xs
xsm
sm
md
lg

“ประชาชนยอมรับรัฐประหาร นักวิชาการคลั่งประชาธิปไตย” / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


  
คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ  หยูทอง-แสงอุทัย
 
กว่าครึ่งปีที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างรัฐบาลทรราชเสียงข้างมาก ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ใช้อำนาจที่ได้มาจากประชาชนไปในทางทุจริตคอร์รัปชัน และแสวงหาผลประโยชน์แก่ตน และพวกพ้อง  ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าแปลกแยกแตกเป็นสองฝ่ายใหญ่ๆ  ฝ่ายหนึ่งปกป้องและสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยความเชื่อว่า เป็นประชาธิปไตย และอารยะ  อีกฝ่ายต้องการล้มล้างรัฐบาลทรราชเสียงข้างมาก เพราะขาดความชอบธรรม และทำผิดกฎหมาย
 
ความขัดแย้งค่อยๆ บานปลายขยายเป็นความรุนแรง ทั้งในด้านการสร้างความร้าวฉานในสังคม และการมีกองกำลังติดอาวุธร้ายแรงเข่นฆ่าประชาชน  ท่ามกลางการไล่ล่าตั้งข้อหารุนแรงว่าเป็นกบฏบ้าง  สนับสนุนพวกกบฏบ้างของฝ่ายรัฐบาลที่แปรขบวนเป็น ศอ.รส. ใช้กฎหมายพิเศษ  อำนาพิเศษจัดการกับประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล
 
ในที่สุดสถานการณ์บ้านเมืองเดินเข้าสู่วงจรของความขัดแย้งที่ไม่สามารถจะพูดคุยเจรจาหารือกันได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ  อันเป็นกฎหมายที่อารยะในระบอบประชาธิปไตยเขาใช้ได้ผล  จนผู้นำทางทหารต้องขุดเอากฎหมายเผด็จการทหารอายุร่วมร้อยปีคือ กฎอัยการศึก มาบังคับใช้  และที่น่าแปลกสามารถจะใช้ได้ผลมากกว่ารัฐธรรมนูญ  แต่ในที่สุดอาการป่วยไข้ของสังคมไทยต้องใช้ยาแรงยิ่งขึ้น  นั่นคือ การประกาศทำรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองมาอยู่ในอุ้งเท้าทหารหาญด้วยความจำเป็น
 
เมื่อสถานการณ์เลวร้ายเข้าสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมือง นั่นคือ การทำรัฐประหาร ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นที่รังเกียจขยะแขยงของนักประชาธิปไตยทั่วโลก  สังคมไทยก็แตกแยกเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นชัดเจน คือ ฝ่ายหนึ่งซึ่งได้แก่มวลมหาประชาชน และฝ่ายที่ต้องการล้มกระดานจัดการบ้านเมืองเสียใหม่ ก่อนไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ และเที่ยงธรรม  กับฝ่ายที่คลั่งไคล้ตะโกนเรียกหาประชาธิปไตยจากหีบเลือกตั้ง ที่ออกมาคัดค้านการรัฐประหาร
 
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจเป็นข้อตกลงเบื้องต้นว่า  ผู้เขียนไม่ได้นิยมชมชอบการรัฐประหาร และไม่ได้เกลียดชังรัฐบาล หรือรักใคร่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นการส่วนตัว  แต่ผู้เขียนเห็นด้วยต่อการรัฐประหาร และไม่เอาด้วยกับนักวิชาการหรือฟากฝั่งรัฐบาลที่แอบอ้างว่าปกป้องระบอบประชาธิปไตย และรังเกียจการรัฐประหารเป็นชีวิตจิตใจ  ด้วยเหตุผลจำเพาะต่อไปนี้
 

 
ประการแรก  ประเทศนี้ไม่เคยมีประชาธิปไตย ทั้งในหลักการปรัชญาการเมืองการปกครอง  ระบอบการเมืองการปกครอง และประชาธิปไตยในวิถีชีวิต  รัฐบาลที่กำลังถูกล้มล้างอยู่ในขณะนี้เป็นซากเดนของเผด็จการเสียงข้างมากในสภา  เป็นมือตีนของนายทุนถ่อยสถุล และเป็นเครื่องมือชั้นต่ำของอดีตนายกรัฐมนตรีที่เป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตน  ไม่เคยคำนึงถึงความเสียหายของชาติบ้านเมือง  ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน  สร้างความแตกแยกร้าวฉานเพียงเพื่อตน และพรรคพวกได้ในสิ่งที่ปรารถนา
 
ประการที่สอง  ประชาธิปไตยของนักวิชาการ และฝักฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล  เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม  ไม่ยึดโยงกับผลประโยชน์ของประชาชน  ไม่เคารพในสิทธิเสรีภาพ  ประโยชน์สุขของประชาชน  เป็นประชาธิปไตยแบบซุกหีบ  ประชาธิปไตยในคูหาการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยอำนาจมืด  อิทธิพล  การซื้อสิทธิขายเสียง  ความไม่รู้เท่าทันของประชาชนผู้ทำหน้าที่เลือกตั้ง  พรรคการเมืองใหญ่ล้วนใช้ความได้เปรียบในเรื่องอำนาจ  อิทธิพล  เงิน  และผลประโยชน์ในการช่วงชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  มีการซื้อขาย ส.ส.แบบตลาดวัวควาย
 
ประการที่สาม  ประเทศนี้ไม่เคยมีรัฐประหารที่ทำเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่  ขจัดรัฐบาลสารเลวออกจากระบบการเมืองการปกครอง  กวาดล้างอิทธิพล  อำนาจมืดในร่มเงาของรัฐบาลเถื่อนถ่อย  ที่ทำตัวเป็นขยะสังคม  ปกป้องประชาชนจากการถูกข่มขู่คุกคามไล่ล่าเข่นฆ่าแบบหมูหมาวัวควาย  โยกย้ายข้าราชการเลวที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับประชาชนออกจากตำแหน่ง  เอาคนดีมีคุณธรรม  มีความน่าเชื่อถือหรืออย่างน้อยไม่แสดงตัวเป็นขี้ข้าของนักการเมืองและผู้มีอำนาจสารเลวมาทำหน้าที่ดูแลประชาชน และบ้านเมืองแทน  เป็นต้น
 
ประการที่สี่  รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบการเมืองที่ผ่านมา ไม่สามารถจะปกป้องดูแลประชาชน  ทุจริตคอร์รัปชัน  โกงชาวนา  แก้ปัญหาภัยธรรมชาติ  ปัญหาเศรษฐกิจ  ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาอื่นๆ ไม่ได้  มิหนำซ้ำยังสร้างปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม  อำนวยความอยุติธรรมไปทั่วทุกหัวระแหง  ประกาศตัวเป็นศัตรูกับประชาชนที่ไม่สนับสนุนตน และลิ่วล้อ  จะจัดสรรงบประมาณให้เฉพาะพื้นที่ที่สนับสนุนพรรคการเมืองของพวกตนเท่านั้น
 
ประการที่ห้า  การรัฐประหารครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะทำตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่  เพื่อนำพาประเทศชาติบ้านเมืองออกจากวังวนของความขัดแย้ง  จากการรับใช้ผลประโยชน์ของคนเพียงคนเดียว หรือตระกูลเดียว  ดังคำประกาศของแกนนำ นปช.และเสื้อแดง
 
ดังนั้น  ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ที่มีดวงตาเห็นธรรม  อยู่กับความจริงที่ว่า  รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมันเถื่อนถ่อยสถุล  ประกาศตัวเป็นศัตรูกับประชาชน  มีหรือปล่อยให้กองกำลังเถื่อนถ่อยทำร้ายประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่เคยจับใครมาลงโทษได้ ไม่น่าจะดีกว่ารัฐประหารที่สามารถจะทำได้ทุกเรื่องที่รัฐบาลนี้ทำไม่ได้  โดยเฉพาะการปกป้องประชาชนจากการคุกคามของรัฐบาลถ่อย และการปราบปรามคนชั่วให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย เพื่อนำสังคมออกจากปากเหวแห่งหายนะ
 
ส่วนนักวิชาการที่ไร้เดียงสา และไม่รู้สึกรู้สาต่อชะตากรรมของบ้านเมืองและประชาชน  มีพฤติกรรมยุแยงตะแคงรั่วยั่วเย้าไปวันๆ  กอดตำราหลักการทางรัฐศาสตร์  นิติศาสตร์สมัยบรรพกาล โดยไม่ยอมเปิดหูเปิดตาทำความเข้าใจบริบทของสังคมไทย  ก็ปล่อยให้พวกเขาเล่นสนุกสนานกันต่อไปท่ามกลางความทุกขเวทนาของมวลมหาประชาชนผู้สิ้นหวังกับปัญญาชน “ปัญญาอ่อน” รุ่นนี้
 
ทำไงได้ ก็เราเป็นประเทศด้อยพัฒนา  มันก็พัฒนาได้แค่นี้แหละครับพี่น้อง.
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น