ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกษตรกรใน ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ใช้วิธีปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ในกระถาง ได้ผลดีกว่าการปลูกในนา ปลูกได้ทุกฤดูกาล ผลผลิตมากกว่า สามารถปลูกกินภายในครัวเรือน หรือปลูกขายสร้างรายได้ และอยากส่งเสริมให้มีการปลูกในโรงเรียน หรือส่วนราชการซึ่งสามารถใช้เป็นไม้ประดับได้ด้วย
วันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ ศรีระสันต์ เกษตรกรใน ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งประสบความสำเร็จในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ภายใต้แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เน้นการใช้ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด และปัจจุบัน ได้เปิดพื้นที่สวนเกษตร “พีเจการ์เดนท์” ของตัวเอง เป็นศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลควนลัง พร้อมกับพัฒนาการรูปแบบการทำการเกษตรใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุด ได้ใช้วิธีปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ในกระถางต้นไม้ จนประสบความสำเร็จ และผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสูงกว่าการปลูกในแปลงนา จากการปลูกข้าวไรซ์เบอรรี่ในกระถางขนาด 16 นิ้ว จำนวน 20 กระถาง ขณะนี้ข้าวกำลังออกรวงถึง 20-30 รวงต่อกระถาง เมล็ดข้าวแน่นรวงใหญ่ และกอข้าวมีลำต้นสูง 70 ซม. ซึ่งสูงกว่าการปลูกในนาถึง 20 ซม.
นายประเสริฐ บอกว่า การปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ในกระถางใช้เวลาต่อรุ่นตั้งแต่การปลูกจนเก็บเกี่ยวได้ ประมาณ 120 วัน ข้อดีของการปลูกในกระถาง คือ สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล ดูแลง่ายไม่มีนก หรือหนูกิน ไม่ต้องพึ่งสารเคมี ใช้พื้นที่น้อยสามารถปลูกในบริเวณบ้านได้ หรือที่ว่าง เริ่มจากการนำดินผสมขี้วัวแช่น้ำในกระถางไว้ 1 อาทิตย์ แล้วเทน้ำออก นำเมล็ดพันธุ์ข้าวไรซ์เบอรี่เพียง1 เมล็ด มาปลูกต่อ 1 กระถาง เติมน้ำวันละ 1 ลิตรอย่าให้ขาด และใส่ปุ๋ยเพียง 2 ครั้ง คือ หลังปลูกได้ 20 วัน และอายุได้ 45-60 วัน โดยใช้ปุ๋ยยูเรีย หรือปุ๋ยสูตรเสมอ ที่สำคัญต้องปลูกในบริเวณที่มีแดดส่องถึงเพราะข้าวไรซ์เบอรี่จะชอบแดด
นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ข้าวไรซ์เบอรี่กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งจากการการคำนวณคร่าวๆ หากใช้วิธีปลูกในกระถาง จำนวน 500 กระถาง จะได้ข้าวเปลือก 200 กก. และได้ข้าวสาร 120 กก. ซึ่งเพียงพอสำหรับบริโภคในครัวเรือนเล็กๆ หรือถ้าขายก็ตกกิโลกรัมละ 80-150 บาท
นายประเสริฐ บอกว่า นอกจากจะปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือ นหรือเอาไว้ขายได้แล้วหากเป็นไปได้ต้องการให้นำข้าวไรซ์เบอรี่แบบปลูกในกระถางไปปลูกตามโรงเรียน หรือส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าของข้าว ซึ่งขณะนี้เยาวชน หรือคนที่อยู่ในเมืองแทบจะไม่เห็นต้นข้าวจริงๆ และยังสามารถปรับเป็นไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งสถานที่ให้สวยงามได้อีกด้วย
