xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องเล่าจากลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา (๓) : “ทิ้งทำหม้อ เกาะยอทำอ่าง หัวเขาดักโพงพาง บ่อยางทำเคย แม่เตยสานสาด” / จรูญ หยูทองแสงอุทัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เกาะยอ (ขอบคุณภาพจาก http://talui-tour.blogspot.com/2011/05/blog-post.html)
 
คอลัมน์  :  คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ  หยูทองแสงอุทัย
 
คำคล้องจองดังกล่าวข้างต้นจัดเป็นคำกล่าวขานที่เกี่ยวกับโอทอป หรืออาชีพ และผลิตภัณฑ์สำคัญของชุมชนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ด้านทะเลสาบสงขลาตอนล่างที่โดดเด่น จนกลายเป็นเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของผู้คน และชุมชนเหล่านี้มายาวนาน และเพิ่งจะลบเลือนไปเมื่อไม่นานมานี้
 
“ทิ้งทำหม้อ” คือ บ้านทิ้งหม้อ หรือตำบลสทิงหม้อ  อำเภอสิงหนคร ในปัจจุบัน  เคยเป็นชุมชนโบราณในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีร่องรอยความเป็นเมืองท่า และเป็นศูนย์กลางทางการค้าการปกครองสมัยโบราณ  มีแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาประเภทเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยเฉพาะหม้อข้าวหม้อแกงดินเผา  สวด หรือหวดนึ่งข้าวเหนียว  เผล้งใส่น้ำ หรือข้าวสาร  ปัจจุบันเหลือเพียงเจ้าเดียวคือ บ้านป้าปลื้ม ทำในระบบครัวเรือน และส่วนใหญ่เป็นการสาธิต  เป็นแหล่งเรียนรู้  มากกว่าจะผลิตในเชิงพาณิชย์  เนื่องจากปัญหาเรื่องความนิยมเครื่องใช้ประเภทเครื่องปั้นดินเผาที่เปลี่ยนมาเป็นอย่างอื่นที่ทันสมัยกว่า  ประกอบกับแหล่งวัตถุดิบคือ ดินเหนียว และฝีมือทางช่างที่ไม่ได้รับการสืบทอดอย่างกว้างขวางจากคนรุ่นหลัง
 
“เกาะยอทำอ่าง”  เกาะยอ ชุมชนที่เพิ่งเปิดตัวเองหลังจากมีสะพานติณสูลานนท์ เชื่อมกับฝั่งเขาเขียว และฝั่งบ่อยาง เมื่อปลายทศวรรษ  ๒๕๓๐  ในอดีตเคยมีชื่อเสียงในด้านการผลิตกระเบื้องดินเผา และภาชนะดินเผาอื่นๆ คล้ายสทิงหม้อ  รวมทั้งมีผลไม้ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงคือ ละมุดฝรั่ง หรือสะหวา และจำปาดะขนุน  ตลอดจนศิลปหัตถกรรมการทอผ้า  ผ้าเกาะยอ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ไม่แพ้ผ้านาหมื่นศรี  จ.ตรัง และผ้าพุมเรียง จ.สุราษฎร์ธานี  ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาของเกาะยอเหลือเพียงตำนาน  ส่วนไม้ผลพื้นเมือง และผ้าทอพื้นบ้านก็ยังมีให้ชิม และสัมผัสตามสมควร
 
“หัวเขาดักโพงพาง”  บ้านหัวเขาแดง หรือเขาหัวแดง  เป็นชมชนมุสลิมที่อพยพมาจากหมู่เกาะชวาของอินโดนีเซียในสมัยล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก  นำอาชีพประมงเข้ามาเผยแพร่ในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา  ชาวหัวเขามีอาชีพดักโพงพางมาแต่โบราณจนถึงทุกวันนี้ และเครื่องมือประมงชนิดนี้เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของชาวหัวเขา  ที่สำคัญคือ เป็นเครื่องมือต่อรองในทางเศรษฐกิจ  สังคม และการเมืองมาโดยตลอดจนปัจจุบันนี้  ชาวชุมชนหัวเขานับว่าเป็นชมชนที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว อันเป็นที่คร้ามเกรงของนักปกครองมาทุกยุคทุกสมัย  โดยเฉพาะการเข้ามาจัดระเบียบเครื่องมือประมงของชาวบ้านหัวเขา  และที่นี่เป็นภูมิลำเนาเกิดของผู้นำมุสลิมทั้งระดับสมาชิกวุฒิสภา  และจุฬราชมนตรี
 
“บ่อยางทำเคย”  บ่อยาง คือ ชุมชนอันเป็นตัวเมืองสงขลา หรือเขตเทศบาลนครสงขลาในปัจจุบัน  ในอดีตมีฐานะเป็นเมืองท่าค้าขาย และท่าเรือประมง  เป็นแหล่งผลิตกะปิ หรือที่ชาวบ้านภาคใต้เรียกว่า “เคย” เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์จากพวก “เยื่อเคย” คือ ลูกกุ้งฝอยที่นิยมนำมาทำกะปิ  ต่อมา เมื่อบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าขึ้น  ชุมชนบ่อยางที่ยังคงทำอาชีพนี้คงเหลือเฉพาะชุมชนเก้าเส้ง  ชุมชนมุสลิมที่อพยพมาจากใกล้วัดแหลมทราย มาอยู่ทางตอนใต้ของหาดสมิหลาจนปัจจุบัน
 
“แม่เตยสานสาด”  แม่เตยเป็นชุมชนอยู่ระหว่างนครสงขลา กับนครหาดใหญ่  สมัยก่อนคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเตย หรือปาหนัน  ที่ชาวบ้านนิยมเอาใบมาสานเสื่อ หรือสาดสำหรับปูนั่ง หรือปูนอน  เพราะมีความเหนียว  ทนทานและนิ่มนวลดีเวลาสัมผัส  ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หรือสงครามญี่ปุ่นบุกไทย  แม่เตย ก็นับเป็นแนวสมรภูมิที่สำคัญของกองทัพไทยจากค่ายเสนาณรงค์ที่ไปต้านการรุกรานของกองทัพลูกพระอาทิตย์
 
ปัจจุบัน ชุมชนเหล่านี้สูญเสียอัตลักษณ์ และบทบาทสำคัญในทางเศรษฐกิจไปเกือบสิ้นเชิง  มีเพียงชุมชนหัวเขา และชุมชนเกาะยอ ที่ยังพอมีผลิตผลจากท้องถิ่นเช่นในอดีตอยู่บ้าง  แต่ก็เริ่มประสบปับปัญหาต่างๆ ที่ซับซ้อนมากมาย  โดยเฉพาะปัญหาจากสภาพแวดล้อม หรือมลพิษอันเกิดจากชุมชนเมือง  ชุมชนอุตสาหกรรม และความหนาแน่นของประชากรที่เป็นปฏิภาคผกผันกับปริมาณ และคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ
 
ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาตอนล่างต้องประสบกับหายนะจากอุทกภัยบ่อยครั้งขึ้น  เนื่องจากการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ  ส่วนใหญ่เพียงจัดการให้น้ำลงทะเลสาบให้เร็วลง  โดยไม่คำนึงถึงการระบายออกสู่อ่าวไทย  ประกอบกับมีการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาน้ำท่วมในทะเลสาบสงขลาตอนล่าง  แต่ทางราชการเชื่อว่าไม่มีผล
 
ปัจจุบัน มีโครงการจัดทำแผนแม่ขุดลอกเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาตอนล่างของกรมเจ้าท่า  ได้ดำเนินการเสร็จสิ้น  แล้ว รอเสนอโครงการขุดลอกต่อไป  แต่โครงการนี้มีผลแค่เพียงการลดอุณหภูมิของน้ำทะเลสาบสงขลาตอนล่าง  อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเพาะเลี้ยงชายฝั่งของชาวบ้าน  โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาในกระชังของชาวเกาะยอ และการจัดระเบียบเครื่องมือประมงเพื่อการเดินเรือ และการท่องเที่ยวในแนวร่องน้ำทะเลสาบสงขลาตอนล่างเท่านั้น  ในขณะที่ประชาชนทั่วไปคาดหวังว่า  โครงการนี้จะมีส่วนในการช่วยลดปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาให้มีความรุนแรงน้อยลง  หลังจากที่หวาดผวาต่ออุทกภัยที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกช่วงครบรอบ “วาระแห่งชาติของอุทกภัยในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาตอนล่าง”
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น