คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
3.ลักษณะและประเภทของวัฒนธรรมทางการเมือง
วัฒนธรรมทางการเมือง คือกระบวนการศึกษาการเมืองจากความเป็นมาของประเทศ ความเป็นมาของบุคคล ความเชื่อ ความเข้าใจในสิ่งแวดล้อม ทัศนคติซึ่งแสดงออก และไม่แสดงออก ความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนมนุษย์และเพื่อนร่วมชาติ ความตระหนักสำเหนียกในความเป็นชาติ และปฏิกิริยาอื่นๆ ที่บุคคลมีต่อเหตุการณ์ หรือการกระทำใดๆ ซึ่งบุคคลได้รับมาจากกระบวนการศึกษา และกระบวนการสร้างค่านิยม และโลกทัศน์ของบุคคลตั้งแต่แรกเกิด ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับเพื่อน สถาบันทางการศึกษาและสังคม ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน คือ
ขั้นมูลฐาน คนได้รับการฝึกฝนให้เป็นสมาชิกของสังคม เช่น ทัศนคติ ค่านิยม ความชำนิชำนาญ ความสัมพันธ์ของบทบาทต่างๆ ต่อบุคคล ความรู้ทั่วไป และสิ่งต่างๆ ที่จำเป็น
ขั้นก่อให้เกิดบุคลิกภาพของบุคคล เป็นขั้นที่ประสบการณ์ต่างๆ มีอิทธิพลต่อจิตใต้สำนึก มีความรู้สึกว่าเป็นสมาชิกของสังคม
ขั้นที่บุคคลเริ่มมีความรู้สึกถึงโลกการเมืองรอบๆ ตัว ได้รับการเรียนรู้ทางการเมืองได้รู้ มีทัศนะและเข้าใจถึงเหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆ
ขั้นที่บุคคลผ่านจากการเป็นสมาชิกการเมืองที่ไม่ได้มีกิจกรรม มาเป็นผู้เข้าร่วมมีบทบาททางการเมือง มีบุคลิกทางการเมือง หรือทัศนคติทางการเมืองชัดเจน หรือถาวรกว่าเดิม
ขั้นตอนต่างๆ ของกระบวนการเรียนรู้จะมีอิทธิพลต่อค่านิยม ทัศนคติ ความรู้ หรือโครงสร้างบุคลิกภาพมูลฐาน (Basic Personality Structure) มากน้อย ตื้นลึกไม่เท่ากัน
วัฒนธรรมทางการเมือง นอกจากจะใกล้ชิดแนบแน่น และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นฐานของสังคม และต้องมีการวิเคราะห์แยกแยะออกมาจึงจะแลเห็นได้แล้ว วัฒนธรรมทางการเมืองจะต้องเป็นความเชื่อ ความรู้ หรือความรู้สึกทางการเมืองของกลุ่มชนที่มีลักษณะเป็นแบบแผนอย่างเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกัน แยกได้เป็น 2 ระดับ คือ ระดับผู้ปกครอง และระดับผู้ถูกปกครอง ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องมีลักษณะเหมือนกันเสมอไป
กราเบรียล อัลมอนด์ และ ซิดนีย์ เวอร์บา (Grabrial Almond and SidnyVerba) จำแนกวัฒนธรรมทางการเมืองออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
3.1 วัฒนธรรมทางการเมืองแบบประเภทคับแคบ (parochial politic culture) คือ คนในสังคมมีความโน้มเอียงต่อวัตถุทางการเมืองน้อยมาก ทั้งในแง่การรู้จัก ความรู้สึก และการประเมินค่า ไม่ว่าจะเกี่ยวกับระบบการเมือง สถาบัน บุคคล และนโยบาย กล่าวคือ บุคคลแทบจะไม่มีความสัมพันธ์กับระบบการเมืองเลย ไม่คิดว่าการเมืองจะตอบสนองความต้องการ หรือกระทบการดำรงชีวิตได้
วัฒนธรรมทางการเมืองแบบคับแคบมักจะปรากฏในสังคมที่ไม่มีการแบ่งแยกบทบาททางการเมืองออกจากบทบาทอื่น เช่น การเป็นหัวหน้าเผ่า เป็นการผสมผสานบทบาทต่างๆ ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนาไว้ด้วยกัน ความโน้มเอียงทางการเมืองของคนในสังคมจึงแยกไม่ออกจากความโน้มเอียงทางสังคม หรือศาสนา
ในสังคมที่เริ่มมีการแบ่งแยกบทบาทหน้าที่แล้ว ก็ยังคงมีวัฒนธรรมทางการเมืองแบบคับแคบอยู่ แต่จะเป็นด้านความรู้สึก และการประเมินค่ามากกว่าด้านการรับรู้
3.2 วัฒนธรรมทางการเมืองประเภทไพร่ฟ้า (subject political culture) คือ เมื่อคนส่วนใหญ่ในสังคมรู้จักสถาบันทางการเมือง และมีความรู้สึกต่อมัน ไม่ว่าในแง่บวก หรือลบ อีกทั้งสามารถประเมินค่าว่ามันชอบธรรมหรือไม่ แต่เขาจะมีความสัมพันธ์ต่อระบบการเมืองโดยทั่วไป และกับปัจจัยนำออกของมันเท่านั้น คืออยู่ในฐานะผู้รอรับผลจากระบบการเมือง โดยไม่เข้าไปมีส่วนในการเสนอความต้องการของตนต่อระบบ โดยมองว่าตัวเองแทบจะไม่มีอิทธิพลใดๆ ต่อระบบ คอยแต่จะรับผลกระทบจากระบบ คือเป็นบุคคลที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับอำนาจรัฐและยอมรับมัน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยผ่านช่องทาง กลไก หรือสถาบันใด
3.3 วัฒนธรรมทางการเมืองประเภทมีส่วนร่วม (participant political culture) คือ เมื่อคนในสังคมมีความรู้ ความรู้สึกเกี่ยวกับระบบการเมือง และมีความกระตือรือร้นที่จะเข้าไปมีบทบาททางการเมือง
ในสภาพความเป็นจริงไม่มีสังคมใดมีวัฒนธรรมทางการเมืองเหมือนกับตัวแบบบริสุทธิ์ดังกล่าวข้างต้นเสียทีเดียว หรือมีวัฒนธรรมทางการเมืองอย่างเดียวกันทั้งสังคม สิ่งที่เป็นไปได้มากกว่าคือ การมีวัฒนธรรมทางการเมืองแบบผสม คือ
1) วัฒนธรรมทางการเมืองแบบคับแคบ-ไพร่ฟ้า (parochial-subject) คือ ประชาชนพลเมืองเริ่มผูกพันกับวัฒนธรรมทางการเมืองแบบคับแคบน้อยลง และเริ่มมีความจงรักภักดีต่อสถาบันทางการปกครองส่วนกลางมากขึ้น แต่ความสำนึกว่าตนเองเป็นพลังทางการเมืองอย่างหนึ่งยังมีอยู่น้อย มีการยอมรับนับถือ และปล่อยให้อภิสิทธิ์ชนทางการเมืองทำการปกครองไปโดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
2) วัฒนธรรมทางการเมืองแบบไพร่ฟ้า-มีส่วนร่วม (subject-participant) คือ ประชาชนพลเมืองแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พวกมีความเข้าใจถึงบทบาททางด้านการนำเข้ามาก และมีความรู้สึกไวต่อวัตถุทางการเมืองทุกชนิด และมีความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมทางการเมือง กับอีกพวกหนึ่งที่ยังคงยอมรับในอำนาจของอภิสิทธิ์ชนทางการเมือง และมีความเฉื่อยชาทางการเมือง
3) วัฒนธรรมทางการเมืองแบบคับแคบ-มีส่วนร่วม (parochial-participant) เป็นวัฒนธรรมทางการเมืองในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศที่แต่เดิมอำนาจของรัฐบาลกลางอ่อน มีท้องถิ่นที่มีวัฒนธรรมแบบคับแคบอยู่มาก เมื่อจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบสมัยใหม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม จึงเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรมใหม่ กับวัฒนธรรมเก่าที่คับแคบ ความผูกพันกับวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มชนที่คับแคบจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการปฏิบัติภารกิจในโครงสร้างทางการเมืองการปกครองสมัยใหม่ ทางด้านการเมือง เช่น พรรคการเมือง และทั้งทางด้านการปกครอง เช่น ระบบราชการ จนสถาบันเหล่านี้ขาดประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ของมัน
(อ่านต่อฉบับหน้า)