นักธุรกิจเจ้าของตลาดเกษตรฟุกเทียนกรุ๊ฟ เตรียมเปิดศูนย์หยกพันปีในหาดใหญ่

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักธุรกิจเจ้าของ หยกพันปี เปิดใจที่มาของสิ่งของค่าควรเมือง หวังที่จะช่วยสร้างความเจริญให้แก่หาดใหญ่ เตรียมเปิดเกษตรฟุกเทียนเป็นศูนย์หยกพันปี เพื่อเป็นจุดขายการท่องเที่ยว

นายธรรมยุทธ์ ได้เปิดใจต่อผู้เข้าร่วมรับฟัง โครงการสร้างศูนย์หยกพันปี และพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ว่า หยกที่แกะเป็นวัตถุสิ่งของ เช่น ฮก ลก ซิ่ว พระสังกัจจาย เจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้ากวนอู เพทองค์อื่น และแกะเป็นบุคคล สิ่งของมากมาย รวมทั้งตราหยกประจำตำแหน่งของฮ่องเต้ราชวงศ์ต่างๆ ที่มาอายุไม่ต่ำว่า 4,000 ปี เป็นของมารดาของตนเอง

ซึ่งเพิ่งจะถึงแก่กรรมเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา โดยมารดาของตนเป็นเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของประเทศจีน ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งก่อนที่ประเทศจีนจะเปลี่ยนเป็นการปกครองในรูปแบบสังคมนิยม ตระกูลของมารดาได้นำสิ่งของเหล่านี้มาจากท้องพระคลังหลวง จำนวน 5 เรือสำเภา และได้เก็บรักษาไว้ จนเมื่อมารดาถึงแก่กรรมตนเป็นผู้รับมรดก

จึงมีความคิดว่า ไม่น่าจะเก็บทรัพย์สินซึ่งเป็นของที่หาดูยาก และมีค่าควรเมืองได้เพียงคนเดียว จึงได้ตัดสินใจที่จะเนรมิตตลาดเกษตรฟุกเทียน ที่เป็นของตนเองให้เป็นศูนย์หยกพันปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วไป และนักท่องเที่ยวได้มาชมสิ่งมหัสจรรย์เหล่านี้ ซึ่งเฉพาะหยกสีชมพู ที่แกะเป็นพระสังกัจจาย น้ำหนัก 300 กิโลกรัมแค่องค์เดียวก็ถือว่าเป็นที่สุดในโลกแล้ว

ประกอบเห็นว่าการท่องเที่ยวใน จ.สงขลา ที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเพื่อซื้อของ ทานอาหาร และเรื่องของบันเทิง แต่ไม่มีจุดขายอย่างอื่น การสร้างศูนย์หยกพันปี และนำสิ่งของหาชมยากที่เป็นของเพียงชิ้นเดียวในโลกซึ่งตนเองมีอยู่ในครอบครอง เช่น เครื่อง อัญมณีต่างๆ เช่น กำไล ธำมรงค์ สร้อย และเครื่องประดับอื่นๆ ที่มีค่าควรเมืองทั้งสิ้นมาจัดแสดง โดยเฉพาะปืนชนิดต่างๆ ที่เป็นอาวุธปืน 12 ราศี และทำด้วยทองคำทั้ง 20 กระบอก ที่จะนำมาให้ชมนั้นมีอยู่ที่ตนเพียงที่เดียว

ส่วนในเรื่องของพิพิธภัณฑ์สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี นั้น ตระกูลของตนเองเป็นผู้ครอบครองบล็อกของพระสมเด็จจำนวน 1,000 กว่าบล็อก และมีพระสมเด็จรุ่นต่างๆ 200,000 กว่าองค์ รวมทั้งวัตถุสิ่งของอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสมเด็จโตอีกมากมาย ซึ่งในอนาคตจะมีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ให้เป็นแหล่งความรู้ในเรื่องของสมเด็จโตที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อที่จะให้ผู้สนใจทั้งในเรื่องของพระสมเด็จ และเรื่องของหยก ได้เดินทางมายัง อ.หาดใหญ่ เพื่อที่จะได้ชื่นชมทั้งในเรื่อง บุญ บารมี และคำสอบของพุฒาจารย์โต และสิ่งของที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกที่ทำจากหยกสีต่างๆ ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ในยุคสมัยราชวงศ์ต่างๆ

ขณะนี้เราได้เคลื่อนย้ายหยกแกะสลักต่างๆ ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งของที่มีอยู่มาจัดแสดงในอาคารถึง 3 ชั้น จำนวน 3 คู หา ที่ตลาดเกษตรฟุกเทียน ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเปิดให้ผู้สนใจได้ชมตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมเป็นต้นไป ส่วนการก่อสร้างศูนย์หยกพันปี และพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อโต ขณะนี้ได้ให้สถาปนิกเขียนแปลนเสร็จแล้ว จะเริ่มก่อสร้างในปี 2558 ในวงเงิน 3,000 ล้าน บาทเชื่อว่าในเวลาก่อสร้างเสร็จภายในปี 2558

หลายคนสงสัยว่า ฟุกเทียน ทำอะไร และได้อะไร สิ่งที่ได้คือ ได้ทำบุญ และได้ทำทาน รวมทั้งได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเมือง โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยว และการให้ความรู้แก่ผู้สนใจ ผมไม่ใช่คนหาดใหญ่ ผมเป็นคนเพชรบุรี แต่ผมมาทำธุรกิจการเกษตร และประสบความสำเร็จหลายอย่างที่หาดใหญ่ จึงต้องการที่จะมีส่วนในการพัฒนาเมืองหาดใหญ่ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น “ถ้าผมต้องการเงินอย่างเดียวผมคงจะตัดสินใจขาย หยก ทั้งหมดให้รัฐบาลจีนไปแล้ว เพราะได้รับการติดต่อจากตัวแทนรัฐบาลจีนเพื่อขอซื้อทรัพย์สินทั้งหมดที่มาจากท้องพระคลังหลวงคือ ในวงเงิน 200,000 ล้านบาท และล่าสุด นายกร ทัพพะรังสี นายกสมาคมไทย-จีน ได้ติดต่อมาอีก แต่ผมยังไม่ตกลงใจ นายธรรมยุทธ์ ได้กล่าวต่อผู้เข้าร่วมรับฟัง

ในขณะที่ นายกุล สุนทรวิจิตร นายกสมาคมมัคคุเทศก์ จ.สงขลา ได้กล่าวว่า โครงการที่ฟุกเทียน กรุ๊ฟ นำเสนอในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลา เพราะจังหวัดสงขลา ไม่มีจุดขายที่แท้จริง รวมทั้งขณะนี้พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเป็นการทำบุญ ทำทาน ไหว้พระมากขึ้น การที่มีศูนย์หยกพันปี และพิพิธภัณฑ์สมเด็จโต จึงเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว และผู้สนใจที่จะเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องของพระสมเด็จให้เข้ามา

ในขณะที่ พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้กล่าวว่า ได้เข้าไปชมสิ่งของค่าควรเมืองที่บริษัทฟุกเทียน กรุ๊ฟ จัดมาแสดงให้ผู้สนใจ และนักท่องเที่ยวได้ชมแล้ว โดยได้วางแผนร่วมกับทางเจ้าของทรัทย์สินมีค่าเหล่านี้อย่างดีที่สุด