xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาอยากได้เงินคืน ต้องเอารัฐบาลออกไปก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ขอเชิญชวนมาช่วยกันซื้อข้าวเพื่อนำเงินไปจ่ายชาวนาตามคำแนะนำของผู้รู้ นักการเมือง ควบคู่กับการหาเงินกู้โดยกระทรวงการคลัง ที่ทำงานคู่ขนานกันอย่างเต็มที่ทั้งในส่วนกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคลังเพื่อแก้ไขปัญหา” นายนิวัติธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเชิญชวนพ่อค้าส่งออกข้าวผ่านสื่อมวลชน ให้มาช่วยกันระบายข้าว ที่ล้นโกดังอยุ่ในขณะนี้

เป็นพ่อค้าข้าวที่เมื่อไม่นานมานี้เอง รัฐบาลและนักวิชาการนั่งร้านระบอบทักษิณเคยประณามหยามเหยีดว่า ทำมาหากินบนหลังชาวนามานานหลายทศวรรษ กดราคารับซื้อข้าวเปลือกทำให้ชาวนาตกอยู่ในวังวนแห่งความยากจน เป็นชนชั้นนำเก่า ที่ร่ำรวยจากการเอาเปรียบชาวนา จนรัฐบาลนี้ ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยโอบอุ้ม ผ่านโครงการรับจำนำข้าว ยกระดับชาวนาขึ้นเป็นชนชั้นกลางใหม่

เป็นพ่อค้าข้าว ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแนวร่วมของชนชั้นกลางในเมือง คัดค้าน ต่อต้านโครงการจำนำข้าว เพราะเสียผลประโยชน์แห่งชนชั้น

จากเดิมที่รัฐบาลกว้านซื้อข้าวไปเก็บไว้คนเดียว จะขายให้ก็เฉพาะพรรคพวกอย่างบริษัทสยามอินดิก้า ของเสียเปี๋ยง หรือนายอภิชาต จันทร์สกุลพร ในราคาถูก แล้วเอาไปเวียนเทียนขายให้โรงสีต่อเอากลับมาเข้าโครงการจำนำข้าวอีกรอบ โดยโกหกว่า เป็นการขายข่าวให้ต่างประเทศ แบบจีทูจี ในวันที่น้ำลดตอผุด กระทรวงพาณิชย์ซึ่งพูดโกหกมา 2 ปีกว่า ต้องเปิดให้พ่อค้าข้าวมาประมูลข้าวในสต็อกของรัฐบาล เดือนละ 2 ครั้ง ๆ ละ 2 แสนตัน เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ชาวนา

รัฐบาลเป็นหนี้ชาวนา มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว รวมเป็นเงินประมาณ 1.4 แสนล้านบาท จากตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์เอง ขายข้าว 1 ล้านตัน จะได้เงิน 10,000 ล้านบาท ต้องขายข้าว 14 ล้านตัน จึงจะได้เงิน 1.4 แสนล้านบาทมาคืนชาวนา กระทรวงพาณิชย์ ระบายข้าวเดือนละ สี่แสนตัน ต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 3 ปี จึงจะได้เงินครบ ภายใต้สมมติฐานว่า จะมีคนมาประมูลข้าวทุกเดือน ในราคาตันละ 10,000 บาทโดยเฉลี่ย ซึ่งในความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้

เรื่องนี้ จึงเป็นเพียงปาหี่ ซื้อเวลาหลอกชาวนาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่หลอกมาแล้ว 3-4 ครั้ง จนชาวนาไม่เชื่อแล้ว ตัดสินใจเดินทางมาทวงเงินจากรัฐบาล ถึงในเมืองหลวง

คำโกหกชุดสุดท้ายของรัฐบาล ที่สั่งให้ผู้ว่าราชการในจังหวัดที่มีการชุมนุมทวงหนี้ของชาวนา โกหกชาวนาคือ รัฐบาลกู้เงินมาได้แล้วจะทยอยชำระหนี้ให้ชาวนาได้หมดในไม่ช้า เมื่อความจริงปรากฏ ไม่มีธนาคารไหนให้รัฐบาลกู้ แม้แต่ธนาคารของรัฐเอง เพราะเข้าใจว่า เป็นการผิดกฎหมาย รัฐบาลก็สร้างคำโกหกชุดใหม่ขึ้นมา โทษ ก.ก.ต. โทษ กกปส. โทษนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า ขัดขวางไม่ให้ธนาคารทั้งของเอกชน และของรัฐกู้เงิน ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินมาจ่ายชาวนา

ข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือนก็คือ เงินกู้ 130,000 ล้านบาทที่รัฐบาลต้องการกู้ เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. นำไปชำระค่าข้าวให้ชาวนานั้น เป็นโครงการที่ ครม.มีมติอนุมัติวันที่ 7 มกราคม 2557 หลังจากที่รัฐบาลยุบสภาไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 จึงมีฐานะเป็นรัฐบาลรักษาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ระบุว่า ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็น ห้ามอนุมัติงานหรือโครงการที่มีผลผูกพันรัฐบาลใหม่

โครงการจำนำข้าวนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 กำหนดว่า การจำนำข้าว ปี 2554/2555 และ 2555/2556 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ต้องไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ประกอบด้วย เงินกู้ที่กระทรวงการคัลงจัดหาไม่เกิน 410,000 ล้านบาท และ สภาพคล่องของ ธ.ก.ส. คือ ให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายไปก่อนไม่เกิน 90,000 ล้านบาท

เมื่อถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ปรากฏว่า วงเงินจำนำข้าว 5 แสนล้านบาท นี้เหลืออยุ่เพียง 36,195 ล้านบาทเท่านั้น แบ่งเป็นเงินกู้ 13,244 ล้านบาท และเงินจาก ธ.ก.ส. 22,951 ล้านบาท เพราะ เงินที่รัฐบาลจ่ายออกไปรับซื้อข้าวจากชาวนามาเก็บในโกดัง จำนวน 463,805 ล้านบาทนั้น ไม่ได้หมุนเวียนกลับคืนมาเลย หรือกลับมาน้อยมาก เพราะรัฐบาลขายข้าวไม่ออก ที่ขายได้ก็ขายให้พรรคพวก คือ เสี่ยเปี่ยงในราคาที่ถูกมาก

เมื่อรัฐบาลเดินหน้าทำโครงการรับจำนำข้าวต่อไปเป็นปีที่ 3 คือ ฤดูกาล 2556/2557 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 จึงไม่มีเงินพอ เพราะเหลือเงินอยู่แค่ 36,000 ล้านบาทเท่านั้น ต้องกู้เงินเพิ่มอีก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 กันยายน 2556 จึงมีมติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพิ่มอีก 270,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการจำนำข้าว

กระทรวงการคลังซึ่งเป็นฝ่ายหาเงิน ยืนยันว่า เงินกู้ 270,000 ล้านบาทนี้ ต้องอยู่ภายใต้วงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่ ครม. อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการคลัง เพราะมิฉะนั้นแล้ว รัฐบาลก็จะกู้ไปเรือยๆ แต่ในเมื่อวงเงินเหลืออยู่เพียง 36,000 ล้านบาท เท่านั้น จะกู้อีก 270,000 ล้านบาทได้ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ใช้เงิน ก็จะต้องเร่งระบายข้าว เพื่อใช้หนี้เก่ามาคืน กระทรวงการคลังเสีย ก่อนที่จะก่อหนี้ใหม่

นับจากวันที่ 3 กันยายน 2556 รัฐบาลก็ไมได้ทำอะไรเลย ในเรื่องหาเงินมาจ่ายชาวนา เพราะขณะนั้น กำลังสาละวนอยู่กับ การผลักดันร่าง พ.ร.บ, นิรโทษกรรม ล้างความผิดคดีทุจริตให้พี่ชายนายกรัฐมนตรี จนเกิดการชุมนุมต่อต้านขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ซึ่งการชุมนุมพัฒนาเติบใหญ่ขึ้น เป็นมวลมหาประชาชน ภายใต้การนำของ กปปส. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการ ซึ่งมีผลทำให้รัฐบาลต้องยุบสภาในวันที่ 9 ธันวาคม 2556

เมื่อฤดูกาลจำนำข้าว 2556/2557 เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 รัฐบาลจึงไม่มีเงินมาจ่ายชาวนา ที่เอาข้าวมาขาย เพราะรัฐบาลสนใจแต่จะช่วยทักษิณ ไม่สนใจเรื่องอื่น จนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือน เมื่อชาวนาทนไม่ไหว ชุมนุมประท้วงกันประปราย และมีการยุบสภา ต้องเลือกตั้งใหม่ นั่นแหละรัฐบาลจึง เพิ่งตื่น คิดจะหาเงินกู้มาจ่ายชาวนา เพื่อรักษาฐานเสียงไว้ ซึ่งเข้าข่ายต้องห้ามตาม มาตรา 180 รัฐธรรมนูญ รัฐบาลพยายามจะโยนเผือกร้อนไปให้ กกต. พิจารณาว่า จะให้กู้เงินได้หรือไม่ได้ หาก กกต. บอกว่า กุ้ได้ รัฐบาลก็รอดตัว หาก กกต.ว่า กู้ไมได้ รัฐบาลก็จะได้โทษ กกต. ว่า เป็นต้นเหตุให้ชาวนาไม่ได้เงิน แต่ กกต. รู้ทัน ไม่รับพิจารณา โยนลูกกลับมาให้ รัฐบาลตัดสินใจเอง ทำให้รัฐบาลจำใจต้องเดินหน้าต่อ แม้จะมีเสียงทักท้วงจากผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ แต่สุดท้าย ธนาคารพาณิชย์เอกชนไม่เล่นด้วยเพราะเห็นชัดๆ ว่า ผิดกฎหมาย

การที่พรรคเพื่อไทย รัฐบาล และบรรดานั่งร้านของระบอบทักษิณ รวมทั้งหมาเห่าใบตองแห้งตัวนั้น กล่าวหาคนที่คัดค้านการกู้เงินอีก 130,000 ล้านบาทของรัฐบาล เพื่อมาจ่ายชาวนารวมทั้ง กปปส.ว่า จับชาวนาเป็นตัวประกัน ไม่สงสารชาวนาเลย เพราะการกู้เงิน 130,000 ล้านบาทนี้ เป็นโครงการต่อเนื่อง จึงเป็นการจงใจบิดเบือน โยนความผิดให้คนอื่น ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ทนโท่ว่า รัฐบาลมีเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคมที่จะหาเงินมาจ่ายชาวนา แต่ไม่ทำอะไรเลย

ในความเป็นจริงแล้ว ต้องถือว่าการชุมนุมของมวลมหาประชาชน ภายใต้การนำของ กปปส. มีคุณูปการอย่างยิ่งต่อประเทศไทย เพราะทำให้โครงการจำนำข้าวต้องยุติลง เพราะหากไม่มีการชุมนุม รัฐบาลอยู่ต่อไปอีก 2 ปี จะต้องกู้เงินมารับซื้อข้าวอีกไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท บวกกับหนี้เก่า 5 แสนล้านบาท รวมเป็น 1 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ที่คนไทยทุกคนต้องรับภาระชดใช้แทน

การหาเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนา มีวิธีเดียวที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ รีบระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลจำนวนหาศาล 14 หรือ 17 ล้านตัน ออกไปให้เร็วที่สุด มากที่สุด โดยต้องยอมรับผลขาดทุน เพื่อหาเงินมาจ่ายคืนให้ชาวนา แต่จะทำเช่นนี้ได้ ต้องอาศัยมืออาชีพในวงการค้าข้าว และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมา ซึ่ง นช.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นแน่ เพราะไม่อยากให้ใครไปเปิดโกดังข้าวดูว่าซุกซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง

ดังนั้น จีงต้องกำจัดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และระบอบทักษิณออกไปเสียก่อน จึงจะสามารถเร่งรัดการระบายข้าวจำนวนมหาศาลออกไปโดยเร็ว เพื่อหาเงินมาคืนชาวนาได้



กำลังโหลดความคิดเห็น