สุราษฎร์ธานี - จับแล้ว 2 มือปืนบุกยิงช่างทำกุญแจวัย 53 ปี 1 ในผู้ต้องหายอมเปิดปากรับสารภาพ มาจากปมโกรธแค้นที่ผู้ตายยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากกรณี 2 คนร้ายสวมหมวกไหมพรมสีดำ สวมถุงมือสีดำ วิ่งลงจากรถยนต์กระบะเชฟโรเลต 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 4884 ไม่ทราบจังหวัด ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. และ 11 มม. ประกบยิง นายสมมิตร หรือโมช จันทร์ทอง อายุ 53 ปี ช่างทำกุญแจขณะเดินลงจากรถยนต์เก๋ง และเดินอ้อมมาที่ท้ายรถจนเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดที่บริเวณหน้าคลินิกขายยาแห่งหนึ่งริมถนน ซ.พิเศษ ม 1. ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 7 ก.ย.โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 20 วินาที จากนั้นวิ่งขึ้นรถกระบะคันดังกล่าวหลบหนีไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น วันนี้ (9 ก.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สอบปากคำ นายธีรวัฒน์ ธิมาบุตร หรือเบิร์ด นายอถิรักษ์ ทองพนัง หรือป๊อก หลังถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวสอบสวน จน นายอภิรักษ์ ทองพนัง หรือป๊อก ยอมรับสารภาพว่า ตนกับนายธีรวัฒน์ ธิมาบุตร หรือเบิร์ด เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง โดยในวันเกิดเหตุ นายธีรวัฒน์ มือปืนคนแรกที่ลงจากรถ ส่วนตนเป็นคนที่ 2 หลังจากก่อเหตุแล้วได้วิ่งไปขึ้นรถกระบะโดยมีผู้ขับขี่ไม่ทราบชื่อพาตนหลบมากบดานในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี
พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้ลงมือก่อเหตุไว้ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายธีรวัฒน์ ธิมาบุตร หรือเบิร์ด นายอภิรักษ์ ทองพนัง หรือป๊อก 2 มือปืน นายวิรัตน์ แสงอรุณ หรืออ๊อฟ และนายเสกสรร ทุ่มแก้ว เป็นผู้มาติดตามดูความเคลื่อนไหว และชี้เป้า ทางเจ้าหน้าที่ได้กัน 1 ใน 2 ผู้ชี้เป้าไว้เป็นพยาน 1 คน ส่วนผู้ขับรถกระบะยังไม่ทราบชื่อหลังก่อเหตุได้นำรถยนต์คันดังกล่าวพร้อมอาวุธปืนหลบไปได้
ส่วนสาเหตุปมสังหารมาจากกลุ่มผู้ลงมือสังหารโหดโกรธแค้นผู้ตายที่ได้ใช้อาวุธปืนไปไล่ยิงคนที่นั่งอยู่ในร้านน้ำชากาแฟ ซึ่งอยู่ติดบ้านผู้ตาย จนเป็นเหตุให้กระสุนปืนไปถูกที่บริเวณศีรษะของนายอภิรักษ์ ทองพนัง หรือป๊อก ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนั้น กระสุนปืนยังได้ไปถูกรถยนต์ของนายธีรวัฒน์ ได้รับความเสียหายเช่นกัน จึงมีความความโกรธแค้นฝังใจต่อผู้ตาย
หลังเกิดเหตุผู้ตายถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ต่อมา ผู้ตายพยายามเจรจาไกล่เกลี่ย ฝ่ายผู้ลงมือก่อเหตุได้เรียกค่าเสียหายไป จำนวน 4 ล้านบาท ผู้ตายยอมรับปากจะนำเรื่องไปปรึกษาหารือกันแต่ก็เรื่องเงียบหายไป จึงทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่พอใจ จึงฉวยโอกาสที่ผู้ตายเดินทางกลับมาขึ้นศาลในวันที่จันทร์ที่ 7 กันยายน ลงมือยิงแก้แค้นดังกล่าว
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายอภิรักษ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดที่เกิดเหตุท่ามกลางประชาชนที่สนใจเป็นจำนวนมาก