ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ต จัดประชุมสร้างความรู้ความเข้าใจในการขอรับใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว ในกิจการการแนะนำเทคนิคการดำน้ำ เพื่อแก้ปัญหาการทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกร้องเรียนมีการเรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจดำน้ำ อยู่ระหว่างชี้มูลความผิดของ ป.ป.ท.
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมืองภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการขอรับใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว ในกิจการการแนะนำเทคนิคการดำน้ำ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจังหวัดภูเก็ต โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น มีนางเยาวภา พิบูลย์ผล จัดหางานจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าหน่วยงานราชการเกี่ยวข้อง ตลอดจนนายจ้าง/เจ้าของสถานประกอบการ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจดำน้ำ และคนต่างด้าว ให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก
นางเยาวภา พิบูลย์ผล จัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการจัดประชุมฯ ในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากมีคนต่างด้าวจำนวนมากที่เข้ามาทำงานในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะกิจการแนะนำเทคนิคการดำน้ำ ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจลักษณะงานที่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน ทำให้เกิดกรณีคนต่างด้าวทำงานผิดลักษณะงาน หรือผิดสถานที่ ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และเกิดปัญหาร้องเรียนตามมา ตามที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดประชุมเพื่อให้นายจ้าง เจ้าของสถานประกอบการ และคนต่างด้าวในจังหวัดภูเก็ต ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทำงานอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย นักดำน้ำที่ดีควรทำอย่างไร สิทธิและประโยชน์ที่ได้รับจากประกันสังคม และนายจ้างกับลูกจ้างควรดูแลกันอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่นายจ้าง/เจ้าของสถานประกอบการ และคนต่างด้าวมีความรู้ความเข้าใจ ก็จะทำให้การทำผิดกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวลดลงตามไปอีกด้วย
ด้านนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวด้วยว่า การประชุมฯ วันนี้ สืบเนื่องเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา มีปัญหาร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติไม่ถูกต้องต่อผู้ประกอบการดำน้ำ ในส่วนที่เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการไม่ถูกต้อง ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ได้ลงมาดำเนินการตรวจสอบ สอบสวน และรับเรื่องไปแล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ที่ทำไม่ถูกต้องก็อยู่ในช่องทางที่ ป.ป.ท.จะดำเนินการ
สำหรับวันนี้เป็นการทำงานเชิงรุก โดยการจัดให้มีการประชุมพบปะกันระหว่างผู้ประกอบการดำน้ำและเจ้าหน้าที่จัดหางาน เพื่อชี้แจงกฎระเบียบในการขอใบอนุญาตทำงาน ซึ่งมีรายละเอียดที่ปรับปรุงใหม่ครอบคลุมที่จะปกป้องผู้ประกอบการในการปฏิบัติหน้าที่ ครอบคลุมทั้งภูเก็ต และนอกจากทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการแล้ว ยังได้ชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย รวมถึงชี้แจงทำความเข้าใจต่อผู้ประกอบการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากประกันสังคมด้วย
นายไมตรี กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนี้ที่สำคัญยิ่งในการประชุมวันนี้ เราจะรับฟังปัญหาที่ประพฤติไม่ชอบ หรือความฉ้อฉลที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนจะหาช่องว่างของกฎหมาย และทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เราจะรับฟังปัญหาข้อร้องเรียน เพื่อไปวางระบบป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดกิจกรรมดำน้ำให้อยู่ในภูเก็ตมากขึ้น เนื่องจากว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนบริษัท และผู้เรียนดำน้ำอยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งเรามีบริษัทดำน้ำ จำนวน 164 บริษัท และมีนักดำน้ำที่เป็นครูสอนดำน้ำ จำนวน 194 คน เป็นหน้าตาของการท่องเที่ยวซึ่งสอดคล้องกับมารีน่าฮับของภูเก็ต ชาวต่างชาติสนใจเกี่ยวกับทะเล การดำน้ำ การเดินเรือ เกี่ยวกับชายทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาหน้าตาตรงส่วนนี้ไว้ เพราะฉะนั้นการที่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้วเรามาทำงานเชิงรุก และสร้างความเข้าใจ ก็เป็นแนวทางที่เราทำมาตลอด ซึ่งรวมทั้งเรื่องแท็กซี่ และเจ็ตสกี เพราะฉะนั้นการทำงานแบบนี้เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และมีที่พึ่ง ก็มีทั้งสำนักงานจัดหางาน สมาคมดำน้ำ ในการรับข้อร้องทุกข์ และป้องกันเจ้าหน้าที่ที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากกิจการดำน้ำ
“เรามีหน่วยงานลงมาตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นโดยตรง ไม่ใช่เฉพาะพวกเราตรวจสอบกันเอง ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงที่จะกำชับกำราบไม่ให้เกิดความเสี่ยงเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราวางระบบ และที่มีปัญหาเกิดขึ้น บางครั้งต่างฝ่ายต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน บางคนซ่อนตัวมาในการทำผิด ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเองก็สมยอม ทำให้ดำรงอยู่ได้ อย่างไรก็ตาม เรามีการพัฒนาในการแก้ปัญหามาโดยตลอดในเรื่องของใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเราให้ความสำคัญ” นายไมตรี กล่าวในที่สุด
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว รอง ผบช.ภ.8 และกรรมการสมาคมดำน้ำแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหากรณีมีเจ้าหน้าที่ของรัฐจากหลายหน่วยเข้าไปเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการดำน้ำ ว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ เชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจของชาวต่างชาติว่าจะทำอย่างไรให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายทั้งหมด ซึ่งตนเชื่อว่าทุกคนอยากทำให้ถูกต้อง แต่ก็เกิดจากระบบของเราซึ่งยังไม่เหมาะสม ไม่สมบูรณ์ ยังไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม ก็เป็นปัญหาระบบราชการของเราทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 และทางสมาคมดำน้ำแห่งประเทศไทย เราจะพยายามรับรู้ และเข้าใจสาเหตุของปัญหาให้มาก และถ้าเป็นไปได้จะดึงผู้ประกอบการเหล่านี้เข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมดำน้ำ เพื่อให้ง่ายขึ้นในเรื่องของการให้คำแนะนำให้ละเอียดในการประกอบอาชีพเพื่อไม่ให้มีช่องว่างทางกฎหมายเกิดขึ้น
นอกจากนี้ พล.ต.ต.รณพงษ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการดำน้ำด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ไปแล้วหนึ่งคน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ ที่ถูกร้องเรียน อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งตนได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นสรุปเสนอไปยัง ป.ป.ท. ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ ถ้าผลออกมาเป็นความผิดจริง ก็ต้องถูกดำเนินการไปตามระเบียบ และขั้นตอนของกฎหมายอาจจะถูกไล่ออก หรือถูกปลด
