ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผกก.สภ.ฉลอง ปฏิเสธไม่มีเจ้าหน้าที่ ตร.ในสังกัดเกี่ยวข้องกรณีจับกุมครูสอนดำน้ำ เรียกเงินจ่ายรายเดือน อ้างไม่ใช่หน่วยงานตรง ไม่มีอำนาจจับกุม ขณะที่เลขานุการสมาคมดำน้ำฯ เผยกำลังรวบรวมข้อมูลยื่น 3 หน่วยงานที่รับผิดชอบภายในสัปดาห์นี้
จากกรณีปัญหาที่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ และครูสอนดำน้ำชาวต่างชาติในพื้นที่ตำบลฉลอง และในจังหวัดภูเก็ต กว่า 100 คน เข้าร้องเรียนต่อสมาคมดำน้ำ ที ดี เอ แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวในข้อหาทำงานผิดประเภท นำตัวไปสอบสวนหลายชั่วโมงก่อนปล่อยตัว หลังจากนั้น มีการเรียกรับผลประโยชน์โดยนำเรื่องของการอนุญาตทำงานมาอ้าง
วันนี้ (24 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว โดย พ.ต.อ.กฤตภาส เดชอินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า ปกติเรื่องธุรกิจดำน้ำในพื้นที่ สภ.ฉลอง ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเป็นการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว มีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่เข้าไปดูแล เช่น สมาคมดำน้ำ จัดหางานจังหวัด หรือหน่วยงานอื่นๆ คอยดูแลเรื่องกฎหมายต่างๆ อยู่แล้ว แต่ทาง สภ.ฉลอง จะดูแลในเรื่องความปลอดภัย และให้คำแนะนำในบางเรื่องเท่านั้น
สำหรับกรณีที่มีการจับกุม และเรียกเงินรายเดือนจากผู้ประกอบการนั้น ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ สภ.ฉลอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะนี้ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่แล้วไม่มีกรณีดังกล่าว ส่วนที่ระบุว่าหลังมีการจับกุมแล้วนำมาที่ สภ.ฉลอง นั้น ยอมรับว่าอาจเป็นไปได้ เนื่องจาก สภ.ฉลอง เป็นที่สาธารณะ เมื่อมีคดีความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกชน หรือหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายก็สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาตรวจสอบได้ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความผิดก็ปล่อยตัวไป
แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ที่ผ่านมา ทราบว่าหน่วยงานอื่นก็มีความเข้มในการตรวจสอบเกี่ยวกับการประกอบอาชีพของชาวต่างชาติ ถ้า สภ.ฉลอง จะดำเนินการเองก็คงไม่มีอำนาจ และไม่ใช่หน้าที่โดยตรง นอกจากนี้ นโยบายของที่นี่ก็ชัดเจน หากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะไม่ปกป้อง ต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายพงษ์สวรรค์ สถาธรรม เลขานุการและทนายความสมาคมดำน้ำฯ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ กำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่ได้รับร้องเรียนทั้งหมด และจัดทำเป็นรายงานเพื่อเตรียมยื่นให้แก่ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานจัดหางาน โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จ และยื่นได้ภายในสัปดาห์นี้
จากกรณีปัญหาที่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ และครูสอนดำน้ำชาวต่างชาติในพื้นที่ตำบลฉลอง และในจังหวัดภูเก็ต กว่า 100 คน เข้าร้องเรียนต่อสมาคมดำน้ำ ที ดี เอ แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวในข้อหาทำงานผิดประเภท นำตัวไปสอบสวนหลายชั่วโมงก่อนปล่อยตัว หลังจากนั้น มีการเรียกรับผลประโยชน์โดยนำเรื่องของการอนุญาตทำงานมาอ้าง
วันนี้ (24 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว โดย พ.ต.อ.กฤตภาส เดชอินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า ปกติเรื่องธุรกิจดำน้ำในพื้นที่ สภ.ฉลอง ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเป็นการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว มีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่เข้าไปดูแล เช่น สมาคมดำน้ำ จัดหางานจังหวัด หรือหน่วยงานอื่นๆ คอยดูแลเรื่องกฎหมายต่างๆ อยู่แล้ว แต่ทาง สภ.ฉลอง จะดูแลในเรื่องความปลอดภัย และให้คำแนะนำในบางเรื่องเท่านั้น
สำหรับกรณีที่มีการจับกุม และเรียกเงินรายเดือนจากผู้ประกอบการนั้น ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ สภ.ฉลอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะนี้ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่แล้วไม่มีกรณีดังกล่าว ส่วนที่ระบุว่าหลังมีการจับกุมแล้วนำมาที่ สภ.ฉลอง นั้น ยอมรับว่าอาจเป็นไปได้ เนื่องจาก สภ.ฉลอง เป็นที่สาธารณะ เมื่อมีคดีความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกชน หรือหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายก็สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาตรวจสอบได้ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความผิดก็ปล่อยตัวไป
แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ที่ผ่านมา ทราบว่าหน่วยงานอื่นก็มีความเข้มในการตรวจสอบเกี่ยวกับการประกอบอาชีพของชาวต่างชาติ ถ้า สภ.ฉลอง จะดำเนินการเองก็คงไม่มีอำนาจ และไม่ใช่หน้าที่โดยตรง นอกจากนี้ นโยบายของที่นี่ก็ชัดเจน หากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะไม่ปกป้อง ต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายพงษ์สวรรค์ สถาธรรม เลขานุการและทนายความสมาคมดำน้ำฯ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ กำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่ได้รับร้องเรียนทั้งหมด และจัดทำเป็นรายงานเพื่อเตรียมยื่นให้แก่ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานจัดหางาน โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จ และยื่นได้ภายในสัปดาห์นี้