คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
ในสถานการณ์สู้รบเข้าด้ายเข้าเข็มระหว่างรัฐบาลทรราชเสียงข้างมาก และลิ่วล้อทหารเลวที่หลากหลายทั้งนักกฎหมาย นักวิชาการ นักพรต นักบวช นายทุน ขุนศึกถั่งเช่า ฯลฯ กับมวลมหาประชาชน โดยมีศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สิ่งที่ปวงชนคนไทยทุกคนต้องถามตนเอง และตอบตนเองให้ได้คือ “เรายืนอยู่ตรงไหนของความขัดแย้ง หรือสงครามทางการเมืองครั้งนี้”
ถ้าใครก็ตามที่มีสถานภาพความเป็นพลเมืองของประเทศ เป็นพลโลกของมวลมนุษยชาติ ต้องมีบทบาทของความเป็นสมาชิกของประเทศ และของโลก ไม่ว่าจะมีจุดยืนเคียงข้างฝ่ายไหนก็ตามที ไม่งั้นก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ให้เสียพื้นที่ เปลืองอากาศ เปลืองแผ่นดิน หายใจทิ้งไปวันๆ ทำไมกัน
บางคนเลือกที่จะทำหน้าที่ปกป้องรัฐบาลทรราชเสียงข้างมากที่ไร้ความสามารถในการบริหารจัดการบ้านเมือง แต่มากความสามารถในการโกงกินคอรัปชัน บ้าอำนาจ เถื่อนถ่อยสถุล ไร้ยางอาย บางคนเลือกที่จะประกาศเป็นสาวกของลัทธิ “เลือกตั้งนิยม” กราบกรานการเลือกตั้งให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเป็นทางออกของทุกเรื่อง
บางคนเลือกที่จะทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของอดีตนายกรัฐมนตรีที่เป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” สร้างความแตกแยกแตกร้าวของคนในชาติ เพื่อกรุยทางสู่ความสำเร็จในการแสวงหาความสำเร็จส่วนตน และวงศาคณาญาติ
บางคนทอดตัวลงเป็นสุนัขรับใช้เพื่อแลกกับตำแหน่งหน้าที่การงาน โอกาสในการแสวงหาอำนาจ และผลประโยชน์เฉพาะตน ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงที่ไม่งอมืองอเท้า หรือก้มหัวให้กับความอยุติธรรม
บางคนเลือกที่จะเป็นนักวาทกรรม ใช้ตรรกะแบบงี่เง่าในการอธิบายปรากฏการณ์ และธาตุแท้ของการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชน โดยพยายามอธิบายด้วยตรรกะแบบตื้นเขินว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการกระทำของแกนนำ หากแกนนำเหล่านี้อยู่เฉยๆ ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น หากฟังดูแบบผิวเผินก็มีเหตุมีผลน่ารับฟัง แต่หากพิจารณาด้วยวิจารณญาณ และสติปัญญาก็จะพบว่า เป็นตรรกะที่ไร้เหตุผลและบิดเบือนอย่างน่าทุเรศที่สุด คนเหล่านี้มีชาติกำเนิดมาจากแหล่งประกอบการที่เกี่ยวข้องกับน้ำกามเป็นหลัก
บางคนเลือกที่จะเฉยเมยต่อชะตากรรมของมวลมหาประชาชน แต่กุลีกุจอยิ่งสำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกรัฐมนตรี เครือญาติ และลิ่วล้อทั้งหลาย ใช้อำนาจที่มีโดยปราศจากความชอบธรรม ใช้กระบวนการยุตธรรมสร้างความอยุติธรรมอย่างหน้าด้านไร้ยางอายที่สุด
บางคนลดตัวจากนายกรัฐมนตรีนกแก้วนกขุนทองลงเป็นคนตอแหล ไร้ยางอาย ปฏิเสธความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่อันมีเกียรติอย่างหน้าด้านๆ ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ต่อภารกิจในหน้าที่ งานโน้นมอบหมายให้คนนี้ดูแล งานนี้มอบหมายให้คนนั้นกำกับ ดำเนินการ ครั้นถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการโดยไม่ชอบธรรม ขัดรัฐธรรมนูญ ก็แก้ตัวว่าทำไปตามขั้นตอน เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่ได้ทำเพื่อญาติพี่น้องตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งๆ ที่คนที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ คือ ญาติพี่น้องเห็นกันโดยชัดแจ้งอยู่แล้ว
บางคนใช้ตำแหน่งหน้าที่ และงบประมาณแผ่นดินมาใช้ในการระดมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และบุคลากรในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาสนับสนุนตน และพรรคการเมืองที่ตนสังกัด โดยไม่คำนึงถึงความแตกแยกแตกร้าวของคนในชาติ และการลบหลู่ดูหมิ่นคนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนให้กลายเป็นเพียงลิ่วล้อชั้นเลวของนักการเมืองถ่อยเท่านั้น
บางคนทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในฐานะเป็นกระบอกเสียงให้แก่รัฐบาลทรราชเสียงข้างมากอย่างไร้ยางอาย ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของสื่อมวลชนที่มีฐานะเป็นฐานันดรที่สี่ที่มีความสำคัญกว่ารัฐบาลเสียด้วยซ้ำ แต่สื่อมวลชนพวกนี้ทำได้ทุกอย่างทั้งสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่บริหารจัดการด้วยเงินภาษีของประชาชน
บางคนเป็นสื่อมวลชนในสังกัดเอกชน เคยประกาศตัวเป็นสื่อมวลชนระดับคุณภาพของประเทศ แต่กลับประกาศตัวสนับสนุนรัฐบาลทรราชเสียงข้างมากอย่างออกนอกหน้า ทั้งนายทุนเจ้าของกิจการ บรรณาธิการ คอลัมนิสต์ (บางคน) โดยเฉพาะนักวิชาการอาวุโสก็ไม่เว้นที่จะประกาศตัวเป็นสมุนของคนถ่อย
บางคนสถาปนาตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย ออกมาปกป้องระบอบประชาธิปไตย เหมือนที่นายกรัฐมนตรีประกาศขอยอมตายคาสนามประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประชาธิปไตยคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร
บัดนี้เป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ประชาชนคนไทยจะได้ร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์ จึงไม่ควรที่ใครจะตกบันไดประวัติศาสตร์ เพราะหลังจากนี้ไปไม่นานย่อมจะมีคนถามว่า “ในวันที่เกิดความขัดแย้งทางการเมือง และเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คุณยืนอยู่ตงไหนของความขัดแย้ง และได้มีส่วนร่วมในการจัดการกับความขัดแย้งนั้นอย่างไรบ้าง”
หากท่านไม่มีคำตอบให้แก่คำถามนี้ หรือมีแต่ไม่กล้าตอบเพราะจะถูกหัวเราะเยาะให้อับอายขายขี้หน้า ก็ต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้ ณ บัดนี้.