โดย..ศิวะ ศรีชาย
แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง สมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้
เรื่องเศร้าของชาวสวนยางยังไม่จบสิ้น แม้จะใช้เวลารอคอยอย่างอดทนสิ้นเนื้อประดาตัวมากว่า 1 ปีเต็ม เพื่อรอคอยดอกผล “พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558” ภายใต้คำหวาน “คนจนต้องได้กินก่อน!” มิไยที่ “เพิก เลิศวังพง” ได้เดินออกจากแถว “แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง” ไปอย่างเงียบๆ พร้อมคำเตือนมายังหมู่มิตร
“การยางแห่งประเทศไทยที่เพื่อนๆ คาดหวัง จะเป็นการเตะหมูเข้าปากหมาใหญ่อย่างอ่อนหัด และน่าเศร้า”
การณ์ปรากฏชัด เมื่อ พ.ร.บ.ประกาศใช้ คำหลอกลวงก็สิ้นมนต์ขลัง เมื่อบรรดาเจ้าของ “คอกเกษตรฯ” ได้ส่งสัญญาณ “ฆ่าหมู” โดยให้ลูกจ้างในอาณัติ (ประธานสมัชชาเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เถื่อน) ที่มีลูกสาวเป็นพนักงานบริษัทฯ ในฐานะตัวประกัน กันเบี้ยวเอาไว้ นานแล้ว อีกทั้งยังส่ง พี.อาร์.บริษัท มาตามประกบตัว สร้างกระแส และทำหน้าที่รายงานข้อมูลเข้าบริษัทฯ อีกชั้นหนึ่ง
คนแก่วัย 82 แม้จะมีฤทธิ์เดช หรือมีปมทางศีลธรรมอยู่บ้างก็ไม่อาจขัดขืน การก่ออาชญากรรมต่อเนื่องต่อชาวสวนยาง?!!
ฐานะสมาชิกสภาขับเคลื่อนยังคงเป็น “กิเลสที่แก้ไม่ได้” ปลงไม่เป็น ของคนวัย “หมดอายุ” ยังคงดิ้นรนทำบาปต่อลูกหลานต่อไป..
ข่าวการเงินนับล้านถึงมือ “แกนนำกำมะลอ” ในสมัชชาฯ 10 หุ้น (เถื่อน) 3 คนๆ ละ 300,000 บาท เพื่อดำเนินการให้เลือกตั้งตัวแทนให้เสร็จสิ้นตามบัญชา “ทั่นประธาน” วัยสิ้นอายุ..
ไม่รู้ว่าเพราะ “สำนึกดี” หรือ “เงินไม่ถึง” แกนนำตัวเก็งที่จะเข้าสู่ “การเลือกตั้ง (เถื่อน)” ครั้งนี้ จากสมัชชาฯ (เถื่อน) 2 คน ไม่เข้าร่วมประชุม คือ “ธีรพงศ์” จากสภาเกษตรฯ และ “เสวก” จาก สกย. เพียงแต่หิ้วเหล้ามานั่งเมา “คบเพื่อน” โดยไม่เข้าสู่การประชุมใดๆ เป็นอันว่า 8 หุ้น ตามใบสั่ง หายไป 2 เหลือ 6 หุ้น
ทันทีที่ “นายปัณณวิชญ์ วงศ์สุวัฒน์” รีบปิดการสัมมนา “กำมะลอ” (แท้จริงคือ การรับแผนการเลือกตั้งของสมัชชาฯ 10 หุ้นเถื่อน มาทำโดยอาศัยงบของ “การยาง” เพื่อเปิดทางให้ “บุญส่ง นับทอง” เด็กในคาถานานปี ของ “ทั่นประธานสิ้นอายุ” โดยนาย “ปัณณวิชญ์” คงมีเบาะแสมาแล้วว่าจะถูกกลุ่ม กสย.ฟ้อง มาตรา 157 กรณี ใช้งบเพื่อประโยชน์แอบแฝงที่ไม่ใช่กิจการของ “กยท.” (แต่ไม่แน่ใจว่าการณ์นี้จะรอดหรือไม่ เพราะกรรมนี้สำเร็จแล้วและมีหลักฐานจากกล้องบันทึกภาพของผู้เข้าร่วม “สัมมนากำมะลอ” หลายสิบตัว..??)..
โดยในห้วงเวลาก่อนหน้านั้น “สุนทร รักษ์รงค์” หมูน้อยของเจ้าของ “คอกเกษตร” ก็ยืนขึ้นโค้งคำนับยอมรับชะตากรรมถอนตัวออกจากการแข่งขันโดยดุษณี เป็นอันว่าการแข่งขันในวงของ สมัชชาฯ 10 หุ้น (เถื่อน) ถ้าไม่นับ บุญส่ง ที่ขาดคุณสมบัติไปแล้ว ก็เหลือเพียง 4 คนเท่านั้น และในนั้นไม่มีตัวตนอีก 2 หุ้น จึงนับว่าเงิน 300,000 ทำงานได้ผล??.
เมื่อ “บุญส่ง นับทอง” ขึ้นทำหน้าที่ตามแผน ลิ่วล้อวงปอฉ้อ 10 หุ้น (เถื่อน) อย่าง “ทศพล ขวัญรอด” ก็ลุกขึ้นถือไมค์ โดย “ประธาน” ไม่ต้องชี้ และประกาศ
“ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องนอกจากคนที่สมัชชาฯ กำหนดไว้องค์กร ละ 10 คน ให้ออกไปจากห้องนี้” !!
ทำให้ “เด่นเดช เดชมณี” (อดีตเลขาฯ คยป.ของทศพล เอง) และ “กิตติศักดิ์ วิโรจน์” ในฐานะ “นายกสมาคมชาวสวนยางสุราษฎร์ธานีฯ” เจ้าถิ่นในพื้นที่ลุกขึ้นตอบโต้หาหลักฐานระเบียบคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร สมทบกับผู้เข้าร่วมประชุมที่มีวุฒิภาวะอีกหลายคน ทั้งอดีตนายตำรวจระดับผู้กำกับ และอดีต ส.จ. ผู้หันมาทำสวนยางพารา และประสบความสำเร็จ..จนในที่สุด “บุญส่ง นับทอง” ไม่สามารถทน “คุณธรรมในใจ” จากครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเล วัย 72 ปี ได้ จึงประกาศ “ผมขอตัดสินให้ทุกคนในห้องประชุมนี้มีสิทธิร่วมสมัครและลงคะแนนได้”..!!!
ทำให้ “นายมนัส บุญพัฒน์” มือวางอันดับ 1 ของสมัชชาปอฉ้อประกาศสวนการวินิจฉัยของ อาวุโส “บุญส่ง นับทอง”
“พวกเราที่มาจากนคร วอล์กเอ้าต์ กลับ!”
เหตุการณ์วุ่นวายขึ้นทันที เมื่อสิ้นเสียงของ “นายมนัส”..
นายบุญส่ง นับทอง (ไม่แน่ใจว่าออกแบบกันไว้ก่อนหรือไม่ เพราะจะมีดอกสองไว้ค่อยเล่าในตอนต่อไป) จึงประกาศว่า “ผมขอลาออกจากประธาน และปิดประชุม..”
พลันที่ทุกคนตะลึงงันกับความวุ่นวาย นายบุญส่ง ยังไม่ทันเดินออกพ้นจากประตูห้องประชุม..ก็เกิดละครฉากใหม่.. นายศักดิ์สฤษฐ์ ศรีประสาท ที่ไม่แน่ใจว่ามาในฐานะใด? (หรือที่วงการเรียกว่า “นายไม่สุจริต จิตประสาท”) ก็ประกาศผ่าน “ไมค์ในมือ” ว่า “ผมยึดอำนาจ เรายึดอำนาจแล้ว!!” คนแก่เจ็ดสิบปีกว่าแล้วให้ออกไป ให้เราวัยสี่สิบกว่าๆ ได้ทำงาน “ผมเป็นประธานที่ประชุม” !!!??
และทันใดนั้น “นายจรูญ พูลยิ้ม” ก็ได้ฉวยไมค์เสนอ “นายทศพล ขวัญรอด” และ “นายมนัส บุญพัฒน์” เป็นตัวแทนในบอร์ดการยางภาคใต้ เมื่อทุกคนหันไปดูก็นับมือที่ยกสนับสนุนได้ 11 มือ..
และการเลือกตั้ง “กำมะลอ” ของสมัชชาฯ 10 หุ้นปอฉ้อก็จบสิ้นลงด้วยประการฉะนี้ และเป็นที่ สงสัยได้ว่า “เงินสามแสน” ถึงมือ “คนสามคน” การแสดงออกของ “สามผู้กล้าหาญ” จึงเป็นที่น่าสงสัยกว่าใครอื่น???
เป็นอันว่า การสถาปนา “บอร์ดการยางแห่งประเทศไทย” ของสมัชชา 10 หุ้นปอฉ้อ สาขาสุดท้าย ก็ “เสร็จกิจ” ของผู้เฒ่าวัยหมดอายุเป็นที่เรียบร้อย..แม้จะมี “ตำหนิเล็กน้อย” แต่ก็สามารถเอาไปแต่งศพในที่ประชุมสมัชชาฯ 10 หุ้น ปอฉ้อ ซึ่งกำหนดไว้แล้ว ในวันนี้ (24 ก.ย.) ที่กรุงเทพมหานคร ที่มีวาระ สำคัญ 2 เรื่อง คือ 1.นำรายชื่อกรรมการบอร์ด 7 รายชื่อ ขึ้น “ทูน” ทั่นประธาน และ 2. ปลด “สุนทร รักษ์รงค์” หมูน้อยชะตาขาดออกจากเลขาฯ สมัชชา ให้พ้นทาง..และตั้ง “ขันฑีตัวใหม่” ขึ้นครองตำแหน่งแทน..!!
เป็นอันจบสิ้นขบวนความ รายงานการเลือกตั้งกำมะลอของ “พรรคมาร” วงการยาง ดังมีรายนามดังนี้ 1.ผู้แทนแอบแฝง “คอกเกษตร 1 ตำแหน่ง ในฐานะ “ผู้ประกอบการยาง” 2.ดร.ธนิต โสรัตน์ คนหิ้วกระเป๋า “เฒ่าสิ้นอายุ” ในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญ” 3.นายธีระชัย แสนแก้ว อดีต นปช. เด็กฝากหลานชายที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ 4.นายสาย อิ่นคำ ตัวแทนเจ้าสำนักเสื้อแดง จากภาคเหนือ 5.นายสังเวิร ทวดห้อย เด็กสร้าง “เฒ่าสิ้นอายุ” สาขาภาคตะวันออก
6.นายมนัส บุญพัฒน์ นายกสมาคมคนกรีดยาง ที่ทำแต่เรื่องโรงงานแปรรูป และหันมาเอาดี ทาง “ม่านรูด” 7.นายทศพล ขวัญรอด ไม่มีสถานะอย่างเป็นทางการ แต่เป็นคนทำนาที่หากินกับการรับซื้อขายไม้ยาง...??
ไชโย ไชโย!!! การยางแห่งประเทศไทย ภายใต้การกำกับ “อำนวย-อุทัย”
“คนจนต้องได้กินก่อน” เหนียวไก่..ชัด ชัด.....เช็ด แเหม...??
ปล.ตอนต่อไป ทำไม่? กล้าลงทุนเงินล้านกับการเลือกตั้งบอร์ดการยาง! การยึดโรงงานร้าง อสย. เพื่อปัดฝุ่นให้นายทุนยางใช้งบ 35 เปอร์เซ็นต์ ของ กยท.ดำเนินการ คุ้มไม่คุ้มหรือกำไรล้านเปอร์เซ็นต์ โปรดติดตาม..พลัน!!