯ ซึ่งได้ผลตอบแทนโดยตรง ได้รับส่วนแบ่งอยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งสลากฯ ถูกผลิตออกมามากเท่าไหร่ สำนักงานสลากฯ ก็ยิ่งรวยมากเท่านั้น ใน 3 เปอร์เซ็นต์นี้ ทำให้มีรายได้มากกว่ารายจ่ายเยอะ ทางสำนักงานสลากฯ ก็จะชอบไปทำ CSR ทำบุญให้วัด แต่รู้มั้ยว่า CSR จริงๆ ขององค์กรคือ “การคุ้มครองผู้บริโภค” ซึ่งเขาไม่เคยทำเลย

ในเมื่อทางสำนักงานสลากฯ เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลให้เป็นผู้ที่ผลิตและจัดการเรื่องนี้ จริงๆ แล้วที่ถูกต้องคือ สำนักงานสลากฯ ต้องขายสลากเอง แบกรับภาระความเสี่ยงของสลากฯ ที่ออกมาแล้วขายไม่ได้เอง แต่ปรากฏว่าทางสำนักงานสลากฯ ใช้วิธีการขายขาด ให้คนอื่นขายแทน แถมยังไม่สนใจเรื่องราคา ถ้าสำนักงานสลากฯ สนใจและใส่ใจเรื่องราคาที่พุ่งสูงขึ้นของสลากฯ เขาจะสามารถสร้างกลไกต่างๆ ขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ได้ แต่ไม่เคยทำเลย และใช้วิธีง่ายๆ คือจัดสรรให้แก่รายใหญ่ๆ ผู้ได้รับโควตาไป ซึ่งจริงๆ แล้วเขาต้องเอาโควตาตรงนี้ไปให้ผู้ค้ารายย่อย แผงเล็กแผงน้อย คนยากคนจนให้เข้าถึงโควตามากกว่านี้”

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์เจาะลึกให้ฟัง ซึ่งสอดคล้องกับความคิดของ อ.มณเฑียร ผู้ศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการสลากในประเทศไทย ที่บอกเอาไว้ว่า

ต้นเหตุของสลากฯ แพงคือสำนักงานสลากฯ ครับ ปัญหายี่ปั๊ว-ซาปั๊วเป็นปลายเหตุ ผมคิดว่าถ้านักลงทุนที่ไหนเห็นช่องทางในการแสวงหากำไร เขาต้องกระโดดเข้ามาแน่นอน ผมไม่โทษเขาหรอกไม่ว่าจะเป็น “5 เสือ” หรือ “1,000 เสือ” เพราะถ้าสำนักงานสลากฯ ยังเป็นแบบนี้ ผลก็จะเป็นแบบเดียวกัน



รันทด... ผลกรรมของคนขายล็อตเตอรี่
เมื่อประกาศราคา 80 บาทออกไปแล้วว่าต้องขายให้ได้ทุกแผงทั่วไทยเพื่อแก้ปัญหามีนอกมีในให้ได้อย่างจริงจัง จึงก่อให้เกิดผลกระทบครั้งใหญ่ ซึ่งคงจะเป็นเรื่องดีหากผลกระทบเหล่านี้จะกระเพื่อมไปถึงต้นตอของปัญหาอย่างบรรดา 5 เสือ, ยี่ปั๊วผู้ได้รับโควตา หรือสำนักงานสลากฯ ได้บ้าง แต่ปัญหาใหญ่ในตอนนี้คือ ผลกรรมดันตกลงมาที่พ่อค้า-แม่ค้าขายล็อตเตอรี่ตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่หน้าแผงแทน

งวดล่าสุด หนูไปรับมาจากยี่ปั๊วก็ตกราคา 9,150 บาทต่อเล่มแล้วค่ะ (เล่มหนึ่งมี 100 ใบ ตกใบละ 91.50 บาท) เพราะฉะนั้น มันไม่มีวันที่เราจะขายในราคา 80 บาทตามที่ประกาศได้เลยค่ะ เพราะมันแพงมาตั้งแต่เรารับต่อจากเขามาแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ หนูขายใบละ 100 บาท แต่ถ้าเป็นหวยชุด จะขายตกใบละ 120 บาทค่ะ ซึ่งกำไรใบนึงจะตกอยู่ที่ 8-9 บาท แต่ก็ขายยากมากค่ะ กว่าจะได้กำไร 8 บาท หนูต้องอธิบายเยอะมาก บางท่านก็ซื้อ บางท่านก็ไม่ซื้อ บางท่านก็จะรอให้ 80 บาทก่อนแล้วค่อยซื้อ งวดนี้ ตั้งเอาไว้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม ขายได้แค่ 20 ใบ ยอดตกมากค่ะ


"รุ่งทิพย์" ตัวแทนผู้ขายลอตเตอรี่ที่เดือดร้อน

พวกเราผู้ค้ารายย่อยที่มากันในวันนี้ ไปขายแผงเล็กๆ น้อยๆ เราก็ต้องขายใบละ 100-110 บาท ลูกค้าไม่เข้าใจก็เรียกตำรวจมาจับ พวกหนูก็ให้จับ ไปเสียค่าปรับ ออกมาหนูก็ต้องมานั่งขายเหมือนเดิม ใบละ 100 บาท เพราะหนูไม่สามารถจะขายให้มันถูกกว่านั้นได้ หนูก็ต้องมีค่าครองชีพในแต่ละวัน แต่ละเดือน เราต้องใช้ไงคะ รับมา 91.50 บาท จะให้ไปขาย 80 บาท หนูนอนอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่าค่ะ

ตอนนี้ กลายเป็นว่าพวกหนูเป็นคนเอาเปรียบผู้บริโภค ถูกตราหน้า ถูกเรียกตำรวจจับ ที่น่าน้อยใจคือพวกหนูซึ่งเป็นผู้ค้ารายย่อย เป็นคนขายจริงๆ แต่กลับไม่มีโควตาและพวกหนูก็ไม่สามารถทราบได้ว่า สำนักงานสลากฯ เอาโควตาไปให้ใครหมด ซึ่งคนพิการบางคนลำบาก แขนขาด ขาขาด แต่มีโควตาเล่มเดียว เล่มเดียวมันดำรงชีวิตอะไรไม่ได้หรอกนะคะ เพราะขนาดหนูเป็นคนปกติครบ 32 ไปซื้อมาจากยี่ปั๊ว มาขาย ซื้อมา 10 เล่ม กำไรที่ได้หนูยังแทบจะไม่พอใช้เลย” รุ่งทิพย์ วิไลเลิศ ผู้ค้ารายย่อย เขตจังหวัดสมุทรปราการ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนปล่อยให้เพื่อนร่วมอาชีพซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตาบอกเล่าความในใจบ้าง

“พอประกาศออกมาแบบนี้ มันเกิดผลกระทบโดยตรงเลยครับ ลูกค้าถามแล้วเดินหนี บอกรอจะซื้อตอนสลากฯ 80 บาท แต่ผมซื้อมาจากสนามบินน้ำ ราคาที่ซื้อมามันก็ 91 บาทเข้าไปแล้วครับ ค่ารถไปกลับก็เกือบ 300 บาท เพราะผมต้องนั่งแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ออกจากหมู่บ้าน ต่อสองแถว มาต่อรถเมล์ แล้วก็ต่อสองแถวอีกที แล้วตาบอดด้วย กว่าจะมาถึง แล้วล็อตเตอรี่ก็ขายได้แค่ช่วงเช้ากับตอนเที่ยง เพราะเราขายอยู่ที่ศูนย์ราชการ มันกดดันนะ บางคนมายืนต่อว่าเราหน้าแผงด้วย ผมเลยบอกว่าให้ช่วยไปโทร.ร้องเรียนทางกองสลากฯ ให้เขาช่วยลดราคา เพราะโควตาผมก็ไม่มี ผมแทบจะร้องไห้ ต้องผ่อนบ้าน ลูกก็ยังต้องเรียนหนังสือ


 

หยุด “หวยออนไลน์” ไล่ “บอร์ดสำนักงานสลากฯ”
เมื่อมีประกาศออกมาจากทาง คสช.อย่างเร่งด่วนเรื่องปรับลดราคาสลากฯ เช่นนี้ จึงมีแนวทางการแก้ไขปัญหาผุดออกมาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในทันที โดยเตรียมไว้ 3 แนวทาง คือ ประการแรก เสนอให้มีการจำหน่ายสลากฯ ด้วยเครื่องจำหน่ายสลากฯ อัตโนมัติ (หวยบนดิน) หรือมีการตั้ง “ตู้หวยออนไลน์” โดยในช่วงแรกจะเปิดให้เล่นแค่แบบเลขท้าย 2ตัวและ 3ตัว ก่อน คาดว่าจะช่วยถ่วงดุล ทำให้ประชาชนมีทางเลือกนอกจากเสี่ยงโชคด้วยสลากฯ และน่าจะทำให้ราคาล็อตเตอรี่ถูกลงเหลือคู่ละ 80 บาทอย่างที่ต้องการ

ประการที่สอง เสนอให้เพิ่มหลักหมายเลขของล็อตเตอรี่ จากปัจจุบันมีเลขทั้งหมด 6 หลัก ให้เป็น 7 หลัก ซึ่งวิธีการนี้ ผู้ขายหรือเอเย่นต์จะรวบรวมเลขชุดได้ยากมากขึ้น ทำให้ลดปัญหาเรื่องขึ้นราคาเลขชุด เลขยอดนิยมที่คนนิยมซื้อ และประการที่สาม จะเชิญผู้ค้ามาหารือเพื่อลดราคาให้เหลือคู่ละ 80 บาท

เกี่ยวกับประเด็นนี้ ในฐานะผู้ค่ารายย่อย ผู้เห็นเพื่อนร่วมอาชีพเป็นคนพิการทางสายตา เมื่อพูดถึงการรื้อระบบเป็นออนไลน์ต่างๆ นานา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะบอกเล่าความความในใจที่แท้จริงออกมา

“ถ้าพูดถึงการเปลี่ยนระบบหรือให้มีหวยออนไลน์นะคะ หนูคนปกติ หนูขายได้ หนูอยากขาย แต่หนูถามคำนึง คนพิการ-ตาบอด จะให้เขาไปมัวแต่นั่งจิ้ม แล้วอาชีพคนพิการมันมีไม่เยอะอ่ะค่ะ เต็มที่คือ คนตาบอดสามารถร้องเพลง, นวดแผนไทย และขายสลากฯ ถ้าทางสำนักงานสลากฯ จะออกหวยออนไลน์ หนูถามคำเดียว คนตาบอดจะทำอะไรกินคะ ถ้าให้ทำอาชีพนวด แล้วพวกพี่จะไปนวดกันทุกวันมั้ย ให้เขาได้ค่านวดวันละ 300 บาท


หมดหนทาง ผู้พิการทางสายตา ผู้ยึดอาชีพขายลอตเตอรี่ จึงออกมารวมตัว

พวกหนูมีประสบการณ์แล้ว ปี 2546-2547 เนี่ย แค่หวยเขียน คนตาบอดเป็นหนี้กันเป็นล้านค่ะ เพราะตัวเองมีล็อตเตอรี่ ซื้อในราคาที่ถูกด้วยนะคะ แต่ไม่มีปัญญาขายค่ะ ซื้อมาแล้วก็ตั้งไว้อย่างนั้น คนซื้อก็ไม่ซื้อ มัวแต่ไปซื้อหวยเขียนกัน คนตาบอดก็ทุนจมค่ะ บางคนมีหนี้เป็นล้าน บางคนเสียบ้านเลยนะคะเพื่อที่จะขายสลากฯ เพราะฉะนั้น หนูขอเสนอแทนคนตาบอดเลยแหละ ถ้าออกหวยออนไลน์มา ตัดคอคนตาบอดแทนเลยค่ะ เพราะเขาไม่สามารถไปทำอาชีพอะไรได้เลย อาชีพคนตาบอดมันมีไม่กี่อย่าง”

พูดกันตรงๆ ธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก สรุปให้สั้นๆ ง่ายๆ ว่าข้อเสนอที่ทางสำนักงานสลากฯ เสนอมา เรียกว่าอาศัยช่วงชุลมุน คิดจะกอบโกยผลประโยชน์โดยการผลักดันให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง “หวยออนไลน์” หรือแม้แต่การเพิ่มหลักสลากฯ เข้าไปให้มีมากขึ้น ก็เพื่อให้สำนักงานสลากฯ มีกำไรเพิ่มขึ้น เพราะยิ่งมีสลากฯ อยู่ในตลาดมากเท่าไหร่ สำนักงานสลากฯ ก็จะยิ่งได้ส่วนแบ่งมากขึ้นเท่านั้น!!

เราคิดว่ามาตรการที่สำนักงานสลากฯ เสนอมา เป็น “มโน” ทั้งสิ้นทั้ง 3 ข้อ และเราตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการอาศัยช่วงชุลมุนเพื่อผลักดันสิ่งที่กองสลากฯ ต้องการ เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้จริงใจต่อการแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน แต่กลับอาศัยสถานการณ์นี้ผลักดันสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เกิด

ดังนั้น มาตรการระยะสั้นที่เวทีนี้อยากเสนอคือ เสนอให้ คสช.เปลี่ยนแปลงบอร์ดบริหารของสำนักงานสลากฯ เสียใหม่ โดยไม่ได้หวังแค่ปรับเปลี่ยนแค่ตัวบุคคล แต่เราหวังให้ปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดคณะผู้บริหารที่จะนำพาให้เกิดการปฏิรูปเป็นสลากเพื่อสังคม และสิ่งที่ คสช.สมควรจะทำอย่างยิ่งคือ การปรับรื้อระบบเรื่องการจัดสรรโควตาการจำหน่ายสลากฯ ทั้งหมด ให้โควตาการจำหน่ายสลากฯ มาสู่ผู้ค้ารายย่อยให้ได้มากที่สุด

ส่วนระยะต่อไป ทางเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลากจะผลักดันกฎหมายว่าด้วยเรื่อง พ.ร.บ.สำนักงานกินแบ่งรัฐบาล ให้กลายเป็น “พ.ร.บ.กิจการสลากเพื่อสังคม” เพื่อให้ชัดเจนว่าต่อไปนี้ การจำหน่ายลอตเตอรี่จะเป็นการนำเงินมาสู่การพัฒนาสังคม ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของคนเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป โดยขณะนี้ล่ารายชื่อได้ 200,000 รายชื่อแล้ว เตรียมเสนอ คสช. ให้เห็นว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ และนี่คือสิ่งที่ อ.มณเฑียร บุญตัน ฝากทิ้งท้ายเอาไว้

“ทำให้สลากฯ ไปสู่จุดสมดุล ใช้สโลแกนง่ายๆ คือ “โปร่งใส ไม่เกินราคา พัฒนาสังคม” อยากจะให้เสียงตรงนี้ดังไปถึง คสช.ครับ ถ้าปรัชญาแนวคิดของการมีสลากฯ เป็นไปเพื่อพัฒนาสังคม ต้องคืนไปสู่สังคมทั้งหมดครับถึงจะถูกต้อง เพื่อเอาไปจัดการลด-ละ-เลิก การพนัน ไปสร้างความเข้มแข็งให้ภาคประชาสังคม เพราะความเข้มแข็งภาคประชาสังคม เป็น 1 ใน 7 เสาหลักของประชาธิปไตย ในเมื่อเราอยากจะมีประชาธิปไตยสมบูรณ์ แต่ภาคประชาสังคมกลับอ่อนแอ มันเป็นไปไม่ได้!

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live


ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
เป็นไปได้หรือ? ขาย "80 บาท" รื้อระบบหวยแพง! ผลประโยชน์ตกที่ใคร? 

เสวนา กองสลากทำหวยแพง!!... คสช.แก้อย่างไร?
รุ่งทิพย์ ตัวแทนผู้ขายลอตเตอรี่ที่เดือดร้อน

ผู้พิการทางสายตา ผู้ยึดอาชีพขายลอตเตอรี่ หมดหนทาง








ผู้้รับชะตากรรม หวยแพง
กำลังโหลดความคิดเห็น