xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อนร่วมชาติของข้าฯ / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“มวลมหาประชาชน” ภาพสีน้ำมันขนาด 2x3 ม. ผลงานของ วสันต์ สิทธิเขตต์ เขียนขึ้น ณ เวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ในครอบครอง ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต
 
คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ  หยูทอง-แสงอุทัย
 
ในสถานการณ์สู้รบเข้าด้ายเข้าเข็มระหว่างรัฐบาลทรราชเสียงข้างมาก และลิ่วล้อทหารเลวที่หลากหลายทั้งนักกฎหมาย  นักวิชาการ  นักพรต  นักบวช  นายทุน  ขุนศึกถั่งเช่า  ฯลฯ  กับมวลมหาประชาชน  โดยมีศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  สิ่งที่ปวงชนคนไทยทุกคนต้องถามตนเอง และตอบตนเองให้ได้คือ  “เรายืนอยู่ตรงไหนของความขัดแย้ง หรือสงครามทางการเมืองครั้งนี้”
 
ถ้าใครก็ตามที่มีสถานภาพความเป็นพลเมืองของประเทศ  เป็นพลโลกของมวลมนุษยชาติ  ต้องมีบทบาทของความเป็นสมาชิกของประเทศ และของโลก  ไม่ว่าจะมีจุดยืนเคียงข้างฝ่ายไหนก็ตามที  ไม่งั้นก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ให้เสียพื้นที่  เปลืองอากาศ  เปลืองแผ่นดิน  หายใจทิ้งไปวันๆ ทำไมกัน
 
บางคนเลือกที่จะทำหน้าที่ปกป้องรัฐบาลทรราชเสียงข้างมากที่ไร้ความสามารถในการบริหารจัดการบ้านเมือง  แต่มากความสามารถในการโกงกินคอรัปชัน  บ้าอำนาจ  เถื่อนถ่อยสถุล  ไร้ยางอาย  บางคนเลือกที่จะประกาศเป็นสาวกของลัทธิ “เลือกตั้งนิยม”  กราบกรานการเลือกตั้งให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล  เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง  โดยเฉพาะเป็นทางออกของทุกเรื่อง
 
บางคนเลือกที่จะทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของอดีตนายกรัฐมนตรีที่เป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” สร้างความแตกแยกแตกร้าวของคนในชาติ  เพื่อกรุยทางสู่ความสำเร็จในการแสวงหาความสำเร็จส่วนตน และวงศาคณาญาติ
 
บางคนทอดตัวลงเป็นสุนัขรับใช้เพื่อแลกกับตำแหน่งหน้าที่การงาน  โอกาสในการแสวงหาอำนาจ และผลประโยชน์เฉพาะตน  ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงที่ไม่งอมืองอเท้า หรือก้มหัวให้กับความอยุติธรรม
 
บางคนเลือกที่จะเป็นนักวาทกรรม  ใช้ตรรกะแบบงี่เง่าในการอธิบายปรากฏการณ์ และธาตุแท้ของการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชน  โดยพยายามอธิบายด้วยตรรกะแบบตื้นเขินว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการกระทำของแกนนำ  หากแกนนำเหล่านี้อยู่เฉยๆ ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น  หากฟังดูแบบผิวเผินก็มีเหตุมีผลน่ารับฟัง  แต่หากพิจารณาด้วยวิจารณญาณ และสติปัญญาก็จะพบว่า  เป็นตรรกะที่ไร้เหตุผลและบิดเบือนอย่างน่าทุเรศที่สุด  คนเหล่านี้มีชาติกำเนิดมาจากแหล่งประกอบการที่เกี่ยวข้องกับน้ำกามเป็นหลัก
 
บางคนเลือกที่จะเฉยเมยต่อชะตากรรมของมวลมหาประชาชน  แต่กุลีกุจอยิ่งสำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกรัฐมนตรี  เครือญาติ และลิ่วล้อทั้งหลาย  ใช้อำนาจที่มีโดยปราศจากความชอบธรรม  ใช้กระบวนการยุตธรรมสร้างความอยุติธรรมอย่างหน้าด้านไร้ยางอายที่สุด
 
บางคนลดตัวจากนายกรัฐมนตรีนกแก้วนกขุนทองลงเป็นคนตอแหล  ไร้ยางอาย  ปฏิเสธความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่อันมีเกียรติอย่างหน้าด้านๆ  ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ต่อภารกิจในหน้าที่  งานโน้นมอบหมายให้คนนี้ดูแล  งานนี้มอบหมายให้คนนั้นกำกับ ดำเนินการ  ครั้นถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการโดยไม่ชอบธรรม  ขัดรัฐธรรมนูญ  ก็แก้ตัวว่าทำไปตามขั้นตอน  เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง  ไม่ได้ทำเพื่อญาติพี่น้องตามที่ถูกกล่าวหา  ทั้งๆ ที่คนที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ คือ ญาติพี่น้องเห็นกันโดยชัดแจ้งอยู่แล้ว
 
บางคนใช้ตำแหน่งหน้าที่ และงบประมาณแผ่นดินมาใช้ในการระดมกำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  และบุคลากรในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาสนับสนุนตน และพรรคการเมืองที่ตนสังกัด  โดยไม่คำนึงถึงความแตกแยกแตกร้าวของคนในชาติ  และการลบหลู่ดูหมิ่นคนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนให้กลายเป็นเพียงลิ่วล้อชั้นเลวของนักการเมืองถ่อยเท่านั้น
 
บางคนทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในฐานะเป็นกระบอกเสียงให้แก่รัฐบาลทรราชเสียงข้างมากอย่างไร้ยางอาย  ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี  เกียรติภูมิของสื่อมวลชนที่มีฐานะเป็นฐานันดรที่สี่ที่มีความสำคัญกว่ารัฐบาลเสียด้วยซ้ำ  แต่สื่อมวลชนพวกนี้ทำได้ทุกอย่างทั้งสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการของประชาชน  โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่บริหารจัดการด้วยเงินภาษีของประชาชน
 
บางคนเป็นสื่อมวลชนในสังกัดเอกชน  เคยประกาศตัวเป็นสื่อมวลชนระดับคุณภาพของประเทศ  แต่กลับประกาศตัวสนับสนุนรัฐบาลทรราชเสียงข้างมากอย่างออกนอกหน้า  ทั้งนายทุนเจ้าของกิจการ  บรรณาธิการ  คอลัมนิสต์ (บางคน)  โดยเฉพาะนักวิชาการอาวุโสก็ไม่เว้นที่จะประกาศตัวเป็นสมุนของคนถ่อย
 
บางคนสถาปนาตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย  ออกมาปกป้องระบอบประชาธิปไตย  เหมือนที่นายกรัฐมนตรีประกาศขอยอมตายคาสนามประชาธิปไตย  ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประชาธิปไตยคืออะไร  มีที่มาที่ไปอย่างไร
 
บัดนี้เป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ประชาชนคนไทยจะได้ร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์  จึงไม่ควรที่ใครจะตกบันไดประวัติศาสตร์  เพราะหลังจากนี้ไปไม่นานย่อมจะมีคนถามว่า  “ในวันที่เกิดความขัดแย้งทางการเมือง และเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ  คุณยืนอยู่ตงไหนของความขัดแย้ง  และได้มีส่วนร่วมในการจัดการกับความขัดแย้งนั้นอย่างไรบ้าง”
 
หากท่านไม่มีคำตอบให้แก่คำถามนี้  หรือมีแต่ไม่กล้าตอบเพราะจะถูกหัวเราะเยาะให้อับอายขายขี้หน้า  ก็ต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้ ณ บัดนี้.
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น