บุรีรัมย์- ตำรวจ สภ.พุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ เบิกตัวพ่อตาโหดฆ่าอำพรางศพลูกเขย ทำแผนชี้จุดเกิดเหตุใหม่ตามที่แม่ และญาติร้องขอ ท่ามกลางญาติผู้ตายตะโกนสาปแช่ง และถือป้ายขอความเป็นธรรม ตร.จัดกำลังคุ้มกันเข้มหวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์ ขณะผู้ต้องหาให้การขัดแย้งอ้างปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของผู้ตาย และยิงหลังนำศพไปทิ้ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (31 ส.ค.) พ.ต.อ.สานนท์ สามนปาน ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพศาล สุวรรณทา ผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.พุทไธสง และกำลังตำรวจกว่า 50 นาย ได้ควบคุมตัว นายสุระปรีชา แหลมไธสง อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่า นายรังสรรค์ จันภิรมย์ หรือหนุ่ม อายุ 26 ปี ลูกเขยของตัวเอง โดยใช้อาวุธปืนยิงศีรษะ แล้วใช้ไม้ทุบตีซ้ำ ก่อนนำศพไปทิ้งอำพรางบริเวณข้างสระน้ำบ้านหนองบัวรอง ต.บ้านเป้า อ.พุทไธสง เมื่อคืนวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปทำแผนชี้จุดเกิดเหตุใหม่อีกครั้งตามที่แม่ และญาติผู้เสียหายร้องขอ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุทไธสง ได้ทำเรื่องขอเบิกตัว นายสุระปรีชา ผู้ต้องหาที่ถูกฝากขังที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตยังเคลือบแคลงสงสัย และไม่เชื่อว่าจะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว น่าจะมีบุคคลอื่นร่วมก่อเหตุด้วย
โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายสุระปรีชา ผู้ต้องหาไปทำแผน 3 จุด คือ ที่บ้านของพ่อตาที่ลงมือก่อเหตุใช้ไม้กระหน่ำตีศรีษะ ช่วงที่นายรังสรรค์ เดินออกจากห้องน้ำ จุดที่ 2 เป็นจุดที่ผู้ต้องหาให้การว่า นำปืนผ้าห่อศพ และโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปทิ้งสระน้ำในสวนซึ่งห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร และจุดที่ 3 เป็นจุดที่นำศพไปทิ้งอำพราง ทั้งให้การว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงนายรังสรรค์ ที่จุดดังกล่าว ซึ่งขัดแย้งต่อคำให้การ และผลตรวจชันสูตรศพว่าน่าจะถูกยิงก่อนใช้ไม้ทุบตี
ขณะทำแผนได้มีแม่ และญาติของผู้เสียชีวิตร่วม 100 คน มายืนดูการทำแผนพร้อมถือป้ายเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ตาย และตะโกนสาปแช่ง ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุฆ่าลูกเขยของตัวเองอย่างโหดเหี้ยม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นาย คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพราะเกรงญาติผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความโกรธแค้นจะรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา
ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังอ้างว่า ปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนของลูกเขยที่ตัวเองแอบนำมาซุกไว้ในตู้กับข้าวใกล้ห้องน้ำก่อนเกิดเหตุ 2 วัน ทั้งยังสารภาพว่าได้นำโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปโยนทิ้งน้ำด้วย
จากที่ก่อนหน้าที่ไม่ได้ให้การต่อตำรวจในกรณีดังกล่าว ทำให้ญาติเชื่อว่าโทรศัพท์มือถือน่าจะเป็นวัตถุพยาน และหลักฐานสำคัญอีกชิ้น จึงอยากให้มีการงมหาโทรศัพท์มาตรวจสอบด้วย
หลังทำแผนเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่มเติมด้วย ก่อนจะส่งฝากขังที่เรือนจำจังหวัด
ด้าน นางพวง ไมล์ไธสง อายุ 47 ปี แม่ผู้ตายบอกว่า ที่ตำรวจขอเบิกตัวผู้ต้องหามาทำแผนใหม่ในครั้งนี้ตามคำร้องขอก็พอใจในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเห็นการทำแผนที่ผู้ต้องหาฆ่าลูกชายของตัวเองอย่างโหดเหี้ยมรู้สึกเสียใจ และรับไม่ได้ และไม่เชื่อว่านายสุระปรีชา พ่อตาจะก่อเหตุเพียงคนเดียว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดร่วมมาดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ตนเอง และผู้ตายด้วย ทั้งเรียกร้องให้ตำรวจเร่งรัดคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพราะยืดเยื้อมานานร่วมเดือนแล้ว
ทางด้าน พ.ต.อ.สานนท์ สามนปาน ผู้กำกับการ สภ.พุทไธสง ระบุว่า การขอเบิกตัวผู้ต้องหามาทำแผนชี้จุดเกิดเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากทางญาติผู้เสียหายได้ยื่นเรื่องขอเพราะเคลือบแคลงสงสัยในการเสียชีวิต
ส่วนกรณีที่แม่ และญาติผู้ตายไม่เชื่อว่าจะมีการก่อเหตุเพียงคนเดียวนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนก็กำลังเร่งทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม และหากมีข้อมูลหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดจะดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย