xs
xsm
sm
md
lg

“ประชาคมสงขลานครินทร์” แถลงจี้รัฐบาลรักษาการลาออก เลือกนายกคนกลางบริหารประเทศ(ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กลุ่มประชาชาคมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แถลงการณ์ประณามความล้มเหลวของโครงการจำนำข้าว เรียกร้องรัฐบาลรักษาการลาออกโดยเปิดโอกาสนายกคนกลางเข้าบริหารประเทศ ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯที่ออกโดยขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน จี้ตำรวจดำเนินการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุร้ายโดยเร็ว พร้อมทั้งตั้งกล่องบริจาคสมทบทุนช่วยชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อน

วันนี้(13 ก.พ.) เวลา 08.30 น.ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ กลุ่มประชาคมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 7 เพื่อแสดงจุดยืนเกี่ยวกับวิกฤติการณ์ทางการเมืองของประเทศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมีแพทย์ พยาบาล รวมถึงบุคลากรโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

ซึ่งภายในการอ่านแถลงการณ์มีการกล่าวปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งความล้มเหลวของโครงการจำนำข้าวที่ใช้งบประมาณไปกว่า 800,000 ล้านบาท แต่ขาดทุนไปกว่า 400,000 ล้านบาท ตลอดจนชาวนาซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติที่กำลังได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวกว่า 6 เดือน โดยมีการตั้งกล่องรับบริจาคเงินเพื่อระดมทุนช่วยเหลือชาวนาซึ่งได้รับความเดือดร้อน ซึ่งในแถลงการณ์กลุ่มประชาคมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ฉบับที่ 7 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

แถลงการณ์ ประชาคมสงขลานครินทร์ ฉบับที่ 7
นับตั้งแต่การประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภา ในวันที่ 9 ธันวาคม 2556 และได้มีรัฐบาลรักษาการในการบริหารประเทศ จนถึงปัจจุบัน พบว่ารัฐบาลรักษาการที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนี้ไม่สามารถที่จะนำพาประเทศ ไปสู่ความสงบเรียบร้อยได้ อีกทั้งยังไม่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้หลังจากการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ได้ ตรงกันข้ามกลับสร้างให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อการบริหารของรัฐบาลรักษาการในหลายภาคส่วน อันเนื่องมาจากนโยบายรับจำนำข้าวที่ขาดความโปร่งใส ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้ในการจัดการแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แม้บุคคล หน่วยงาน และองค์กรจากหลายภาคส่วนได้แจ้งเตือน และแสดงข้อมูลให้เห็นถึงความเสียหาย และวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศที่จะตามมา แต่รัฐบาลรักษาการก็มิได้ตระหนักรู้ และไม่ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อความรุนแรงของปัญหาที่นับวันจะมีมากขึ้น เพราะรัฐบาลไม่ได้คิดหาทางแก้ไขอย่างจริงจังและจริงใจ

โครงการดังกล่าวเต็มไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่น ดังจะเห็นได้จากการชี้มูลความผิดต่อรัฐมนตรีที่รับผิดชอบของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และหนังสือแจ้งเตือนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) นอกจากนี้ยังมีการรายงานจากองค์กรต่างๆ ที่พบว่า นโยบายจำนำข้าวมีการใช้งบประมาณของแผ่นดินจำนวนมหาศาลกว่า 8 แสนล้านบาทอย่างไม่โปร่งใส และไม่สามารถตรวจสอบได้ จนส่งผลให้เกษตรกรชาวนาไม่ได้รับเงินจากโครงการนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และมีชาวนาอีกหลายล้านคนที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการดังกล่าวเป็นระยะเวลานานกว่า 4 เดือน จนเกิดการชุมนุมประท้วงของเกษตรกรชาวนาในหลายจุดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังคงมีการชุมนุมของประชาชนทุกภาคส่วนโดยสงบปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกต่อการบริหาร งานที่ผิดพลาด และให้มีการปฏิรูปประเทศทุกภาคส่วน แต่รัฐบาลรักษาการไม่มีการแสดงความรับผิดชอบอย่างอารยะ แต่กลับประกาศใช้ พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2557 ที่ผ่านมาซึ่งมีกำหนด 60 วัน โดยอ้างว่าการชุมนุมของประชาชนมีความรุนแรง ซึ่งการประกาศใช้พระราชกำหนดในครั้งนี้ขัดแย้งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ สุ่มเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ และหลักสิทธิมนุษยชนตามระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งยังพบอีกว่า หลังจากการประกาศพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในครั้งนี้ กลับมีเหตุการณ์ความรุนแรงในการลอบทำร้ายประชาชนที่เข้าชุมนุมด้วยอาวุธ สงครามอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามพระราชกำหนดฉบับนี้ ไม่สามารถดำเนินการสอบสวนจับกุม และหาตัวผู้กระทำผิดได้

จากการติดตามผลการบังคับใช้พระราชกำหนดนี้ พบว่ามีการเลือกปฏิบัติในการบังคับใช้เฉพาะกลุ่มบุคคล หรือประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมอย่างสงบเพียงฝ่ายเดียว โดยละเว้นการดำเนินการกับผู้ก่อความไม่สงบ หรือกลุ่มที่แสดงออกในการสนับสนุนรัฐบาล แม้ว่าจะมีการกระทำที่ขัดต่อพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นเดียวกัน จึงเห็นได้ชัดแล้วว่า การประกาศใช้พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล รักษาการในครั้งนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ แต่กลับมีจุดมุ่งหมายในการใช้กฎหมายพิเศษในการจัดการอย่างรุนแรงกับกลุ่ม ประชาชนและผู้สนับสนุนในการชุมนุมอย่างไม่มีจริยธรรม และธรรมภิบาล อันขัดต่อหลักการบังคับใช้กฎหมายที่จะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติ และบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกันในประชาชนทุกกลุ่ม อีกทั้งการบังคับใช้พระราชกำหนดนี้ยังขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างรุนแรง ซึ่งจะไปสู่ความขัดแย้งในประเทศมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากประเด็นดังกล่าวในข้างต้น แสดงให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลรักษาการไม่สามารถนำความสงบเรียบร้อยมาสู่ประเทศได้ แต่กลับมีการกระทำหลายอย่างของรัฐบาลรักษาการที่เพิ่มความขัดแย้งมากยิ่ง ขึ้น ทางประชาคมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงมีความห่วงใยในสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้ และขอเรียกร้องดังต่อไปนี้

1. รัฐบาลรักษาการ ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เป็นคนกลางที่เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายในการบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และดำเนินการปฏิรูปทุกภาคส่วนอย่างครอบคลุมทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

2. รัฐบาลรักษาการ ต้องยกเลิกการบังคับใช้ พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความไม่ชอบธรรม และมีการบังคับใช้อย่างไม่ธรรมภิบาล โดยให้กลับมาใช้กฎหมายปกติในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศแทน

3. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยได้ใช้อำนาจ และต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างยุติธรรมเท่าเทียมไม่เลือกปฏิบัติต่อ ประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดโดยเร็ว และเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ

ประชาคมสงขลานครินทร์ 13 กุมภาพันธ์ 2557






   


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น