คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
สภาพการผลิต เกษตรกรมีประสบการณ์ในการปลูกข้าว แต่เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา (2546) เกษตรกรหันมาทำกิจกรรมการเกษตรที่หลากหลาย และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนี้ การปลูกข้าว พื้นที่ทำนาทั้งหมด 16,284 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 94.8 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด ทำนาปีละ 2 ครั้ง พันธุ์ข้าวที่ปลูกร้อยละ 100 ใช้พันธุ์ชัยนาท 1, ปทุมธานี 1, สุพรรณบุรี 1 ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตทั้งการใช้สารเคมีป้องกัน และกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมี แต่ยังปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช เกษตรกรนิยมใช้ทุกครั้งที่มีศัตรูพืชระบาด โดยไม่มีการสำรวจศัตรูพืชก่อนว่า มีการระบาดถึงระดับแล้วยัง การใช้ปุ๋ยนิยมใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงการปรับโครงสร้างของดินโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี
ลักษณะวิธีการทำนาของเกษตรกรทั้งหมดเป็นการทำนาน้ำตม เพราะพื้นที่ทำนาทั้งหมดอยู่ในเขตชลประทานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ตุลาคม และเก็บเกี่ยวช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 625 กก./ไร่ สาเหตุที่หันมาใช้พันธุ์ข้าวส่งเสริมเพราะมีผลผลิตสูง และรัฐบาลให้การสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ
การทำไร่นาสวนผสม ปรับพื้นที่เป็นร่องสวนเพื่อทำไร่นาสวนผสมจำนวน 89 ราย พื้นที่ 231 ไร่ ได้รับงบประมาณการปรับพื้นที่จากหน่วยงานราชการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 คิดเป็นร้อยละ 13 ของพื้นที่เกษตรกรรมทั้งตำบล แปลงไร่นาสวนผสมส่วนใหญ่ปลูกไม้ผล ได้แก่ ส้มเขียวหวาน ฝรั่ง มะม่วง กระท้อน มะพร้าว ส้มโอ ในท้องร่องเลี้ยงปลากินพืช ปลาธรรมชาติ ผลผลิตบริโภคในครัวเรือนเหลือขายเป็นรายได้เสริม สาเหตุที่ปรับเป็นไร่นาสวนผสมเพราะ 1) มีงานทำอย่างต่อเนื่องทั้งปี 2) มีรายได้ตลอดปี 3) หน่วยงานราชการให้การสนับสนุนในการขุดร่องสวน และปัจจัยต่างๆ 4) ลดการเสี่ยงผลผลิตล้นตลาด และ 5) ผลตอบแทนสูงกว่าการทำนา
ปลูกพืชผัก ปลูกตามคันร่องแปลงไร่นาสวนผสม ปลูกพริก บวบ กะหล่ำดอก คะน้า ผักกวางตุ้ง มะเขือเปราะ มะระ ถั่วฝักยาว และแตงกวา พื้นที่ 55 ไร่ เกษตรกร 52 ราย มีแนวโน้มจะขยายมากขึ้น เพราะสามารถให้ผลตอบแทนระยะสั้น และเลือกปลูกได้ตามความต้องการของตลาด จำหน่ายพ่อค้าที่มารับซื้อในแปลง ราคาบางครั้งก็ตกต่ำ
การเลี้ยงปศุสัตว์ เลี้ยงโคพื้นเมือง และโคลูกผสมเฉลี่ยรายละ 3.9 ตัว เลี้ยงตามธรรมชาติ กินหญ้าตามท้องไร่ท้องนา เลี้ยงสัตว์ปีก ได้แก่ ไก่พื้นเมือง เป็ดเทศ และเป็ดไข่ เพื่อบริโภคในครัวเรือน เลี้ยงสุกร
การประมง เลี้ยงในบ่อดิน ในร่องสวน ไร่นาสวนผสม กระชัง และขุดบ่อล่อปลาตามธรรมชาติ ปลาดุก ปลานิล ปลาตะเพียน ปลายี่สก และปลาหมอไทย บริโภคในครัวเรือนเหลือขายเป็นรายได้พิเศษ
ปัญหาใหญ่ของชุมชน ประกอบด้วย 1) ปัญหาการมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพร้อยละ 87.88 ของครัวเรือนเกษตรกรทั้งหมด ครัวเรือนเกษตรกรเป็นหนี้สินเฉลี่ยสูงถึง 50,000 บาท/ครัวเรือน 2) ปัญหาขาดแหล่งพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ในชุมชน ต้องหาซื้อจากต่างถิ่นมีต้นทุนสูงและไม่เพียงพอต่อความต้องการ 3) ปัญหาขาดแหล่งน้ำเพื่อการผลิตไม่สามารถพัฒนาอาชีพของตนเองอย่างยั่งยืนได้
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของชุมชนตะเครียะ
วิถีการผลิตของชุมชนตะเครียะ ก่อนมีชลประทาน หรือโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ ที่เปิดดำเนินการสูบน้ำเมื่อ พ.ศ.2522 เกี่ยวข้องสัมพันธ์ต่อการทำนาน้ำฟ้า หรือทำนาตามธรรมชาติของฤดูกาล กระบวนการผลิตเริ่มจากการไถด้วยแรงงานคน และสัตว์ในครอบครัว ทำนาหว่าน และนาดำ ใช้พันธุ์ข้าวพื้นเมือง ได้แก่ นางฝ้าย บัวซ้อน นางขาว ฯลฯ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ใช้มายาหรือปุ๋ยคอก และขี้ค้างคาว ไม่มีค่าใช้จ่าย ศัตรูพืชคือ หนู นกกระจาบ ใช้วิธีกำจัดแบบธรรมชาติ หรือภูมิปัญญาชาวบ้าน วัตถุประสงค์ของการปลูกข้าวคือ ไว้กินในครัวเรือน ขายเท่าที่จำเป็น พ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อข้าวคือ ครอบครัวคนจีน เจ้าของโรงสีในชุมชน บรรทุกเรือชักลากไปขายที่ระโนด และสงขลา (เนื่อม สังข์สวรรณ.2557)
การทำนาในยุคก่อนมีต้นทุนในการผลิตต่ำ เพราะอาศัยแรงงานในครัวเรือนคือ แรงงานคน และแรงงานสัตว์คือ วัว ควาย ไม่มีค่าจ้างแรงงานทั้งทุกขั้นตอน ไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าปุ๋ย ค่ายา สารเคมี ค่าขนส่งและค่าพันธุ์ข้าว และเป็นการผลิตเพื่อการบริโภคในครัวเรือน ไม่ใช่ผลิตเพื่อการขาย จึงไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์การเกษตรอย่างเช่นปัจจุบัน จึงไม่มีปัญหาหนี้สินจากการทำนา
ต่อมา ประมาณทศวรรษ 2510 กระบวนการผลิตเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่คือ เครื่องจักรกลทางการเกษตร เช่น รถไถเดินตาม รถแทรกเตอร์ไถนา รถเกี่ยวข้าว ฯลฯ มาใช้แทนแรงงานคน และสัตว์ รถไถนาคันแรกคือ รถของผู้ใหญ่บ้านจวน ศิรินุพงศ์ บิดาของนายสุรใจ ศิรินุพงศ์ อดีต ส.ส.และ ส.ว.จังหวัดสงขลา ต่อมามีรถแทรกเตอร์ของนายเทพ บ้านโคกท่อม รถของชาวบ้านนาจักร ตำบลแดนสงวน รถของกำนันใจ แกล้วทนงค์ นายประเสริฐ แกล้วทนงค์ กำนันสุชล แกล้วทนงค์ ฯลฯ ปัจจุบันชุมชนตะเครียะมีปัจจัยการผลิตเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการเกษตร ดังนี้ รถเก็บเกี่ยว 20 คัน รถไถเดินตาม 865 คัน เครื่องสูบน้ำ 110 เครื่อง เครื่องนวดข้าว 96 เครื่อง รถแทรกเตอร์ 9 คัน เครื่องพ่นสารเคมี 169 เครื่อง โรงสี 14 โรง (สำนักงานเกษตรอำเภอระโนด. 2554 : 18)