xs
xsm
sm
md
lg

ความไม่สง่างามของสมาชิกผู้ทรงเกียรติ / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ขอบคุณภาพจากแนวหน้า
 
คอลัมน์ :  คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ  หยูทอง-แสงอุทัย
 
จากการที่สำนักข่าวอิศรารายงานว่า  สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชุดปัจจุบัน  อันเป็นแม่น้ำสายหนึ่งในจำนวนแม่น้ำห้าสายของรองนายกรัฐมนตรี วิษณุ  เครืองาม  จำนวนมาก แต่งตั้งภรรยา  บุตร และญาติเป็นผู้ช่วย  ให้ได้รับเงินเดือนคนละ  ๑๕,๐๐๐-๒๕,๐๐๐  บาท  สร้างความสนใจในหมู่ประชาชนและสื่อมวลชน
 
เพราะ สนช.ชุดปัจจุบันกำลังทำหน้าที่แทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา  ในสถานการณ์ปฏิรูปประเทศและปฏิรูปการเมือง  ที่อ้างเหตุผลในการยึดอำนาจในวันที่  ๒๒  พฤษภาคม  ๒๕๕๗  ว่า  เพื่อเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการบ้านเมืองไปสู่สิ่งที่ดีกว่า  ลดความเหลื่อมล้ำ  ขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน  ฯลฯ
 
แต่  สนช.ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  อย่างอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์  ชินวัตร  และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตประธานรัฐรัฐสภา  (นายสมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์) และอดีตประธานวุฒิสภา (นายนิคม  ไวรัชพานิช)  มีอำนาจตรากฎหมายและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน  และหน้าที่อื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด  กลับมาทำในสิ่งที่ไม่สง่างามเสียเอง
 
ตำแหน่งดังกล่าว  ประกอบด้วย  ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สนช.  อัตราเงินเดือน  ๒๔,๐๐๐  บาท/เดือน  ผู้ชำนาญการประจำตัว สนช.อัตราเงินเดือน  ๒๐,๐๐๐  บาท/เดือน  ผู้ช่วยประจำตัว สนช.  ๑๕,๐๐๐  บาท/เดือน  และผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. อัตราเงินเดือน  ๑๕,๐๐๐  บาท/เดือน  มีหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย  วิชาการ  ตลอดจนศึกษาสภาพปัญหา และข้อร้องเรียนต่างๆ  เพื่อรวบรวมจัดทำญัตติ  กระทู้ถาม  หรือให้ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อ สนช.
 
กรณีดังกล่าว  มีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีบทบาทเป็นผู้นำในแม่น้ำห้าสาย  ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานา  ส่วนใหญ่จะอ้างตรรกะตื้นๆ ที่ว่า กฎหมายไม่ห้าม  เป็นเรื่องส่วนตัว  และให้ไปถามความเห็นของ สนช.นั้นๆ เอาเองว่า มีเหตุผลอะไรที่ตั้งภรรยา  บุตร และญาติเป็นผู้ช่วย  หรือผู้เชี่ยวชาญให้ได้รับเงินเดือนตามที่เป็นข่าว
 
นายพรเพชร  วิชิตชลชัย  ประธาน สนช.กล่าวว่า  “สมาชิก สนช.สามารถแต่งตั้งภริยา  บุตร หรือเครือญาติมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ  ผู้ปฏิบัติงานประจำตัว  เพื่อช่วยงานสมาชิก สนช.  และรับเงินเดือนราชการได้  เพราะตามระเบียบข้อบังคับของ สนช.ไม่ได้ห้ามในเรื่องดังกล่าว  ระเบียบของ สนช.กำหนดไว้แค่เพียงว่า  ต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม  และไม่เคยต้องคดีมาก่อน…สมาชิก สนช.อาจจะต้องการคนที่ไว้วางใจมาช่วยงาน”
 
ส่วน นายพีระศักดิ์  พิจิต  รองประธาน สนช.คนที่สอง กล่าวว่า  “ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย  แต่ทางด้านจริยธรรม หรือความเหมาะสมนั้น  ต้องให้สมาชิก สนช.พิจารณาเอง  หากพบว่ามีการแต่งตั้งแต่เพียงในนามเพื่อรับเงินเดือน  แต่ไม่มีการปฏิบัติหน้าที่จริง  ต้องถือว่าผิดกฎหมาย  ให้ร้องเรียนมาที่คณะกรรมการจริยธรรม สนช.”
 
พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  “ไม่มีกฎหมายเขียนระบุไว้…ได้กำชับไปว่าขอให้ระมัดระวัง  และไปตรวจสอบด้วยว่าที่ตั้งมาทำงานได้หรือไม่ได้อย่างไร  มีเหตุผล  ความจำเป็นหรือไม่…เป็นเรื่องส่วนบุคคลด้วย  เรื่องนี้คงต้องพูดด้วยกฎหมาย…คงต้องให้ สนช.ดำเนินการตรวจสอบกันเอง  ได้มอบหมายให้ประธาน สนช.เป็นผู้รับผิดชอบ…ส่วนกรณีที่ นายพรเพชร  วิชิตชลชัย  ประธาน สนช.ก็แต่งตั้งภรรยาเป็นผู้ช่วยเช่นกันนั้น  ก็ให้ไปถามนายพรเพชร ดูเอง  แต่สำหรับตนขอบอกว่ากฎหมายห้ามมีหรือไม่  ก็ไม่มี  และเป็นเรื่องส่วนตัว  ก็ให้ไปถามเจ้าตัวเองว่าทำไมถึงแต่งตั้ง”
 
ฟังตรรกะของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแต่ละท่านแล้ว เกิดอาการ “หัวเราะก็ไม่ได้  ร้องไห้ก็ไม่ออก”  ไม่น่าเชื่อว่าในสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้  ผู้นำของประเทศจะอ้างเหตุผลแค่ว่า  “กฎหมายไม่ห้าม”  “มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล”  เพราะตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวมันมีความสำคัญต่อชาติบ้านเมือง  กฎหมายกำหนดบทบาทหน้าที่ของบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่เหล่านี้เอาไว้อย่างชัดเจน
 
การที่ สนช.ประมาณ  ๕๐-๖๐  คนแต่งตั้งภรรยา  บุตร และเครือญาติ  จึงเป็นการกระทำที่ไม่สง่างามในฐานะสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติ  ต่อให้บุคคลเหล่านั้นมีความเหมาะสมมากมายเพียงใด  ผู้มีจิตปกติไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดความมัวหมอง  ทั้งต่อตัวเอง และบุคคลผู้ใกล้ชิดเหล่านั้น
 
เว้นไว้แต่ว่าหน้าด้านพอที่จะเผชิญต่อข้อครหาแบบ “ว่าแต่เขา  อิเหนาเป็นเอง”  หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นว่า “อัปรีย์ไป  จัญไรมา”
 
ประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ออกมาขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  แต่ไม่รับผิดชอบประชาชน  และทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน  ด้วยความหวังว่าจะได้รัฐบาลที่ดี  มีความชอบธรรม  และมีความสง่างามกว่ามาดูแลบ้านเมืองแทน
 
แต่กลับได้ สนช.ที่เห็นแก่ตัว  คิดเอาแต่ได้  และหน้าด้านเบียดบังเงินภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน  แม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ  ไม่สมกับที่ประชาชนคาดหวัง  ความมัวหมองครั้งนี้จะติดตาตรึงใจอยู่ในความทรงจำของประชาชนผู้รักความชอบธรรมตลอดไป
 
สำหรับผู้นำชาติบ้านเมืองที่มีอำนาจหน้าที่ในการทำอะไรที่ดีๆ ให้แก่ชาติบ้านเมืองได้มากมาย  แต่ถ้าทำได้แค่โยนความรับผิดชอบ และการตัดสินใจให้คนโน้นที  คนนี้ที  โดยเฉพาะอ้างว่าให้คนนั้น คนนี้ แก้ปัญหา  ทั้งๆ ที่คนที่ได้รับมอบหมายนั่นแหละคือ ผู้สร้างปัญหาที่แท้จริง  เราจะมีผู้นำเช่นนี้ไว้ทำหอกหักอะไรกันครับ.
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น