คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
พระครูกิตติวราภรณ์ กิตติญาโณ เดิมชื่อ ทวี ฤทธิรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๘๕ เป็นชาวพัทลุง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาศาสนาและปรัชญา จากมหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย จบนักธรรมเอก เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าลิไลยก์ ตำบลลำปำ อำ เภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๒ ตามความประสงค์ของ ท่านปัญญานันทภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ชาวพัทลุงเช่นกัน ให้มาพัฒนาวัดร้างในบ้านเกิดหลังสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุด และธุดงค์ข้ามแดนมาแล้ว
“ดร.ทวี” ของชาวบ้านเป็นพระนักพัฒนาที่มีผลงานโดดเด่นทางด้านการนำวัฒนธรรมท้องถิ่น ความเป็นเครือญาติ เป็นเพื่อนเกลอ และหลักธรรม “ปรมัตถวิสัยบารมี” มาใช้ในการบริหารจัดการ และการพัฒนาชุมชน เช่น การพัฒนาวัดป่าลิไลยก์ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางปัญญา การสร้างห้องสมุด “ทวีปัญญา” ให้แก่โรงเรียนวัดปากประ นำพระภิกษุ สามเณร ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ญาติธรรม องค์กรภาครัฐ และองค์กรเอกชนร่วมกันจัดสร้าง “ถนนพระ-ประชาทำ” ซึ่งเป็นถนนยกระดับเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศจากบ้านหัวป่า ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ถึงบ้านไสกลิ้ง ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ยาวกว่า ๗ กิโลเมตร ทำให้ย่นระยะทางเกือบ ๕๐ กิโลเมตร เป็นการนำความเจริญมาสู่เขตรอยต่อ ๓ จังหวัดคือ สงขลา-พัทลุง-นครศรีธรรมราช กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา และเป็นถนนสายประวัติศาสตร์ที่สร้างโดยพระ และประชาชน โดยไม่ต้องพึ่งพาบารมีของนักการเมืองในพื้นที่มากนัก มิหนำซ้ำยังถูกขัดขวางจากนักการเมืองบางคนด้วยซ้ำไป
พระครูกิตติวราภรณ์ กิตติญาโณ เป็นพระเถรานุเถระนักศึกษาทั้งในแง่การศึกษาทางศาสนา และการศึกษาทางโลก ตั้งใจศึกษาพระพุทธพจน์ แสวงหาความรู้จากพระไตรปิฎก สามารถใช้ภาษาได้หลายภาษา ได้ธุดงค์จาริกแสวงบุญเป็นเวลานาน ๖ ปี มีความเชี่ยวชาญทางภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมท้องถิ่น ถึงพร้อมด้วยวุฒิภาวะ พุทธิปัญญา จริยวัตร มีผลงานเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ
พระครูกิตติวราภรณ์ ได้รับอาราธนานิมนต์เป็นพระราชมัคคุเทศก์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้นำเสด็จไปยังประเทศอินเดีย เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เป็นคณะกรรมการอำนวยการสอบธรรมสนามหลวง เป็นคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานประจำจังหวัดพัทลุง เป็นพระอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศมายาวนานกว่า ๒๕ ปี และได้นิพนธ์หนังสือเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมหลายเล่ม เช่น ชุดธุดงค์ข้ามแดน เล่ม ๑-๖ ท่องไปในทานบุญสู่โลกลี้ลับทิเบต เหนือสิ่งอื่นใดในโลก ดอกไม้งามเก็บได้จากทุกศาสนา พบญาติพบธรรม ส.ค.ส.สุขภาพ เป็นต้น
พระครูกิตติวราภรณ์ ได้รับรางวัลกิตติคุณสังข์เงิน สาขาผู้เผยแผ่ศาสนาดีเด่นในต่างประเทศ รางวัล “คนดีศรีเมืองลุง” ติดต่อกัน ๒ วาระ และมหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิชาวัฒนธรรมศึกษา เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
พระครูกิตติวราภรณ์ มรณภาพด้วยโรคมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากการตรากตรำทำงาน ตากแดดตากฝน แช่น้ำเพื่อควบคุมการสร้างถนนพระ-ประชาทำ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ณ โรงพยาบาลจังหวัดพัทลุง
ชาวท่าออก หรือชาวระโนด โดยเฉพาะชาวทุ่งตะเครียะ มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติ และเกลอดองกับชาวท่าตก หรือชาวควนขนุน ทะเลน้อย พนางตุง แต่เส้นทางติดต่อระหว่างสองฝั่งต้องผ่านพรุนางเรียม และทะเลน้อยโดยทางเรือเพียงทางเดียว นอกจากต้องฝ่าคลื่นฝืนลมในหน้ามรสุมแล้วยัง ต้องเผชิญต่อสัตว์ร้าย เช่น จระเข้ งูเห่า และช้างแกลบ หรือช้างค่อม ชาวบ้านละแวกนี้จึงมีความฝันมานานว่าจะให้มีเส้นทางติดต่อที่มีความสะดวกสบายเหมือนท้องถิ่นอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง
ความใฝ่ฝันเริ่มเป็นจริง เมื่อ นายสุรใจ ศิรินุพงศ์ ส.ส.สงขลา เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้ใหญ่บ้านจวน ศิรินุพงศ์ คนทุ่งตะเครียะโดยกำเนิด ร่วมกับ ส.ส.พัทลุงอีก ๓ คน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ (นายวีระกานท์) นายโอภาส รองเงิน และ นายพร้อม บุญฤทธิ์ ลงนามในหนังสือเสนอ รมต.กระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายข่ายประจำปี ๒๕๓๑ ของบประมาณก่อสร้างถนนเชื่อม จ.พัทลุง กับ จ.สงขลา ด้วยเหตุผลว่า
๑) เป็นการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว
๒) เป็นการพัฒนาอาชีพการประมงน้ำจืด
๓) เป็นเส้นทางลำเลียงวัสดุก่อสร้างที่จำเป็น
๔) เป็นเส้นทางที่ประชาชน จ.สงขลา พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช สตูล มีโอกาสนำผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่ายได้สะดวก
๕) เป็นเส้นทางที่จะอำนวยความสะดวกในการพัฒนาทะเลสาบสงขลาให้บรรลุเป้าหมาย
ในที่สุดก็ได้รับงบประมาณ ๑๓๕ ล้านบาท ในการก่อสร้างถนนดังกล่าวเชื่อมระหว่างบ้านหัว
ป่า ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา กับบ้านปากประเหนือ ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ชาวบ้านพากันดีใจว่าจะมีถนนใช้ไม่เกินปี ๒๕๓๒ แต่ปรากฏว่า ลงมือสร้างจากบ้านปากประเหนือ มาได้ประมาณ ๖ กิโลเมตร ก็มีการคัดค้านจากนักการเมืองอีกฝ่ายที่คุมสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) ในสมัยนั้นว่า ให้มีการทบทวนความเหมาะสม โดยให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การดำเนินการจึงชะงักลงประมาณ ๒-๓ ปี งบประมาณดังกล่าวถูกคืนคลังไปในที่สุด แต่การเรียกร้องให้มีถนนดังกล่าวก็ยังคงมีอยู่ แต่นักการเมืองทั้ง ๔ ท่านหลุดจากตำแหน่งไป เพราะไม่ได้สังกัดยอดนิยมของคนใต้ ในสมัยต่อมา ที่เปลี่ยนหัวหน้าพรรคเป็นคนใต้ และชูประเด็น “สนับสนุนคนใต้เป็นนายกรัฐมนตรี” แบบภาคนิยม และมาประสบผลสำเร็จในการเลือกตั้งสมัยที่ ๒ ของปี ๒๕๓๕
ต่อมา พระครูศาสนการโกวิท (ท่านเล็ก) ชาวบ้านขาว เจ้าอาวาสวัดจาก เจ้าคณะอำเภอระโนด มาเป็นผู้นำในการดำเนินการสร้างถนนดังกล่าว ในฐานะเป็นผู้มีลุกศิษย์ลูกหามากมาย และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านทั้งสองอำเภอ คือ ระโนด และ ควนขนุน เป็นผู้ประสานงานให้ประชาชนนำเครื่องจักรกล วัสดุอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ มาพัฒนาถนนสายนี้ ในชั้นต้นได้รับการสนับสนุนจากคนที่มีรถขุด จำนวน ๓ คน ๓ คัน เริ่มงานในปี ๒๕๓๘-๒๕๓๙ คือ นายชาติชาย (แสน) จิระโร นายสำราญ ปล้องฉิม (ร้านอาหารปลาพูดได้ บ้านใหม่) และนายชม (ไม่ทราบนามสกุล) ชาวบ้านท่าบอน ขุดถนนจากสี่แยกบ้านหัวป่าไปจนถึงคลองกก
ต่อมา เรื่องทราบถึง พระครูกิตติวราภรณ์ (ดร.ทวี ฤทธิรัตน์) เจ้าอาวาสวัดป่าลิไลยก์ ตำบลลำปำ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เจ้าคณะตำบลลำปำ ร่วมเป็นพลังประสานงาน กำนันอำนวย หมื่นหนู นำรถขุด ๑ คันมาเริ่มขุดทางฝั่งคลองนางเรียมทางทิศใต้ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะสภาพเป็นโคลนตม ท่านเล็กจึงขอรับการสนับสนุนเครื่องมือจาหน่วยทหาร ช.พัน ๔๙๒ จังหวัดพัทลุง นำรถขุดมาดำเนินการจนถึงบ้านทะเลน้อย โดยท่านพระครูทั้งสองรูป ประชาชนในพื้นที่สนับสนุนค่าน้ำมัน ค่าเบี้ยเลี้ยงพลขับ และอื่นๆ รวมทั้งนักการเมืองทั้ง ๔ ท่าน ก็ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ต่อมา นายเอกชัย ศรีวิชัย นักร้องลูกทุ่งชื่อดังรับแสดงดนตรี ๓ จุด คือ อ.ระโนด อ.หัวไทร และ อ.ควนขนุน เพื่อหาทุนสมทบ ได้เงินทั้งสิ้นประมาณ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท สร้างถนนดินลูกรังสำเร็จรถยนต์สามารถใช้สัญจรไปมาได้
๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ พระครูทั้งสอง และชาวบ้านร่วมกันจัดงานพิธีเปิดใช้ถนนสายนี้ พร้อมกับการทอดผ้าป่าสามัคคี และตั้งชื่อถนนสายนี้ว่า “ถนนพระ-ประชาทำ” โดยมีพระเป็นประธานในพิธีเปิดทั้งสองฝั่งจังหวัดคือ ฝั่งจังหวัดพัทลุง มี พระธรรมรัตนาการ เจ้าคณะภาค ๑๘ จังหวัดตรัง ตัดริบบิ้น ฝั่งจังหวัดสงขลา มี พระราชศีลสังวร เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เป็นประธานร่วมพิธี มีพระคุณเจ้าในภาคใต้จากทุกจังหวัด พระคุณเจ้าจากกรุงเทพมหานคร จำนวนประมาณ ๑,๐๐๐ รูป ประชาชนประมาณ ๖๐๐ คนร่วมพิธี
ภาพปรากฏจากสื่อมวลชนในพิธีเปิดถนนสายนี้ แตกต่างจากพิธีเปิดทั่วไปตรงที่งานนี้มีพระคุณเจ้ามากกว่าประชาชนทั่วไป ซึ่งงานอื่นพระคุณเจ้าเป็นเพียงผู้นำประกอบพิธีกรรมเพียงไม่กี่รูปเท่านั้น เพราะถนนสายนี้มีพระคุณเจ้า ๒ รูป เป็นผู้นำประชาชนดำเนินการ จนกระทั่งได้ผลงานระดับหนึ่ง และมีนักการเมืองกลุ่มที่ริเริ่มให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ร่วมด้วยญาติโยม ประชาชนผู้ศรัทธาในพระคุณเจ้า และต่อมา สำเร็จเป็นถนนลาดยางยกระดับสูง ๓ เมตร ถึง ๕ เมตร ผิวจราจรกว้าง ๑๔ เมตร ระยะทางประมาณ ๖ กิโลเมตรในสมัยรัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร