ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ดีเอสไอภาค 8 ร่วมกับสำนักงานอาหารและยา บุกทลายแหล่งจำหน่ายยาแผนโบราณปลอมรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต ได้ของกลางเป็นยาปลอมหลายชนิด มูลค่าหลัก 10 ล้านบาท
วันนี้ (19 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 8 กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย นายอุดม เพชรคุด พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ ร่วมกับนายธรรมรงค์ ช่วยอักษร ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่จากองค์การอาหารและยา นำหมายศาลเข้าตรวจค้น 2 บริษัท ซึ่งสืบทราบว่าเป็นแหล่งจำหน่ายยาปลอม ซึ่งไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาหลายชนิดแก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
โดยจุดแรกเข้าตรวจค้นที่บริษัท ดิสคัพเวอรี่ พาร์ค แอนด์ นิวทรีเม้น จำกัด เลขที่ 9/8 ม.5 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งภายในเปิดเป็นสถานแสดงงู พบมีการจำหน่ายยาหลายชนิดให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ตรวจสอบเบื้องต้นมีใบอนุญาตประกอบการถูกต้อง แต่เมื่อตรวจสอบตัวยาที่จำหน่าย บนขวดไม่มีฉลากภาษาไทย และไม่มีเลขทะเบียนยารับรองจาก อย.จึงตรวจยึดทั้งหมดไปตรวจสอบ ก่อนเชิญตัวผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 6 ราย ไปสอบปากคำ
สำหรับตัวยาที่ตรวจยึดได้มีทั้งลักษณะที่เป็นแคปซูลคล้ายยาลูกกลอน บรรจุในขวด 2 ขนาด คือ ขนาด 80 แคปซูล ราคาจำหน่าย 3,100 บาท และขนาด 180 แคปซูล ติดราคาจำหน่าย 5,800 บาท และบนฉลากยังพบสัญลักษณ์รูปงูพร้อมระบุชื่อยา 8 รายชื่อ ได้แก่ 1.SHE BAIN WAN 2.TIAO JING WAN 3.SHE YOU WAN 4.SHE DAN WAN 5.YI SHEN WAN 6.SHE FEN WAN 7.JIE DU DAN 8.FENG SHI WAN ทั้งหมดบรรจุในลังกระดาษขนาดใหญ่ด้านข้างระบุตราและที่อยู่ของบริษัทดังกล่าว รวมกว่า 50 ลัง นอกจากนี้ ยังมียาชนิดแคปซูลที่บรรจุในถุงอีกจำนวนหนึ่ง
ส่วนจุดที่ 2 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่ บริษัท โรยัล พาร์ค ภูเก็ต จำกัด เลขที่ 80/3 ม.4.ถ.เหมืองเจ้าฟ้า ต.วิชิต อ.เมือง พบยาลักษณะเดียวกันบรรจุในลังกระดาษ ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นยาชนิดเดียวกัน ต่างกันที่บนฉลากมีภาษาไทยกำกับ ชื่อยาเป็นยาแผนโบราณ เซีย ทู หวัน มีการอ้างสรรพคุณแก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้หัด อีสุกอีใส แต่ไม่มีเลขทะเบียนยา และสัญลักษณ์จากองค์การอาหารและยารับรอง จึงทำการตรวจยึดจำนวนกว่า 30 ลัง และเชิญตัวเจ้าของบริษัทมาสอบปากคำ
เภสัชกรหญิงปิยะรส วัชระนุกูล เภสัชกรชำนาญการองค์การอาหารและยา กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบตัวผลิตภัณฑ์ในบริษัทแรกซึ่งมีใบอนุญาตประกอบการถูกต้อง แต่ตัวยา หรือผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 8 รายการ ทุกยี่ห้อไม่มีภาษาไทยกำกับ ไม่มีการรับรองจากองค์การอาหารและยา ตรวจสอบจากเลขทะเบียนที่แจ้งไม่ตรงกับตัวยาที่บรรจุ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นยาปลอม ส่วนอีกรายพบว่าเป็นยาชนิดเดียวกันแต่มีภาษาไทยกำกับ แต่ไม่ระบุเลขทะเบียนยา และไม่มีเครื่องหมาย อย.กำกับ จึงเชื่อว่าเป็นยาปลอมเช่นกัน แต่ต้องรอการตรวจสอบเพื่อความแน่ใจอีกครั้งหนึ่ง สำหรับมูลค่ายาทั้งหมดประเมินเบื้องต้นยังไม่ได้มีการนับอย่างละเอียด แต่คาดว่าจะมีมูลค่าหลัก 10 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 2 ข้อกล่าวหา คือ 1.ขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยา 2510 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 5,000 บาท และ 2.ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ยา 2510